บทความสุขภาพ
Knowledge
พญ. ฉัฐฐิมา เสาวภาคย์
ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) คือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่มักพบในเด็กอายุ 5-15 ปี เกิดจากพิษของเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ (Streptococcus Group A) ส่งผลให้ผู้ป่วยมีไข้ เกิดผื่นแดง มีอาการคออักเสบ และลิ้นแดงคล้ายสตรอว์เบอร์รี ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะพบไข้อีดำอีแดงน้อยลง แต่หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ มาศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุและอาการ พร้อมทั้งหาแนวทางป้องกันไข้ดำแดงในบทความนี้กันได้เลย!
Key Takeaways
ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) คือ โรคติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดจากเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ (Group A Streptococcus) ซึ่งเป็นแบคทีเรียชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดคออักเสบ เชื้อชนิดนี้สร้างสารพิษที่กระตุ้นให้เกิด ผื่นแดงทั่วร่างกาย และมักมีอาการที่เด่นชัดอย่างหนึ่งคืออาการลิ้นแดงคล้ายสตรอว์เบอร์รี หรือ Strawberry Tongue
โดยอีดำอีแดงจะพบมากในเด็กที่อยู่ในช่วงอายุ 5-15 ปี และแพร่กระจายผ่านทางละอองฝอยของสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยที่ไอหรือจาม ไปจนถึงการสัมผัสสารคัดหลั่งที่ติดอยู่ตามของใช้ส่วนตัวผู้ป่วย ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาไข้อีดำอีแดงอย่างเหมาะสม ก็อาจนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงและอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น โรคหัวใจรูมาติก ไตอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบ เป็นต้น
ไข้อีดำอีแดงจะแสดงอาการชัดเจนตั้งแต่ระยะแรก และมักมีอาการเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่จะมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างออกไป หากสังเกตพบอาการของไข้อีดำอีแดงต่อไปนี้ ควรรีบพบแพทย์ทันที!
ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคติดต่อที่แพร่กระจายผ่านละอองฝอยของสารคัดหลั่งจากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ นอกจากนี้ ยังสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก หรือการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น การใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวกัน การดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน หรือทานอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง เป็นต้น
ไข้ดำแดงมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถมีชีวิตอยู่บนพื้นผิวต่าง ๆ ได้ชั่วคราว หากสัมผัสโดยตรงแล้วนำมือมาสัมผัสปาก จมูก หรือดวงตา อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้ออีดำอีแดงได้ โดยระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ 2-4 วัน จนกระทั่งเริ่มแสดงอาการป่วย
การวินิจฉัยไข้อีดำอีแดง เริ่มจากการตรวจร่างกายเบื้องต้น โดยแพทย์จะประเมินอาการว่ามีผื่นแดง มีอาการคออักเสบ มีไข้สูง หรือมี Strawberry Tongue หรือไม่ นอกจากนี้ อาจมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการติดเชื้อสเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ เช่น การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากลำคอ (Throat Swab Culture) แล้วนำไปตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง หรือในบางกรณีอาจมีการตรวจเลือดเพื่อดูระดับค่าความอักเสบในร่างกายด้วย
หากสงสัยว่ามีภาวะแทรกซ้อนจากไข้อีดำอีแดง แพทย์อาจพิจารณาการตรวจร่างกายแบบอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น ตรวจปัสสาวะหรือเอกซเรย์ช่องอก ทั้งนี้ การวินิจฉัยที่รวดเร็วช่วยให้ผู้ติดเชื้อหรือผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะอย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนและการแพร่กระจายของโรคได้ด้วย
หากแพทย์วินิจฉัยและยืนยันแล้วว่าผู้ป่วยติดเชื้อไข้อีดำอีแดงจริง ก็จะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการรักษาโดยเร็วที่สุด เพราะไข้อีดำอีแดงคือโรคที่มีความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ง่าย แต่หากได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยหายจากโรคได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะหายภายใน 7-10 วัน โดยมีวิธีรักษาหลัก ๆ ดังนี้
ไข้อีดำอีแดงเป็นโรคติดต่อที่สามารถแพร่กระจายได้ง่าย ดังนั้น การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราและเด็ก ๆ เลี่ยงการติดเชื้อ และป้องกันไม่ให้เชื้ออีดำอีแดงเกิดการแพร่กระจายไปยังคนรอบข้าง โดยวิธีป้องกันการติดเชื้อไข้อีดำอีแดงมีดังนี้
ไข้อีดำอีแดง (Scarlet Fever) คือ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งสามารถรักษาได้หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรก เริ่มต้นจากการใช้ยาปฏิชีวนะและการรักษาตามอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม การวินิจฉัยและการรักษาอีดำอีแดงในเวลาที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้มีโอกาสกลับมาหายดีได้มากขึ้น
หากบุตรหลานของท่านมีอาการที่คล้ายกับไข้อีดำอีแดง หรือสงสัยว่าจะติดเชื้ออีดำอีแดงหรือไม่ สามารถเข้ารับการตรวจร่างกายก่อนได้ที่ศูนย์กุมารเวชกรรม โรงพยาบาลพระรามเก้า ซึ่งมีทีมแพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านสุขภาพในเด็ก พร้อมให้คำปรึกษาและการรักษาที่ครอบคลุมเพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ป่วยควรหยุดโรงเรียนจนกว่าจะได้รับยาปฏิชีวนะครบ 24 ชั่วโมง และไม่ควรสัมผัสผู้อื่นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไข้อีดำอีแดง
หากไม่ได้รับการรักษาอีดำอีแดงอย่างทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้หลายอย่าง เช่น โรคหัวใจรูมาติก, ลิ้นหัวใจอักเสบ, กรวยไตอักเสบ, หูชั้นกลางอักเสบ, ปอดอักเสบหรือปอดบวม, กระดูกอักเสบ, เสี่ยงติดเชื้อในกระแสเลือด ไปจนถึงขั้นเสียชีวิต
References
Amanda, O. (2015, September). Scarlet fever. Derm Net All about the skin. https://dermnetnz.org/topics/scarlet-fever
Scarlet fever. (2022, June 07). Mayo Clinic. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/scarlet-fever/symptoms-causes/syc-20377406
Scarlet fever. (2023, July). Health Direct. https://www.healthdirect.gov.au/scarlet-fever
Scarlet fever. (2024, December 23). NHS. https://www.nhs.uk/conditions/scarlet-fever/
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital