ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?
กินหมู…ไม่ได้ทำให้หูดับ แต่หากกินหมูดิบ หรือ กึ่งสุกกึ่งดิบ คุณเสี่ยงกับ โรคไข้หูดับ อันตรายถึงชีวิตได้
โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง คือ
- จากการบริโภคเนื้อหรือเลือดหมูที่ปรุงแบบดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
- การสัมผัสโดยตรงกับหมูที่ติดเชื้อทั้งเนื้อหมู เครื่องใน และเลือดหมู ผ่านทางบาดแผลรอยขีดข่วนตามร่างกายหรือทางเยื่อบุตา
อาการที่พบ
อาการส่วนใหญ่จะเริ่มแสดงใน 3 วัน
– มี ไข้
– ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตัว
– คลื่นไส้ อาเจียน
– ซึมลง คอแข็ง ชักเกร็ง
– ปลายประสาทหูอักเสบจนหูดับหรือสูญเสียการทรงตัว
– บางรายอาจมีอาการรุนแรงจนเสียชีวิต
ทั้งนี้ คนไข้ที่มีอาการหูดับนั้น พบว่ามาจากปัญหาเรื่องของเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือติดเชื้อในการแสเลือดก่อน แล้วเชื้อจึงลุกลามเข้าสู่ปลายประสาทหูชั้นในที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินและการทรงตัว
ซึ่งในกรณีนี้มักมีโอกาสเกิดขึ้นเฉพาะบางรายที่มีโรคประจำตัว ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ โรคเบาหวาน โรคไต โรคตับ โรคพิษสุราเรื้อรัง หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
การป้องกันโรคไข้หูดับจากหมูดิบ
– หลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมูดิบ หรือสุกๆ ดิบๆ
– ควรแยกอุปกรณ์ที่ใช้รับประทานอาหาร เช่น ตะเกียบ ช้อนส้อม ที่ใช้กับหมูไม่สุกและหมูสุกออกจากกัน
– ผู้บริโภคควรเลือกซื้อเนื้อหมูจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน ไม่ซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว สีคล้ำ และ ควรทำให้สุกด้วยอุณหภูมิตั้งแต่ 70 องศาเซลเซียสขึ้นไป
– ผู้ปรุงอาหาร ผู้เลี้ยง และผู้ชำแหละหมูที่มีบาดแผล ต้องปิดแผลและสวมถุงมือทุกครั้งขณะสัมผัสเนื้อหมู หากสัมผัสต้องล้างมือ ล้างเท้า และล้างตัวให้สะอาด
การป้องกันจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด สามารถช่วยลดทั้งความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ การแพร่ระบาดของโรค และการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้