โรคข้อเข่าเสื่อม ปัญหาหลักที่พบมากสุดในผู้สูงอายุ โดยประเทศไทยพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปี เป็นโรคข้อเข่าเสื่อมถึงร้อยละ 50 เลยทีเดียว ในบางรายเริ่มเป็นตั้งแต่วัยกลางคนจนถึงวัยสูงอายุ
โดยผู้ป่วยจะมีอาการปวดเข่า ปวดขา ข้อเข่าเคลื่อนไหวได้ไม่เต็มที่ มักมีเสียงดังเสียงก๊อกแก๊กจากหัวเข่า เคลื่อนไหวลำบาก ทำให้ไม่อยากเดินไปไหนไกล ๆ รู้สึกเดินขึ้น ลงบันไดยากมากขึ้น ลุกนั่งแล้วรู้สึกเจ็บปวด
อย่างไรก็ตาม เราสามารถชะลอโรคข้อเข่าเสื่อมและทุเลาความเจ็บปวดลงได้ เพียงเรารู้เท่าทันก็จะสามารถป้องกันได้อย่างถูกวิธี
โรคข้อเข่าเสื่อม เกิดจากอะไร ?
โรคข้อเข่าเสื่อม คือ การอักเสบของข้อต่อ ซึ่งเกิดขึ้นจากการที่กระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย ซึ่งกระดูกอ่อนมีหน้าที่สำคัญในการป้องกันและดูดซับแรงกระแทกระหว่างข้อเข่า เพื่อลดการสึกหรอและเสื่อมสภาพของข้อเข่า
กระดูกอ่อนผิวข้อ จะมีลักษณะเรียบลื่น เป็นมัน ช่วยกระจายแรงและลดแรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับข้อต่อนั้น ๆ ทำให้เราเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสะดวก ไม่เจ็บปวด เมื่อไหร่ที่กระดูกอ่อนเกิดความเสียหายเป็นพื้นที่วงกว้าง กระดูกที่อยู่ใต้กระดูกอ่อนในข้อเข่าจะเสียดสีกันเอง ทำให้เกิดการอักเสบ ปวดเข่า เข่าบวม ข้อยึด เดินลำบาก หรือบางรายเข่าผิดรูปโก่งงอ
นอกจากนี้ เรายังพบว่าผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม มักมีลักษณะกระดูกผิวข้อเข่าบางลง มีการแตกและเปื่อยยุ่ย ร่วมกับสูญเสียกระดูกอ่อนผิวข้อไป บางรายอาจมีการอักเสบของเยื่อบุข้อร่วมด้วย ส่งผลให้น้ำในข้อมากขึ้น จึงเกิดอาการบวมของข้อเข่า มีกระดูกงอตามขอบผิวข้อ ร่วมกับการโก่งผิดรูปของข้อเข่าในระยะสุดท้ายของโรค ส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมจะเป็นขาโก่งแบบโค้งออก (Bow legs) แต่บางรายอาจพบในลักษณะผิดรูปของข้อเข่าแบบโค้งเข้า (Knock knee) ได้อีกด้วย แม้จะพบได้น้อยกว่า

อาการ และสัญญาณเตือนของโรคข้อเข่าเสื่อม
- ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม มักรู้สึกปวดเข่าขณะเดิน ขึ้นลงบันได นั่งยอง ๆ หรือนั่งขัดสมาธิ ผู้ป่วยมักจะนั่งพับเพียบไม่ได้ เพราะมีอาการปวด บางครั้งเดินอยู่ก็มีอาการเข่าทรุด เพราะปวดเสียวในเข่า
- ไม่สามารถขยับเข่าหรือเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ อาจเหยียดหรืองอเข่าได้ไม่สุด รู้สึกตึงข้อ และมีอาการข้อติดขัด ไม่คล่องแคล่ว
- รู้สึกปวดตื้อ ๆ เจ็บแปลบ เจ็บเสียวตามแนวบริเวณข้อเข่า ความรู้สึกปวดนี้มีแนวโน้ม จะเป็นมากขึ้นตามลักษณะการทำลายผิวข้อที่มากขึ้น ส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักจะรู้สึกทุเลาจากอาการปวดเป็นระยะ ๆ ระหว่างที่เป็นโรคข้อเข่าเสื่อม กระดูกก็จะถูกทำลายมากขึ้น ผู้ป่วยอาจรู้สึกปวดเท่าเดิมหรือมากขึ้นกว่าเดิมเป็นระยะ ๆ แต่เมื่อไหร่ที่โรคข้อเข่าเสื่อมลุกลามมากขึ้นผู้ป่วยอาจจะมีอาการปวดและขยับข้อได้เพียงเล็กน้อย
- ในระยะสุดท้ายของโรค ขาของผู้ป่วยเริ่มมีการผิดรูป และมีอาการเจ็บปวด ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมเดินไม่ได้ผู้ป่วยอาจมีอาการขัดในข้อ ข้อยึด ขยับลำบาก โดยมักเป็นขณะนั่ง หรือนอนกับที่เป็นเวลานาน ๆ แต่เมื่อขยับข้อระยะหนึ่งจะรู้สึกคล่องขึ้น
หากคุณมีอาการเหล่านี้ ลองทำแบบทดสอบเช็คความเสี่ยงโรคข้อเข่าเสื่อม ได้ที่นี่

สาเหตุของโรคข้อเข่าเสื่อม
- ความผิดปกติของข้อเข่า เช่น มีข้อเข่าผิดรูป ขาโก่ง หรือมีเข่าชนกัน
- อายุที่มากขึ้น โดยพบมากในคนที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งมักจะเกิดในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย
- น้ำหนักตัว หรือ ค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 23 กก/ม2
- การใช้ข้อเข่าหักโหมซ้ำ ๆ หรือท่าทางบางท่าที่ต้องงอเข่ามากเกินไป เช่น การคุกเข่า นั่งยอง ๆ นั่งพับเพียบ นั่งขัดสมาธิ ซึ่งทำให้ข้อเข่าต้องรับแรงกดสูงกว่าปกติเป็นเวลานาน ๆ หรือบ่อยครั้ง
- มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุที่บริเวณข้อเข่า เช่น การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ส่งผลให้เพิ่มความเสี่ยงการเกิดข้อเข่าเสื่อมได้มากขึ้น
- กรรมพันธุ์ หรือผู้มีประวัติคนภายในครอบครัวเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม
- เชื้อชาติ จากการศึกษาพบว่าคนเอเชียบางกลุ่มมีความเสี่ยงต่อโรคข้อเสื่อมน้อยกว่าภูมิภาคอื่น ๆ
- มีประวัติการติดเชื้อในข้อเข่า หรือโรคข้ออักเสบต่าง ๆ เช่น โรคอักเสบรูมาตอยด์ โรคเก๊าท์

การปฏิบัติตัวในโรคข้อเข่าเสื่อม
- ลดการใช้งานข้อเข่าที่ไม่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงการนั่งพับเพียบ นั่งคุกเข่า นั่งยอง ๆ นั่งขัดสมาธิ การยืนหรือเดินมากเกินความจำเป็น รวมถึงการขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ
- ลดน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก
- ออกกำลังกายกล้ามเนื้อรอบเข่าให้แข็งแรงสม่ำเสมอ
- ใช้สนับเข่าในรายที่ปวดเข่ามาก จะช่วยลดอาการปวดของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม ทำให้เดินคล่องขึ้น
- กรณีที่ปวดเข่าข้างเดียว การใช้ไม้เท้าจะช่วยลดน้ำหนักที่กดลงบริเวณข้อเข่าได้มาก วิธีการถือไม้เท้าให้ถือด้านตรงข้ามกับเข่าที่ปวด เช่น ปวดเข่าซ้ายถือไม้เท้าข้างขวา
- ประคบอุ่น เพื่อลดอาการปวดเกร็ง ของกล้ามเนื้อรอบ ๆ เข่า หรือในกรณีเข่าบวม ให้ใช้การประคบเย็น เพื่อลดอาการบวมของข้อเข่า
- กรณีมีอาการปวดเข่าเรื้อรังมากกว่า 1-2 สัปดาห์ ควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ เพื่อทำการรักษาได้อย่างเหมาะสม

แนวทางการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
การรักษาด้วยวิธีการไม่ผ่าตัด
- การรักษาโรคโดยไม่ใช้ยา ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการยังไม่รุนแรง โดยส่วนใหญ่จะเป็นการให้คำปรึกษาและแนะนำในการปฏิบัติตัว การใช้งานข้อเข่าอย่างถูกต้องและลดน้ำหนักตัวในผู้ป่วยรายที่มีน้ำหนักตัวมาก เพื่อเป็นการลดน้ำหนักและแรงกดทับที่กระทำไปที่ข้อเข่า นอกจากนี้แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นการบริหารข้อเข่าและกล้ามเนื้อต้นขาให้แข็งแรง
- หากผู้ป่วยออกกำลังกายตามคำแนะนำของแพทย์แล้วยังไม่ได้ผล หรือหากมีอาการเจ็บปวดรุนแรง แพทย์อาจรักษาด้วยการให้ยาบรรเทาอาการปวด เช่น พาราเซตามอล หรือกลุ่มยาที่ช่วยลดการอักเสบของเนื้อเยื่อและข้อ เช่น ไอบูโปรเฟน
- การรักษาโดยการฉีดยาเข้าบริเวณข้อเข่า หรือฉีดน้ำเลี้ยงข้อเข่าให้กับผู้ป่วย
การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด
- การผ่าตัดเข่าส่องกล้อง (Knee Arthroscopic Surgery) เป็นการผ่าตัด โดยการเจาะรูเล็กขนาดประมาณ 6-8 มิลลิเมตร บริเวณด้านหน้าข้อเข่าและใช้กล้อง Arthroscope ส่องเข้าไปในข้อเข่าและใช้เครื่องมือผ่าตัดขนาดเล็กสอดเข้าไปเพื่อผ่าตัด มักใช้ในกรณีที่การสึกหรอของกระดูกอ่อนผิวข้อมีไม่มาก และมีอาการขัดในข้อเนื่องมาจากหมอนรองกระดูกฉีก หรือมีเศษกระดูกงอกหลุดมาขัดในข้อ แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดด้วยวิธีนี้เพื่อตัดแต่งหมอนรองกระดูกที่ฉีก หรือเอาเศษกระดูกงอกดังกล่าวออก
- การผ่าตัดจัดแนวกระดูก (High Tibial Osteotomy) หลักการคือแพทย์จะทำการผ่าตัด โดยจัดแนวกระดูกใหม่เพื่อลดแรงกดที่บริเวณกระดูกอ่อนผิวข้อที่มีความเสื่อม แพทย์จะพิจารณาการผ่าตัดชนิดนี้เมื่อผู้ป่วยมีการสึกหรอที่บริเวณกระดูกผิวข้อเพียงด้านเดียว โดยส่วนใหญ่มักพบที่ด้านในของข้อเข่า การผ่าตัดวิธีนี้นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีอายุน้อยและขาของผู้ป่วยมีการโก่งผิดรูป หลังการผ่าตัดผู้ป่วยสามารถกลับไปมีกิจกรรมต่าง ๆได้ใกล้เคียงกับข้อเข่าเดิม แต่ระยะพักฟื้นหลังผ่าตัดค่อนข้างนานสำหรับการผ่าตัดวิธีนี้
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าแบบบางส่วน (Partial Knee Arthroplasty) การผ่าตัดด้วยวิธีนี้มีหลายวิธี แต่ในประเทศไทยนิยมทำด้วยวิธี Unicompartment Knee Arthroplasty (UKA) โดยหลักการคือแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนเฉพาะผิวข้อส่วนที่สึกหรอ โดยทั่วไปจะพิจารณาทำในกรณีที่ผู้ป่วยมีการสึกหรอที่บริเวณกระดูกผิวข้อเพียงด้านเดียวและขาของผู้ป่วยยังไม่โก่งผิดรูปมาก
- การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าแบบทั้งหมด (Total Knee Arthroplasty) โดยหลักการคือแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อทั้งหมด ซึ่งวิธีนี้จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยระยะท้ายของโรคข้อเข่าเสื่อมที่มีการโก่งผิดรูปของข้อเข่าและมีการสึกหรอลุกลามไปยังบริเวณกระดูกผิวข้อเกือบทั้งหมด โดยแพทย์จะผ่าตัดนำผิวข้อเข่าออก ทั้งหมดแล้วแทนที่ด้วยผิวข้อเทียมที่ประกอบโลหะผสมและพลาสติกสังเคราะห์ที่มีความปลอดภัยและคงทนสูง

สรุป
โรคข้อเข่าเสื่อม แม้จะเป็นปัญหาที่พบมากในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถพบได้ในวัยทำงานได้เช่นกัน ซึ่งมักจะเกิดจากกระดูกอ่อนผิวข้อถูกทำลาย หรือสาเหตุอื่น ๆ
อย่างไรก็ตาม เราสามารถป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อมได้ด้วยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรค และดูแลสุขภาพอย่างถูกวิธีเพื่อป้องกันโรคข้อเข่าเสื่อม เพื่อทำให้เรามีความสุขในทุกย่างก้าวที่เดิน
ศูนย์กระดูกและข้อพระรามเก้า เราตระหนักถึงความสำคัญในทุกย่างก้าวของทุกคนในทุกเพศทุกวัย เราจึงพร้อมให้คำปรึกษา ตรวจวินิจฉัย และทำการรักษาโรคกระดูกและข้อโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางเฉพาะทาง ด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย ได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจและสร้างความสุขให้กับทุกคนในทุกก้าวใหม่ๆ ของทุกวัน