บทความสุขภาพ

Knowledge

รู้จักโรคภูมิแพ้ ก่อนโรคร้ายจะรู้จักคุณ ตอนที่2

การรักษาโรคภูมิแพ้


การรักษาด้วยยา


ยารักษาโรคภูมิแพ้หลายชนิดเป็นยาสามัญที่คุณสามารถหาซื้อได้เองตามร้านขายยาทั่วไป แต่ยารักษาโรคภูมิแพ้บางอย่างก็ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายให้ แพทย์ของคุณอาจแนะนำให้ใช้ยาสามัญหรือสั่งจ่ายยาเฉพาะให้ หรือทั้งสองอย่างการรักษาด้วยยาจะได้ผลดีที่สุดเมื่อใช้อย่างถูกต้องตามที่แพทย์แนะนำ


1. ยาแก้แพ้ (Antihistamine)


ยาแก้แพ้เป็นยาที่ใช้บ่อยที่สุดในการรักษาโรคภูมิแพ้ ยากลุ่มนี้ออกฤทธิ์โดยป้องกันไม่ให้ Histamineรบกวนเยื่อบุช่องจมูก จึงช่วยป้องกันอาการต่างๆ เช่น การจาม คันจมูก และมีน้ำมูกไหล คุณอาจซื้อยาแก้แพ้เองได้ โดยไม่ต้องให้แพทย์สั่ง แต่ยาเหล่านี้อาจทำให้ง่วงนอนได้ ส่วนยาแก้แพ้ที่ไม่ทำให้ง่วงนอนนั้น ควรให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายให้หรือปรึกษาเภสัชกร


ยาแก้แพ้ป้องกัน Histamine ไม่ให้รบกวนเยื่อบุช่องจมูก ลดการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล


2. ยาลดอาการคัดจมูก (Decongestant)


ยาลดอาการคันจมูกจะลดอาการบวมของเยื่อบุช่องจมูก ทำให้ช่องจมูกโล่งขึ้น และลดความดันในโพรงจมูก ยาชนิดนี้คุณสามารถซื้อได้เอง หรือจะให้แพทย์สั่งจ่ายให้ก็ได้ ยาลดอาการคัดจมูกมีอยู่ 2 แบบคือ ยาเม็ด และยาพ่นจมูก ควรลองรับประทานยาสัก 2-3 วัน เพื่อบรรเทาอาการ แต่หากจำเป็นต้องใช้ยาติดต่อกันเกินกว่า 1 สัปดาห์ ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากยามีผลต่อความดันโลหิต สำหรับยาพ่นจมูกนั้น ควรใช้ต่อเมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้น เพราะอาการจะแย่ลงได้ถ้าใช้บ่อยเกินไป


ยาลดอาการคัดจมูกจะช่วยให้อาการบวมของเยื่อบุจมูกลดลง ทำให้ช่องจมูกโล่งขึ้น


3. สเตอรอยด์ (Corticosteroid)


สเตอรอยด์เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่ง (ไม่ใช่พวก Anabolic Steroid ซึ่งพวกนักกีฬาใช้เป็นยาโด๊ป) ซึ่งช่วยลดอาการบวม คัน และจาม โดยการป้องกันเยื่อบุช่องจมูกจากการระคายเคือง ยาสเตอรอยด์มักเป็นชนิดสำหรับพ่นเข้าจมูกโดยตรง แต่จะต่างจากยาลดอาการคัดจมูกแบบพ่น ซึ่งคุณหาซื้อได้ทั่วไป สเตอรอยด์ควรต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณาสั่งจ่ายและต้องใช้อย่างสม่ำเสมอจึงจะได้ผลดี ยากลุ่มนี้อาจมีอาการข้างเคียงบางอย่าง เช่น จมูกแห้ง มีเลือดออกทางจมูก หรือแสบจมูก หากคุณจำเป็นต้องใช้สเตอรอยด์ขนาดสูงขึ้นสำหรับช่วงเวลาสั้นๆ แพทย์ก็อาจสั่งจ่ายในรูปยาเม็ด


สเตอรอยด์ช่วยป้องกันเยื่อบุช่องจมูกจากการระคายเคือง



การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ


แพทย์อาจแนะนำคุณให้ล้างจมูกเป็นครั้งคราวด้วยน้ำเกลือ (Saline Solution) โดยเฉพาะในรายที่มีไซนัสอักเสบร่วมด้วย ซึ่งจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้เยื่อบุช่องจมูก ทำให้รู้สึกสบายขึ้น และยังช่วยชะเอามูกและคราบต่างๆ ออกไปด้วย


คุณสามารถหาซื้อชุดน้ำเกลือสำหรับทำความสะอาด ได้ตามร้านขายยาทั่วไป



การฉีดยารักษาอาการภูมิแพ้ (Allergy Shots)


หากการทานยาไม่สามารถบรรเทาอาการโรคภูมิแพ้ได้ แพทย์อาจแนะนำให้รักษาด้วยการฉีดยา ซึ่งก็คือสารละลายที่มีสารที่คุณแพ้ผสมอยู่จำนวนเล็กน้อย เช่น อาจเป็นเกสรดอกไม้หรือไรฝุ่น ปริมาณของสารภูมิแพ้จะค่อย ๆ ถูกเพิ่มขึ้นทีละน้อยในแต่ละครั้งที่คุณฉีด จนถึงระดับหนึ่งเรียกว่า ระดับรักษา หรือ maintenance level โดยในช่วง 3-6 เดือนแรก การฉีดยาอาจทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง จากนั้นระยะห่างของการฉีดแต่ละเข็มจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ประมาณเดือนที่ 6 ระยะฉีดยาจะเลื่อนเป็นเดือนละครั้งและฉีดสม่ำเสมอต่อไปอีกประมาณ 2-3 ปี วัตถุประสงค์ของการรักษาด้วยยาฉีดนี้คือเพื่อให้ร่างกายของคุณมีปฏิกิริยาต่อสารภูมิแพ้ลดลง ซึ่งผลของการรักษาด้วยวิธีนี้ช่วยให้อาการภูมิแพ้ของคนไข้จำนวนมากบรรเทาลงได้



การบังคับตัวเอง


การรักษาโดยการฉีดยาภูมิแพ้จะไม่ได้ผลหากคุณไม่สามารถรับการรักษาอย่างสม่ำเสมอตามตารางที่แพทย์จัดให้ดังนั้น ผู้ป่วยจึงต้องมีวินัยในการรักษา หากมีความจำเป็นต้องเลื่อนนัดการฉีดยาในครั้งใด ต้องติดต่อกับแพทย์ของคุณเพื่อขอนัดใหม่เสมอ



การผ่าตัด


ในบางกรณี สาเหตุของโรคภูมิแพ้อาจเป็นโรคที่อยู่ในจมูกหรือโพรงอากาศ ซึ่งไม่สามารถรักษาด้วยการรับประทานยาหรือการฉีดยาได้ แพทย์ก็อาจแนะนำให้รักษาด้วยการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการรักษาโรคภูมิแพ้เท่านั้น การผ่าตัดเองไม่สามารถรักษาโรคภูมิแพ้ได้โดยตรง แต่จะช่วยในการตัดเอาติ่งเนื้อ (polyp) หรือสิ่งกีดขวางในช่องจมูกหรือโพรงจมูก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้อาการของโรคภูมิแพ้เลวลง หากคุณมีปัญหาที่อาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด แพทย์ของคุณจะช่วยให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้



การปฏิบัติตนสำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้


การสัมผัสกับสารแพ้อยู่เสมอ ย่อมทำให้คุณเกิดอาการแพ้อยู่เสมอเช่นกัน ดังนั้นการควบคุม หรือหลีกเลี่ยงสารแพ้จึงเป็นส่วนสำคัญของแผนการรักษา คำแนะนำต่อไปนี้ช่วยคุณได้ แต่อาจไม่ต้องทำทุกอย่างในคราวเดียวกัน ควรเริ่มโดยเลือกทำเพียงหนึ่งหรือสองอย่างสำหรับสารแพ้แต่ละอย่างที่คุณแพ้ หลังจากนั้นค่อยทำเพิ่มทีละน้อย ยิ่งคุณสามารถหลีกเลี่ยงสารแพ้ได้มากเท่าใดคุณจะยิ่งรู้สึกสบายขึ้นเท่านั้น


1. การหลีกเลี่ยงฝุ่นในบ้าน


– ฝุ่นในบ้านรวมถึงไรฝุ่นที่เกาะอยู่เป็นสิ่งที่แทบจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย แม้แต่บ้านที่สะอาดที่สุดก็ยังมีไรฝุ่น แต่คุณยังพอจะควบคุมมันได้ ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้


– หุ้มเบาะที่นอน รวมทั้งขาสปริงและหมอนหนุนด้วยผ้ากันไรฝุ่น ซึ่งไรฝุ่นไม่สามารถลอดผ่านผิวที่นอนขึ้นมาได้


– พยายามลดปริมาณฝุ่นในบ้าน ด้วยการกำจัดของไม่จำเป็นที่วางระเกะระกะออก โดยเฉพาะในห้องนอนควรยกเอาสัตว์สตัฟฟ์ ของตกแต่งบนฝาผนัง ของกระจุ๋มกระจิ๋ม หนังสือ และเฟอร์นิเจอร์ที่มีรอยแยกหรือลายแกะสลักมาก ๆออกจากห้อง


– พยายามให้มีพรมในบ้านน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะจะเป็นที่อาศัยของไรฝุ่นได้


– เช็ดฝุ่นออกสักอาทิตย์ละสองครั้งด้วยผ้าเปียกและควรดูดฝุ่นด้วยเครื่องอย่างสม่ำเสมอ สวมหน้ากากกรองฝุ่นในขณะทำความสะอาด


– ซักผ้าปูที่นอน เครื่องนอน และผ้าม่านอย่างสม่ำเสมอโดยใช้น้ำร้อนอย่างน้อย 60 องศาเซลเซียส สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งนี้เพราะน้ำอุ่นหรือน้ำเย็นไม่สามารถฆ่าไรฝุ่นได้


2. การหลีกเลี่ยงเชื้อรา


หากคุณแพ้เชื้อรา ต้องให้ความสนใจกับบริเวณที่จะมีน้ำขังได้ คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยในการการหลีกเลี่ยงเชื้อราได้


– ถ่ายน้ำออกจากบริเวณที่มีน้ำขังในสนามหญ้า เก็บกวาดเศษใบไม้และวัชพืชก่อนที่จะเริ่มเน่า เก็บของหมักให้ห่างจากตัวบ้าน


– ถ้ามีรอยซึมจากก๊อกน้ำหรือหลังคารั่วต้องรับซ่อมทันที


– ถ้าภายในบ้านชื้น ควรใช้เครื่องกำจัดความชื้น


– หลีกเลี่ยงการปลูกต้นไม้ในบ้าน และรักษาบริเวณชื้นแฉะให้สะอาดปราศจากเชื้อรา


– ทำความสะอาดฝักบัวและอ่างอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอด้วยน้ำยาทำความสะอาดและตรวจดูว่ามีเชื้อราขึ้นที่ม่านห้องน้ำหรือไม่


3. การหลีกเลี่ยงสัตว์


รังแค น้ำลาย และปัสสาวะของสัตว์ล้วนอาจเป็นสารแพ้ แมวจะสร้างปัญหามากกว่าสัตว์เลี้ยงชนิดอื่น สัตว์ที่มีขนยาวยังอาจมีฝุ่น เชื้อรา และเกสรดอกไม้ติดมาด้วย


วิธีที่ดีทีสุดที่จะหลีกเลี่ยงสารแพ้จากสัตว์ คือการไม่เลี้ยงสัตว์ แต่หากคุณมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้วและไม่สามารถแยกจากมันได้ควรพยายามเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสกับมันเท่าที่จะทำได้ คำแนะนำต่อไปนี้อาจช่วยได้


– การอาบน้ำให้สัตว์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง จะช่วยลดปริมาณสารภูมิแพ้ลงได้มาก และยังเป็นการล้างเอาน้ำลาย ฝุ่น เชื้อรา และเกสรดอกไม้ออกจากขนของมันด้วย หลังอาบน้ำแล้ว หากสามารถล้างตัวมันด้วยน้ำกลั่นได้ก็จะยิ่งได้ผลดี


4. การหลีกเลี่ยงแมลงสาบ


ฝุ่นซากแมลงสาบเป็นสาเหตุสำคัญของโรคภูมิแพ้ในคนไทยแมลงสาบมีค่อนข้างชุกชุมในที่มีเศษอาหารวิธีกำจัดคือ


– ขจัดแหล่งอาหารและแหล่งเพาะพันธุ์ของแมลงสาบในครัว ถังขยะ ตู้กับข้าว ท่อระบายน้ำ และห้องน้ำ


– พยายามกันสัตว์เลี้ยงไว้นอกบ้านเท่าที่เป็นไปได้ ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปในห้องนอน


– ล้างมือทุกครั้งที่คุณสัมผัสสัตว์เลี้ยง และพยายามให้มันอยู่ห่าง ๆ จากใบหน้าของคุณ


5. การหลีกเลี่ยงเกสรดอกไม้


เกสรดอกไม้จะล่องลอยอยู่ในอากาศเมื่อต้นไม้ ต้นหญ้า หรือวัชพืชพากันออกดอก จึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยง แต่ก็มีบางสิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อลดการสัมผัสกับเกสรดอกไม้ได้


– หลีกเลี่ยงการอยู่นอกบ้านเป็นเวลานานในช่วงที่มีปริมาณเกสรดอกไม้สูง ได้แก่ ในช่วงที่อากาศอุ่น แห้ง และในเวลาเช้า

– หากทำได้ควรเดินทางไปพักผ่อนที่อื่นในช่วงที่เป็นโรคภูมิแพ้มาก การไปเที่ยวทะเลเป็นทางเลือกที่ดี

– ปิดหน้าต่าง โดยเฉพาะในช่วงที่มีปริมาณเกสรดอกไม้มาก และใช้เครื่องปรับอากาศแทน


6. การควบคุมสารแพ้ในบ้าน

บ้านเป็นสถานที่ที่คุณใช้เวลาอยู่มากที่สุด การควบคุมปริมาณสารแพ้ในบ้านจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง


คำแนะนำต่อไปนี้จะช่วยให้คุณควบคุมสารแพ้ในบ้านได้ดีขึ้น


– เครื่องกรองอากาศชนิด HEPARILTER จะช่วยลดฝุ่นและขนสัตว์ได้


– ใช้ที่บังแดดหรือราบเกล็ดที่เป็นแนวตั้งแทนแนวขวาง ซึ่งจะเก็บกักฝุ่นและเปลี่ยนผ้าม่านเป็นผ้าม่านที่ถอดซักได้ง่าย

– ขจัดและทำลายแมลงสาบด้วยกับดักแมลงสาบ และยาฆ่าแมลงสาบ

– ขจัดซากของแมลงสาบที่ติดอยู่ตามซอกต่าง ๆ โดยอาจใช้น้ำยาล้างพื้นช่วยให้คราบแมลงสาบหลุดง่ายขึ้น


– เลี่ยงการใช้หมอนขนเป็ด หมอนและที่นอนนุ่น ผ้าพันคอสำลี และผ้าห่มขนสัตว์ ควรใช้หมอนใยสังเคราะห์หรือโฟม ใช้ผ้าห่มและผ้าคลุมเตียงที่ซักได้


– รักษารถให้สะอาด ใช้เครื่องดูดฝุ่นบริเวณเบาะนั่งและพรมอย่างสม่ำเสมอในที่ที่มีควันเสียหรือฝุ่นควรใช้เครื่องปรับอากาศแทนการเปิดหน้าต่าง


– รักษารางน้ำฝนให้สะอาด กำจัดเศษใบไม้และสิ่งสกปรก ซึ่งอาจทำให้เกิดเชื้อราได้


– เลี่ยงการวางของเกะกะที่จะมีฝุ่นเกาะ ควรเก็บหนังสือ ของเล่น เสื้อผ้าในตู้ที่ปิดมิดชิดอยู่เสมอ

– ไม่ควรมีพรมหรือควรใช้พรมปูพื้นที่ซักได้


– เลี่ยงงานในสนามหญ้าซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่จะสัมผัสกับเกสรดอกไม้ เช่น การตัดหญ้าหรือถอนวัชพืชถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากกรองอากาศเวลาทำงาน


– อย่าทิ้งผ้าเปียกค้างไว้เพราะอาจมีเชื้อราขึ้นได้

– ตรวจอาหารที่เก็บไว้ว่ามีการบูดเสียหรือเชื้อราขึ้นหรือไม่ รอยหกเลอะต้องทำความสะอาดทันที


– ติดแผ่นกรองอากาศในเครื่องปรับอากาศ และเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ


7. การควบคุมสารแพ้ในที่ทำงาน


คำแนะนำที่ช่วยคุณควบคุมสารแพ้ในที่อยู่อาศัย ย่อมช่วยคุณในที่ทำงานด้วยเช่นกัน


– เช็ดบริเวณที่คุณทำงานด้วยผ้าบิดหมาดอย่างสม่ำเสมอ


– จัดเก็บบริเวณที่ทำงานให้เป็นระเบียบเรียบร้อยให้มากที่สุด

– ถ้าคุณแพ้เชื้อรา ควรย้ายต้นไม้ออกไปห่าง ๆ

– ถ้าทำได้ ควรใช้เครื่องฟอกอากาศในบริเวณที่ทำงาน


8. หลีกเลี่ยงสารระคายเคือง

– อย่าปล่อยให้สารระคายเคืองทำให้อาการของคุณแย่ลง

– อย่าสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เท่าที่จะทำได้

– อย่าใช้แป้งฝุ่นและสิ่งที่เป็นสเปรย์ สิ่งเหล่านี้ระคายเคืองต่อจมูกมาก

– ใช้น้ำหอมและน้ำยาทำความสะอาดในที่มีอากาศถ่ายเทได้ดีเท่านั้น




คุณภาพมาตรฐาน บริการประทับใจ ก้าวไกลเทคโนโลยี

– อายุรกรรม ศัลยกรรม สูตินรีเวช และกุมารเวช

– คลินิก ตา หู คอ จมูก และ Sleep Laboratory

– การผ่าตัดหัวใจ และหลอดเลือด

– การสวนหัวใจ

– หน่วยโรคไต (ไตเทียม,เปลี่ยนไต)

– คลินิกผู้มีบุตรยาก บลาสโตซิสท์เซ็นเตอร์

การรักษาผู้มีบุตรยาก ด้วยเทคโนโลยีบลาสโตซิสท์คัลเจอร์

– การผ่าตัดผ่านกล้องส่องภายใน (ถุงน้ำดี,ข้อเข่า)


– การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ (ผิวหนัง,ตา)

– ทันตกรรม โดยทันตแพทย์เฉพาะทาง (จัดฟัน,รักษารากฟัน,รักษาฟันเด็ก,ศัลยกรรมช่องปาก,ใส่ฟัน,อวัยวะเทียมช่องปากและใบหน้า,ศัลยกรรมตกแต่งปากแหว่ง เพดานโหว่)

– การตรวจสุขภาพประจำปี

– หน่วยพยาบาลฉุกเฉิน ตลอด 24 ชม.





เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (2)

ดูทั้งหมด

โปรแกรมตรวจเลือดหาภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อม 20 ชนิด

โปรแกรมตรวจเลือดหาภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อม 20 ชนิด

ตรวจเลือดหาภูมิแพ้อากาศและสิ่งแวดล้อม 20 ชนิด

฿ 4,290

โปรแกรมตรวจเลือดหาสารก่อภูมิแพ้ 36 ชนิด

โปรแกรมตรวจเลือดหาสารก่อภูมิแพ้ 36 ชนิด

ตรวจเลือดหาสารก่อภูมิแพ้ 36 ชนิด

฿ 4,990

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

“ภูมิแพ้ผิวหนัง” จัดการได้

โรคภูมิแพ้ผิวหนังเป็นโรคภูมิแพ้ของผิวหนังทำให้ผิวหนังอักเสบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ อาการมักพบบ่อยในวัยเด็ก และหากมีอาการคันรุนแรง อาจมีการติดเชื้อที่ผิวหนังแทรกซ้อนได้ การป้องกัน หลีกเลี่ยงปัจจัยและสารที่ทำให้แพ้ จะป้องกันอาการภูมิแพ้ผิวหนังได้

การดูแลสุขภาพสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ในช่วง covid-19 ระบาด

ในช่วงที่โรค COVID-19 ระบาดนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้และโรคหืด ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมีความกังวลใจกว่าสภาวะปกติ เมื่ออาการของโรคภูมิแพ้กำเริบ โดยมักจะกังวลว่าเป็นอาการของโรค COVID-19 หรือเปล่า

รู้จักโรคภูมิแพ้ ก่อนโรคร้ายจะรู้จักคุณ

โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคร้ายแรง เพราะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้บรรเทาลงจนคุณรู้สึกดีขึ้นเหมือนเป็นปกติได้ หากได้รับการรักษาและมีการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง โรคภูมิแพ้ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล และโรคภูมิแพ้ชนิดตลอดปี

ภูมิแพ้…โรคยอดฮิตของคนยุคนี้!

โรคภูมิเเพ้ คือการตอบสนองของร่างกายที่ไวเกินต่อสารก่อภูมิเเพ้ ทำให้เกิดอาการแพ้ต่าง ๆ เราสามารถทราบสารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้จากการทดสอบภูมิแพ้ และควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิเเพ้ ดูเเลสุขภาพให้เเข็งเเรง หากมีอาการเเพ้รุนเเรงควรรีบไปพบเเพทย์ทันทีเพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้

โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจในเด็ก เรื่องไม่เล็ก ที่พบได้บ่อย

โรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจจัดว่าพบได้บ่อยที่สุดในกลุ่มโรคภูมิแพ้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นในเด็กหรือผู้ใหญ่ จึงเป็นปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่สังคมมีความเป็นเมืองมากขึ้นมีปัญหามลภาวะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้ปัญหาของโร

ภูมิแพ้แบบไหนที่ควรไปหาหมอ?

โรคภูมิแพ้จำเป็นต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาการภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่อาการเล็กน้อย ไม่รุนแรงมากนักจนถึงขั้นมีอาการหนัก หากพบว่ามีอาการภูมิแพ้รุนแรง หรือรบกวนชีวิตประจำวัน ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและได้รับการรักษาที่เหมาะสม

รู้จักโรคภูมิแพ้ ก่อนโรคร้ายจะรู้จักคุณ ตอนที่1

โรคภูมิแพ้ไม่ใช่โรคร้ายแรง เพราะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้บรรเทาลงจนคุณรู้สึกดีขึ้นเหมือนเป็นปกติได้ หากได้รับการรักษาและมีการปฏิบัติตนที่ถูกต้อง โรคภูมิแพ้ แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดใหญ่ๆ คือ โรคภูมิแพ้ตามฤดูกาล และโรคภูมิแพ้ชนิดตลอดปี อาการที่มักพบอยู่เสมอในผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ ได้แก่ จาม คัดจมูก ตา หู และลำคอ มีน้ำมูกใสๆ ไหลออกมาบ่อยๆ รู้สึกคัดจมูก ตาแดง และมีน้ำตาไหล นอกจากนี้ยังอาจมีอาการเจ็บคอ ไอ อ่อนเพลีย ปวดท้อง ปวดศีรษะ หรือปวดบริเวณคาง และหน้าผากร่วมด้วย หากคุณมีอาการต่างๆ เหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย และกำหนดวิธีการรักษาโรคภูมิแพ้ที่เหมาะที่สุด เพราะหากปล่อยไว้เรื้อรังอาจกลายเป็น โรคไซนัส และโพรงหลังจมูกอักเสบได้

ไขข้อสงสัย โรคภูมิแพ้ลำไส้ตัวเอง ที่เรียกว่า IBD ทำไมต้องทรมาน และ ลาออก

Inflammatory Bowel Disease (IBD) เป็นกลุ่มโรคที่มีการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร ซึ่งสามารถจำแนกโรคออกได้ 2 โรค คือ Ulcerative Colitis (UC) และ Crohn’s disease จากกรณี นายกญี่ปุ่น Prime Minister Shinzo Abe พอทราบข่าวว่า โรค Ulcerative colitis

โรคภูมิแพ้ในเด็ก เป็นอย่างไร?

ปัจจุบันปัญหาโรคภูมิแพ้ในเด็กพบมากขึ้นทุกวัน นำมาซึ่งความกังวลใจของคุณพ่อคุณแม่เป็นอย่างมาก เพราะภูมิแพ้เป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากการที่ร่างกายมีความไวต่อสารกระตุ้นบางอย่างมากกว่าปกติ ซึ่งก็คือสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง ทำให้เกิดอาการผิด

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital