บทความสุขภาพ
Knowledge
พญ. สลิษา ประดิษฐบาทุกา
หลาย ๆ คนอาจจะกำลังเผชิญกับอาการปวดศีรษะเรื้อรัง เวียนศีรษะ อ่อนแรงหรือชาตามร่างกาย สิ่งที่จะช่วยให้การรักษาดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยการวินิจฉัยที่มีความแม่นยำสูง เพราะยิ่งรู้สาเหตุของการเกิดโรคได้ชัดเจนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้รักษาได้ตรงจุด ช่วยให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูจนกลับสู่สภาวะปกติได้เร็วขึ้น
ในบางโรคที่ค่อนข้างมีความซับซ้อน จึงต้องใช้หลายวิธีในการวินิจฉัยร่วมกัน รวมถึงการทำ MRI scan เพื่อใช้เป็นตัวยืนยันผลวินิจฉัยให้มีความชัดเจนเพียงพอ สำหรับคนที่สงสัยว่า MRI คืออะไร? MRI มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร หรือ MRI ตรวจอะไรได้บ้าง สามารถหาคำตอบได้ในบทความนี้
Key Takeaways
Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI คือ การใช้เครื่องมือทางการแพทย์ตรวจหาความผิดปกติตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเครื่อง MRI จะมีลักษณะเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ประมาณ 60 เซนติเมตร ที่ถูกล้อมรอบด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า เมื่อผู้ป่วยเข้าไปอยู่ภายใต้สนามแม่เหล็ก เครื่องจะส่งคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency) ไปกระตุ้นยังอวัยวะ ทำให้เกิดกระบวนการทางฟิสิกส์ที่เรียกว่า การกำทอน (Resonance) ขึ้น
หลังจากเครื่องหยุดกระตุ้น ไฮโดรเจนอะตอมในร่างกายจะคายพลังงานเข้าสู่อุปกรณ์รับสัญญาณ แล้วไปแสดงผลบนหน้าจอที่ควบคุมโดยนักรังสีเทคนิค ภาพที่ได้จากเครื่อง MRI จะเป็นภาพเสมือนจริงที่มีความละเอียดสูง เนื่องจากสามารถทำภาพได้หลายระนาบ ไม่ว่าจะเป็นแนวขวาง แนวยาว หรือแนวเฉียง เป็นภาพ 3 มิติ ช่วยให้มองเห็นความแตกต่างของเนื้อเยื่อได้ดี ดังนั้น การตรวจ MRI จึงช่วยในการวินิจฉัยรอยโรคได้แม่นยำกว่าวิธีอื่น ๆ ทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวด และอันตรายใด ๆ แก่ผู้ป่วยอีกด้วย
เทคโนโลยี MRI คือเครื่องมือที่สามารถใช้ตรวจได้เกือบทุกส่วนของร่างกาย ที่มีไฮโดรเจนเป็นส่วนประกอบ ซึ่งส่วนที่มักทำการสแกน MRI มีดังนี้
MRI คือ เครื่องมือที่มีความทันสมัย และมีข้อดีอยู่หลายประการ ดังนี้
MRI คือ การตรวจโดยอาศัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า อาจไม่จำเป็นต้องฉีดสารทึบแสง หรือมีรังสีที่เป็นอันตราย จึงไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวเป็นพิเศษ สามารถทำตามข้อแนะนำได้ดังนี้
หลังเข้ารับการตรวจ MRI เสร็จสิ้น สามารถกลับบ้านและใช้ชีวิตตามปกติได้ทันที โดยไม่มีผลข้างเคียงอื่น ๆ ยกเว้นในรายที่มีการใช้ยาคลายเครียดหรือยาสลบ ที่อาจรู้สึกไม่ตื่นตัวดี จึงควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ การทำงานกับเครื่องจักร เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ดังนั้น ในวันที่เข้ารับการตรวจ ควรมีญาติคอยติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อความปลอดภัยของตัวผู้ป่วยเอง ทั้งนี้สามารถติดตามผลตรวจกับแพทย์เจ้าของคนไข้ได้โดยตรงภายใน 1-2 สัปดาห์
MRI กับ CT scan ต่างกันอย่างไร? โดยเครื่อง MRI คือการนำคนไข้เข้าไปในสนามแม่เหล็ก แล้วกระตุ้นร่างกายด้วยคลื่นความถี่วิทยุ จากนั้นคอมพิวเตอร์จะประมวลผลออกมาเป็นภาพที่มีความละเอียดสูง ที่มองเห็นความต่างของเนื้อเยื่อได้ชัดเจน จึงเหมาะกับการตรวจเนื้อเยื่อต่าง ๆ
แต่ CT scan คือ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ที่จะปล่อยรังสีเอกซเรย์ ผ่านไปยังตัวผู้เข้ารับการตรวจ ซึ่งอาจส่งผลต่อสุขภาพได้หากมีรังสีตกค้าง วิธีการนี้เหมาะกับการตรวจกระดูกอย่างยิ่ง โดยระยะเวลาทำ CT scan จะอยู่ที่ 10-15 นาที รวดเร็วกว่า MRI ซึ่งต้องใช้เวลาราว 30-90 นาทีขึ้นไป
นอกจากนี้ CT Scan ยังต่างจาก MRI ตรงที่สามารถใช้ตรวจคนที่มีโลหะอยู่ในร่างกายได้ ทว่าในขั้นตอนการทำต้องฉีดสารทึบรังสี ซึ่งเป็นพิษต่อไต จึงไม่เหมาะกับผู้เป็นโรคไต และยังก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่า MRI ที่ต้องใช้การฉีดสารทึบรังสีในบางกรณีเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามการเลือก MRI หรือ CT Scan ล้วนขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ทั้งสิ้น
MRI คือ เครื่องมือทางการแพทย์ที่ไม่ใช้ค้นหาสาเหตุของความผิดปกติในร่างกาย เพื่อนำไปใช้ในการวินิจฉัยโรค พร้อมวางแผนการรักษาที่เหมาะสมแก่คนไข้ หากคุณกำลังมีอาการผิดปกติเรื้อรังที่รักษาไม่หาย หรือเข้าตรวจสุขภาพเบื้องต้นแล้ว แต่ยังวินิจฉัยได้ไม่ชัดเจน สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับโปรแกรมตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) อย่างปลอดภัย และมีความแม่นยำสูงได้ที่โรงพยาบาลพระรามเก้า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการกลัวที่แคบ ควรแจ้งแพทย์ก่อนตรวจ MRI เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสม โดยอาจมีการพูดคุยเพื่อสร้างความผ่อนคลาย หรือให้ญาติเข้ามาเฝ้า เพื่อลดความกังวลของคนไข้ แต่ในบางกรณีแพทย์จะพิจารณาสั่งจ่ายยาคลายเครียดหรือยานอนหลับให้ ขึ้นอยู่กับระดับความกลัวของผู้ป่วย
References
MRI scan. (2022, July 26). NHS. https://www.nhs.uk/conditions/mri-scan/
Magnetic Resonance Imaging (MRI). (n.d.). NIH. https://www.nibib.nih.gov/science-education/science-topics/magnetic-resonance-imaging-mri
Lam, P. (2023, June 8). What to know about MRI scans. MedicalNewsToday. https://www.medicalnewstoday.com/articles/146309
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (1)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital