Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

กระดูกพรุน สาเหตุของกระดูกเปราะ หักง่าย ภัยเงียบของผู้สูงวัย

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 10 พฤษภาคม 2024
กระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุนเป็นโรคเรื้อรังที่ทำให้กระดูกเปราะบาง หักง่าย มักพบได้บ่อยในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถพบได้ในวัยอื่นด้วยเช่นกัน และด้วยโรคกระดูกพรุนเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญอย่างหนึ่งของโลก  มูลนิธิโรคกระดูกพรุนนานาชาติจึงได้กำหนดให้วันที่ 20 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันกระดูกพรุนโลก เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงการดูแล และป้องกันโรคกระดูกพรุน

บทความนี้ให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะกระดูกพรุน ครอบคลุมสาเหตุ อาการ กลุ่มเสี่ยง การวินิจฉัย แนวทางรักษา และการป้องกัน รวมทั้งการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับผู้ที่มีภาวะกระดูกพรุน

สารบัญ

  • เข้าใจโรคกระดูกพรุน
  • สาเหตุโรคกระดูกพรุน
  • อาการของโรคกระดูกพรุน
  • การรักษาโรคกระดูกพรุน
  • โรคกระดูกพรุน ออกกำลังกายอย่างไร?
  • การป้องกันโรคกระดูกพรุน
  • สรุป

เข้าใจโรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุน (osteoporosis) คือ ภาวะที่ความหนาแน่นและมวลกระดูกลดน้อยลง ส่งผลให้กระดูกมีความแข็งแรงลดลง กระดูกเปราะ และผิดรูป ระยะดำเนินของโรคใช้เวลายาวนานหลายปี พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการ จึงไม่สามารถสังเกตหรือรู้สึกได้จนกว่าจะเกิดกระดูกหัก หรือเกิดการค่อมโค้งผิดรูปของกระดูกสันหลังเนื่องจากกระดูกทรุดและตัวเตี้ยลงอย่างชัดเจน

> กลับสู่สารบัญ

สาเหตุโรคกระดูกพรุน

กระดูกพรุนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่

  1. เพศ: เพศหญิงมีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่าเพศชาย เพราะผู้หญิงมีความหนาแน่นและมวลกระดูกน้อยกว่าเพศชาย และมีโอกาสที่จะสูญเสียแคลเซียมในกระดูกมากกว่าเพศชาย อย่างไรก็ตามผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ก็มีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนเช่นเดียวกัน
  2. อายุ: โรคกระดูกพรุนพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป เนื่องจาก กระบวนการสร้างเนื้อกระดูกทำได้ช้าลง แต่ในขณะเดียวกันกระบวนการสลายกระดูกกลับเร็วขึ้น จึงส่งผลให้เสียสมดุลระหว่างการสร้างและการสลายเนื้อกระดูก
  3. น้ำหนักน้อยหรือผอม: ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยหรือมีภาวะผอมจะมีกระดูกเล็กและบาง จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้มากกว่าผู้ที่มีน้ำหนักตัวปกติ
  4. เชื้อชาติ: ผู้หญิงเอเชียและผู้หญิงชนชาติผิวขาวมีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้หญิงอัฟริกา อเมริกา และเม็กซิกัน เนื่องจากกระดูกมีความแข็งแรงน้อยกว่า
  5. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนทำให้เสียสมดุลระหว่างการสร้างและการสลายเนื้อกระดูก 
  6. ยา: การใช้ยาบางชนิดต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อาจส่งผลให้สูญเสียมวลกระดูกและทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระดูกพรุน เช่น ยากลุ่มฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ ซึ่งใช้รักษาโรคหอบและโรครูมาตอยด์ กลุ่มยากันชัก ยารักษาโรคมะเร็ง ยายับยั้งการหลั่งกรดในกระเพาะอาหาร (proton pump inhibitor)
  7. อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีต่ำ หรือรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงมากหรือต่ำมากเกินไป ทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน 
  8. ขาดการออกกำลังกาย: การไม่เคลื่อนไหวหรือไม่ออกกำลังกายเพิ่มความเสี่ยงในการสูญเสียมวลกระดูก
  9. ดื่มแอลกอฮอลล์: การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนเนื่องจากไปลดประสิทธิภาพการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย ทำให้กระดูกเสื่อมเร็วขึ้น
  10. การสูบบุหรี่: มีงานวิจัยพบว่าการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน

> กลับสู่สารบัญ

อาการของโรคกระดูกพรุน

โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่ไม่มีอาการแสดงใด ๆ ที่ชี้ชัดว่ามีภาวะกระดูกพรุน จนกว่าจะเกิดกระดูกหักซึ่งอาจเกิดแบบไม่ทราบสาเหตุ หรือเกิดจากการยืด เหยียดผิดท่า มีการพลัดตกหกล้ม เป็นต้น อย่างไรก็ตามเราสามารถสังเกตได้จากการเปลี่ยนแปลงเบื้องต้นดังนี้

  • ส่วนสูงลดลงทำให้ตัวเตี้ยลง
  • หลังค่อม หลังคด
  • ปวดเอว ปวดหลัง ปวดกระดูกเรื้อรัง
  • กระดูกหักง่าย

ถ้าพบอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเข้ารับการตรวจมวลกระดูก และตรวจวินิจฉัย โดยเร็วที่สุด

> กลับสู่สารบัญ

การรักษาโรคกระดูกพรุน

การรักษาโรคกระดูกพรุนจะเน้นการปรับพฤติกรรมเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โดยกระตุ้นและส่งเสริมให้รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง ควบคู่ไปกับการรับประทานวิตามินดี เพื่อช่วยให้การดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายเป็นประจำ งดการดื่มแอลกอฮอลล์ และสูบบุหรี่ 

กรณีที่ตรวจพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุนอาจต้องรักษาโดยการใช้ยาควบคู่กับการปรับพฤติกรรม เพื่อป้องกันกระดูกหัก ยาที่ใช้รักษาโรคกระดูกพรุนได้แก่

  1. กลุ่มยาที่ยับยั้งการสลายกระดูก เช่น estrogen agonist, calcitonin, bisphosphonates และ denosumab 
  2. กลุ่มยาส่งเสริมการสร้างกระดูก เช่น teriparatide, abaloparatide และ romosozumab

> กลับสู่สารบัญ

โรคกระดูกพรุน ออกกำลังกายอย่างไร?

เมื่อพบว่าเป็นโรคกระดูกพรุนก็สามารถออกกำลังกายได้เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ส่งเสริมให้ร่างกายมีความสมดุล ลดความเสี่ยงในการเกิดกระดูกหัก และบรรเทาอาการปวดเมื่อย แต่ต้องมั่นใจว่ารูปแบบการออกกำลังกายนั้นเหมาะสม และปลอดภัย 

ก่อนออกกำลังกายอาจต้องปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเพื่อทำการทดสอบความหนาแน่นของมวลกระดูก (bone density) และการประเมินสมรรถภาพของร่างกาย (fitness) จากนั้นจึงเลือกรูปแบบการออกกำลังกายที่เหมาะสม ดังนี้

  • การออกกำลังกายโดยใช้แรงต้านในการบริหารกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงมากขึ้น (strength training exercise) เช่น ใช้ยางยืดออกกำลังกาย (resistant band) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ กระดูกและข้อต่าง ๆ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลังส่วนบนทำให้มีการจัดระเบียบร่างกายที่เหมาะสม และช่วยรักษามวลกระดูก
  • การออกกำลังกายโดยใช้เท้าและขา หรือมือและแขน ในการรับน้ำหนักของตัวเอง (weight-bearing aerobic activities) เช่น การเดิน การวิ่ง และการเต้นแอโรบิกชนิดที่ไม่หนักเกินไป ซึ่งเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลให้กระดูกขา กระดูกสะโพก และกระดูกสันหลังช่วงเอวแข็งแรง นอกจากนั้นยังเป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลดีต่อระบบหัวใจและหลอดเลือดด้วย
  • การออกกำลังกายแบบยืดหยุ่น (flexibility exercise) คือการออกกำลังกายที่มีการยืดเหยียดกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น โดยควรยืดเหยียดแบบช้า ๆ ช่วยลดการบาดเจ็บจากการเคลื่อนไหวร่างกายและช่วยส่งเสริมการเคลื่อนที่ของข้อต่อต่าง ๆ
  • การออกกำลังเสริมกายด้วยการทรงตัว (ฺbalance exercises) เช่น การรำไทเก๊ก เป็นการฝึกการประสานงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อ ช่วยเพิ่มกำลังกล้ามเนื้อ และช่วยในเรื่องการทรงตัว

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • รับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบ 5 หมู่ มีโปรตีน และแคลเซียมเพียงพอ ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีควบคู่กับอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อส่งเสริมการดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น
  • รับแดดในช่วงเช้าประมาณ 15 นาที เพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดี และรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง เช่น น้ำมันตับปลา ปลาที่มีไขมันสูง (ปลาแซลมอน) นม ไข่ เห็ด เมล็ดธัญพืชและน้ำผลไม้ 
  • ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในช่วงมาตรฐาน โดยค่าดัชนีมวลกาย (body mass index) ควรอยู่ในช่วง 18.5 – 22.90
  • ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอลล์

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

โรคกระดูกพรุนเป็นภัยเงียบที่พบได้บ่อยในวัยสูงอายุ เป็นโรคที่ไม่แสดงอาการชัดเจน แต่จะพบสัญญาณเตือนก็ต่อเมื่อมีภาวะกระดูกพรุนแล้ว สัญญาณเตือนดังกล่าว เช่น กระดูกหัก หลังค่อม ส่วนสูงลดลง ดังนั้นเพื่อลดอุบัติการณ์การเกิดโรคกระดูกพรุนและรักษาไว้ซึ่งคุณภาพชีวิตของคนที่คุณรัก ควรส่งเสริมให้มีการปรับพฤติกรรมให้ลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน

คลิกดูแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องที่นี่

แพ็กเกจตรวจความหนาแน่นมวลกระดูก Bone Mineral Density

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองอาการปวด หลัง บ่า ไหล่

รายละเอียด

โปรแกรมผ่าตัดข้อสะโพก

รายละเอียด

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

 

ศูนย์แพทย์

บทความอื่นๆ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ? สามารถแบ่งการผ่าตัดข้อเข่าเทียมออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือผ่าตัดใส่ผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน และการผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียมทั้งหมด

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) คือภาวะที่เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังเกิดการอักเสบบวมจนก่อให้เกิดอาการผิดปกติ ซึ่งสาเหตุมีทั้งจากการติดเชื้อและไม่ใช่จากการติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

เลือดออกในสมอง (Intracerebral Hemorrhage) คือภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลไปกดทับเนื้อเยื่อสมอง และเป็นสาเหตุของความพิการหรือเสียชีวิตในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา