เมื่ออายุมากขึ้น ผู้ชายหลายคนอาจเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย หนึ่งในปัญหาที่พบบ่อยคือ “ต่อมลูกหมากโต” (Benign Prostatic Hyperplasia: BPH) โดยภาวะนี้อาจทำให้การปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน หรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตเป็นอย่างมาก
โรคต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่มะเร็ง แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแลก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ซับซ้อนขึ้นได้ ในบทความนี้ จึงจะพามาทำความรู้จักเกี่ยวกับโรคนี้ให้มากขึ้น พร้อมแนะนำแนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจและมีสุขภาพที่ดี
Key Takeaways
- ต่อมลูกหมากโต (BPH) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคน ซึ่งจะส่งผลต่อระบบปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะติดขัด หรือปัสสาวะไม่สุด
- หากโรคต่อมลูกหมากโตไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกวิธี อาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ไตวาย หรือปัสสาวะคั่งเรื้อรังได้
- แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโตมีทั้งการใช้ยา การผ่าตัด และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ
สารบัญบทความ
- โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร?
- ต่อมลูกหมากโตมีลักษณะอาการอย่างไร?
- ต่อมลูกหมากโตเกิดจากปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง?
- การตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตมีขั้นตอนอะไรบ้าง?
- ต่อมลูกหมากโตมีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง?
- ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ หากไม่รีบรักษาต่อมลูกหมากโต
- ต่อมลูกหมากโต ยิ่งรู้ไวยิ่งป้องกันได้เร็ว
- คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับต่อมลูกหมากโต
โรคต่อมลูกหมากโตคืออะไร?
ต่อมลูกหมาก (Prostate) เป็นต่อมขนาดเล็กในระบบสืบพันธุ์เพศชาย อยู่บริเวณใต้กระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะ มีหน้าที่ผลิตของเหลวที่เป็นส่วนประกอบของน้ำอสุจิ ช่วยในการหล่อลื่นและปกป้องสเปิร์ม
เมื่อผู้ชายมีอายุมากขึ้น ต่อมลูกหมากอาจขยายใหญ่ขึ้นกว่าปกติ ภาวะนี้เรียกว่า ต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia: BPH) ซึ่งส่งผลให้ทางเดินปัสสาวะถูกกดทับ ทำให้เกิดอาการปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะบ่อย หรืออาจรู้สึกว่าปัสสาวะไม่สุด ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ชายวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นอย่างมาก รวมถึงยังอาจทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือเกิดโรคไตได้
ต่อมลูกหมากโตมีลักษณะอาการอย่างไร?

อาการต่อมลูกหมากโตมักเกิดขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการปัสสาวะก่อน แต่ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้นาน อาการอาจรุนแรงขึ้นและส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ โดยลักษณะอาการที่พบบ่อยของต่อมลูกหมากโต มีดังนี้
- ปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะช่วงกลางคืนจะรู้สึกปวดปัสสาวะถี่ขึ้นจนรบกวนการนอนหลับ
- ปัสสาวะติดขัด ปัสสาวะไม่สุด ต้องออกแรงเบ่งหรือรู้สึกว่ามีปัสสาวะค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะ
- ปัสสาวะไหลช้า หรือหยุดเป็นช่วง ๆ ไม่พุ่งแรงเหมือนเดิม ต้องปัสสาวะนานกว่าปกติ
- กลั้นปัสสาวะลำบาก อาจมีอาการปัสสาวะเล็ดเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะอย่างฉับพลัน
- รู้สึกปวดหรือไม่สบายบริเวณท้องน้อย โดยเฉพาะหลังจากปัสสาวะ
ต่อมลูกหมากโตเกิดจากปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง?
หลายคนอาจสงสัยว่า ต่อมลูกหมากโตเกิดจากอะไร มีปัจจัยเสี่ยงใดบ้าง? แม้ว่าโรคต่อมลูกหมากโตจะพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แต่ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่าสาเหตุหลักของต่อมลูกหมากโตคืออะไร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกี่ยวข้องกับการเกิดต่อมลูกหมากโต มีดังนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงของโรคนี้สูงขึ้นตามอายุ โดยมักจะพบบ่อยในผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศชาย ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) และฮอร์โมนไดไฮโดรเทสโทสเตอโรน (DHT) ที่เปลี่ยนเเปลง อาจกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากขยายตัว
- กรรมพันธุ์ หากมีสมาชิกในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ ความเสี่ยงของการเกิดโรคอาจเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ปัจจัยเสี่ยงบางอย่างจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น อายุหรือพันธุกรรม แต่การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงด้วยการควบคุมน้ำหนัก การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดภาวะต่อมลูกหมากโตได้
การตรวจวินิจฉัยต่อมลูกหมากโตมีขั้นตอนอะไรบ้าง?
หากคุณมีอาการที่บ่งบอกถึงภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH) การเข้ารับการตรวจวินิจฉัยเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อประเมินความรุนแรงของโรคและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม โดยแพทย์จะใช้วิธีการตรวจดังต่อไปนี้
- ซักประวัติและประเมินอาการ แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับอาการผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะ ความถี่ในการปัสสาวะ และผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- ตรวจร่างกายและตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination: DRE) เป็นวิธีที่ช่วยให้แพทย์สามารถประเมินขนาด รูปร่าง และความผิดปกติของต่อมลูกหมากได้
- ตรวจปัสสาวะ (Urinalysis) เพื่อตรวจหาอาการติดเชื้อหรือภาวะอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการปัสสาวะผิดปกติ
- ตรวจเลือด ใช้ตรวจหาระดับสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate-Specific Antigen: PSA) ซึ่งจะช่วยประเมินการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากได้โดยเฉพาะเมื่อพบความผิดปกติที่จำเพาะกับโรคมะเร็งต่อมลูกหมากจากการตรวจร่างกาย รวมถึงการตรวจการทำงานของไต หรือการประเมินหาโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้อง
- ตรวจวัดการไหลของปัสสาวะ (Uroflowmetry) เป็นการตรวจวัดปริมาณการไหลของปัสสาวะ เพื่อประเมินการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ ซึ่งผู้มีต่อมลูกหมากโตมักพบอัตราการไหลของปัสสาวะลดลง
- ตรวจปัสสาวะค้างในกระเพาะปัสสาวะหลังถ่ายเสร็จ (Post-Void Residual Urine Test) เป็นการใช้คลื่นเสียงความถี่สูง (Ultrasound) หรือการใส่สายสวนปัสสาวะ วัดปริมาณปัสสาวะที่เหลือในกระเพาะปัสสาวะหลังจากปัสสาวะเสร็จ
- ตรวจอัลตราซาวนด์ต่อมลูกหมาก (Prostate Ultrasound) ใช้ตรวจดูขนาดและลักษณะของต่อมลูกหมากอย่างละเอียด
การตรวจวินิจฉัยด้วยขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้แพทย์สามารถแยกโรคต่อมลูกหมากโตออกจากภาวะอื่น ๆ ที่มีอาการคล้ายกันและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้ หากคุณมีอาการผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษาและตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
ต่อมลูกหมากโตมีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง?

แนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโต (BPH) มีด้วยกันหลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยแพทย์จะพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมให้ ซึ่งอาจเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปจนถึงการใช้ยา และในบางกรณีอาจต้องใช้การผ่าตัดร่วมด้วย
การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการใช้ยา
ในกรณีที่ภาวะต่อมลูกหมากโตเริ่มส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้ยารักษาต่อมลูกหมากโตเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยากลุ่ม Alpha-blockers ที่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อรอบต่อมลูกหมาก ทำให้ปัสสาวะได้สะดวกขึ้น หรือยากลุ่ม 5-Alpha Reductase Inhibitors ที่ช่วยลดขนาดของต่อมลูกหมากและชะลอการเจริญเติบโตของต่อมลูกหมาก
นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งยาลดการบีบตัวของกระเพาะปัสสาวะด้วย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะเล็ด
การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการผ่าตัด
หากการใช้ยาไม่สามารถควบคุมอาการได้หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัสสาวะคั่งเรื้อรัง หรือมีการติดเชื้อบ่อย แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยวิธีผ่าตัดแทน เช่น
- การส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะเพื่อขูดต่อมลูกหมาก (TURP – Transurethral Resection of the Prostate) เป็นการตัดเนื้อเยื่อต่อมลูกหมากที่กดทับทางเดินปัสสาวะออก
- การใช้เลเซอร์เพื่อรักษาต่อมลูกหมากโต เป็นเทคนิคที่ใช้เลเซอร์กำจัดเนื้อเยื่อส่วนเกินของต่อมลูกหมาก ช่วยให้ปัสสาวะคล่องขึ้น ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน
- การผ่าตัดแบบเปิด (Open Prostatectomy) ใช้ในกรณีที่ต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่มากและต้องการเอาเนื้อเยื่อส่วนเกินออก ซึ่งในปัจจุบันไม่นิยมใช้วิธีนี้เท่าไรนัก
- การใช้ไอน้ำร้อนพ่นเข้าต่อมลูกหมาก เพื่อให้ต่อมลูกหมากฝ่อ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในกรณีที่ต้องการลดผลข้างเคียงที่อาจเกิดจากการผ่าตัด
การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงและสามารถควบคุมอาการได้ด้วยการปรับพฤติกรรม เช่น
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจกระตุ้นให้ปัสสาวะบ่อยขึ้น
- ลดปริมาณการดื่มน้ำก่อนนอน เพื่อลดอาการปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน
- ฝึกขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นเวลา และไม่กลั้นปัสสาวะนานเกินไป
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์และความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย หากมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับต่อมลูกหมากโต ควรเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ หากไม่รีบรักษาต่อมลูกหมากโต
หากโรคต่อมลูกหมากโต (BPH) ไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่มีผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการละเลยการรักษาต่อมลูกหมากโต มีดังนี้
- ปัสสาวะคั่งเฉียบพลัน (Acute Urinary retention) เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถขับปัสสาวะออกได้อย่างกะทันหัน แม้กระเพาะปัสสาวะจะเต็ม ทำให้เกิดอาการปวดท้องน้อยรุนแรงและรู้สึกอยากปัสสาวะมากแต่ปัสสาวะไม่ออก
- ปัสสาวะคั่งเรื้อรัง (Chronic Urinary Retention) เมื่อทางเดินปัสสาวะถูกกดทับจากต่อมลูกหมากที่โตขึ้น อาจทำให้ปัสสาวะไม่สามารถออกได้หมดในแต่ละครั้ง และทำให้เกิดการคั่งของปัสสาวะในกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งหากปล่อยไว้จะทำให้เกิดการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ง่าย
- ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection: UTI) หากปัสสาวะคั่งในกระเพาะปัสสาวะจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับแบคทีเรียในการเติบโต ซึ่งสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะได้ เช่น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือกรวยไตอักเสบ
- ไต (Kidney Damage) หากปัสสาวะคั่งเรื้อรังไม่ได้รับการรักษาอาจส่งผลกระทบต่อไตได้ เนื่องจากปัสสาวะที่คั่งอยู่จะไหลกลับเข้าไปในไตอาจทำให้ไตบวม หรือเกิดไตวายได้
- ปัสสาวะผิดปกติ ในกรณีที่ต่อมลูกหมากโตมากจนทำให้ทางเดินปัสสาวะอุดกั้นอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะติดขัดจนขัดขวางการไหลของปัสสาวะและทำให้รู้สึกปวดหรือไม่สบายขณะปัสสาวะเเละระหว่างวันได้
- นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Calculi) เป็นก้อนแร่ธาตุที่ตกตะกอนและจับตัวเป็นก้อนในกระเพาะปัสสาวะ มักเกิดจากการที่มีปัสสาวะคั่งค้างเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะขัด ปัสสาวะมีเลือดปน หรือปวดท้องน้อย
ต่อมลูกหมากโต ยิ่งรู้ไวยิ่งป้องกันได้เร็ว
ต่อมลูกหมากโต (BPH) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้ชายวัยกลางคน หากไม่รีบรักษาก็อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะหรือไตวาย ดังนั้นการตรวจพบและรักษาเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้มากขึ้น
ปัจจุบัน การรักษาโรคต่อมลูกหมากโตสามารถทำได้ทั้งการใช้ยา การผ่าตัด หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หากต้องการการรักษาที่มีประสิทธิภาพ การผ่าตัดแบบ Minimally Invasive Surgery ที่โรงพยาบาลพระราม 9 เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่แนะนำ เนื่องจากวิธีนี้จะช่วยลดระยะเวลาในการพักฟื้นและมีผลข้างเคียงน้อยกว่าการผ่าตัดแบบเปิดทั่วไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
- Facebook : Praram 9 hospital
- Line : @Praram9Hospital
- โทร. 1270
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับต่อมลูกหมากโต
ต่อมลูกหมากโต รักษาให้หายขาดได้ไหม?
ต่อมลูกหมากโตไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและบรรเทาอาการได้ด้วยการใช้ยา การผ่าตัด หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและคำแนะนำจากแพทย์
ต่อมลูกหมากโตมีวิธีป้องกันหรือไม่?
โรคต่อมลูกหมากโตสามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นได้ โดยการลดปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น การรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่ปกติ, การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ, การหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน รวมถึงการคุมโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องให้ดี
References
Cleveland Clinic. (2024, January 18). Benign Prostatic Hyperplasia. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/9100-benign-prostatic-hyperplasia
Mayo Clinic. (2024, September 24). Benign prostatic hyperplasia (BPH). https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/benign-prostatic-hyperplasia/symptoms-causes/syc-20370087
National Health Service Team. (2023, June 8). Benign prostate enlargement. https://www.nhs.uk/conditions/prostate-enlargement/
Fischer, A. (2024, March 15). Preventing Benign Prostatic Hyperplasia: Lifestyle Changes That Can Help. DarwynHealth. https://darwynhealth.com/mens-health/men-specific-health-issues/prostate-health-and-disorders/benign-prostatic-hyperplasia-bph/preventing-benign-prostatic-hyperplasia-lifestyle-changes-that-can-help/?lang=en