Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

เช็กให้ชัด!…อาการแบบไหนเป็นสัญญาณเตือนโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon Cancer)

นพ.ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 6 กุมภาพันธ์ 2024

อาการท้องผูกหรือลำไส้เสียอาจดูเหมือนเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่จริง ๆ แล้วอาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณสำคัญของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยและเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งทั่วโลก

ในระยะแรกของโรค ผู้ป่วยมักไม่มีอาการชัดเจน ทำให้มะเร็งลำไส้ใหญ่ตรวจพบได้ยาก แต่เมื่อมะเร็งเริ่มแพร่กระจาย อาการจะเริ่มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งทำให้การรักษาเป็นเรื่องซับซ้อนและยากมากขึ้น เพราะเมื่อมะเร็งอยู่ในระยะรุนแรง อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

สารบัญ

  • มะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร?
  • อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • มะเร็งลําไส้ใหญ่ อาการระยะแรกมีอะไรบ้าง?
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร?
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่อันตรายอย่างไร?
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีกี่ระยะ?
  • การวินิจฉัยมะเร็งสำไส้ใหญ่
  • มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาหายไหม?
  • การป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่
  • สรุป

มะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร?

มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer หรือ Colorectal cancer) เกิดจากเซลล์ในผนังลำไส้ใหญ่ที่เจริญเติบโตผิดปกติ ซึ่งในระยะแรกจะเป็นเพียงเนื้องอก แต่หากปล่อยไว้ เนื้องอกนี้จะพัฒนากลายเป็นมะเร็งได้ ซึ่งเมื่อมีการพัฒนาเป็นมะเร็งแล้ว ลำไส้ใหญ่จะทำงานผิดปกติ ซึ่งหน้าที่หลักของลำไส้ใหญ่คือการดูดซึมน้ำและแร่ธาตุจากอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ดังนั้นเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะทำให้การทำงานนี้เสียไป และทำให้ผู้ป่วยมีปัญหาในการขับถ่าย เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือบางครั้งอาจจะมีเลือดปนมากับอุจจาระ

หากมะเร็งเข้าสู่ระยะลุกลาม เซลล์มะเร็งจะเริ่มกระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้ ๆ และเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้สามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น ตับ ปอด หรือแม้แต่สมอง ซึ่งอาจทำให้ระบบการทำงานของอวัยวะเหล่านี้มีปัญหา ดังนั้นการตรวจพบมะเร็งในระยะแรก ๆ จึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยให้สามารถรักษาได้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรก ผลการรักษาดี และไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ 

> กลับสู่สารบัญ

อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่

อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจแตกต่างกันไปตามระยะของโรค แต่ที่พบบ่อยมีดังนี้

  1. มีการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป
    • ผู้ป่วยอาจมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียที่เป็นต่อเนื่อง ซึ่งอาจเกิดจากการที่เนื้องอกในลำไส้ใหญ่กีดขวางทางเดินของอุจจาระ หรือทำให้การดูดซึมน้ำผิดปกติ นอกจากนี้ หากอุจจาระมีลักษณะผอมและยาวกว่าเดิม อาจแสดงว่ามีการตีบแคบหรืออุดตันของลำไส้ โดยอาการเหล่านี้อาจเป็นได้ทั้งในมะเร็งระยะเริ่มต้นและระยะลุกลาม อย่างไรก็ตามอาการนี้อาจคล้ายกับอาการของโรคลำไส้แปรปรวน
  2. มีเลือดปนในอุจจาระ
    • เลือดอาจมีลักษณะสีแดงสด ซึ่งมักเกิดจากมะเร็งในลำไส้ใหญ่ส่วนปลายใกล้ทวารหนัก หรือเป็นสีดำคล้ำ หากเกิดจากเลือดที่ออกจากลำไส้ใหญ่ส่วนต้น
    • ผู้ป่วยบางรายอาจสังเกตได้จากอุจจาระที่เป็นสีเข้มหรือมีเลือดปนที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ต้องทำการตรวจหาเลือดในอุจจาระ (Stool occult blood) จึงจะสามารถตรวจพบได้
  3. อาการปวดหรือไม่สบายท้อง
    • อาการปวดหรือไม่สบายในช่องท้อง อาจเกิดจากการที่เนื้องอกขัดขวางการเคลื่อนตัวของลำไส้ ทำให้เกิดการบิดของลำไส้หรือการสะสมของก๊าซในทางเดินอาหาร ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือปวดเกร็งได้
    • หากเนื้องอกลุกลามไปถึงผนังลำไส้ อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อร่วมด้วย
  4. อ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย
    • เมื่อมีเลือดออกในลำไส้เรื่อย ๆ ซึ่งเกิดจากมะเร็งที่ลำไส้ จะทำให้ผู้ป่วยมีภาวะโลหิตจาง (Anemia) ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณเม็ดเลือดแดงต่ำ ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย หรือเวียนศีรษะ โดยภาวะโลหิตจางเรื้อรังจากมะเร็งลำไส้ใหญ่นี้ผู้ป่วยมักไม่รู้ตัว เพราะเลือดจะออกครั้งละไม่มากแต่เป็นแบบเรื้อรัง ผู้ป่วยจึงไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน
  5. น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
    • ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่อาจมีน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างเต็มที่ และเนื้องอกเองก็ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ
  6. รู้สึกว่าขับถ่ายไม่สุด
    • อาการนี้เกิดจากการที่เนื้องอกในลำไส้ใหญ่ขัดขวางทางเดินของอุจจาระ ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าไม่สามารถขับถ่ายได้เต็มที่ ถึงแม้ว่าจะพยายามขับถ่ายแล้วก็ตาม
    • อาการนี้มักพบในมะเร็งลำไส้ใหญ่ที่เกิดใกล้ทวารหนัก ซึ่งทำให้มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาขัดขวางทางเดินอุจจาระ

การสังเกตและตระหนักถึงอาการเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญในการวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หากคุณหรือคนใกล้ชิดพบอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด เช่น การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) เพื่อยืนยันการวินิจฉัย

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งลําไส้ใหญ่ อาการระยะแรกมีอะไรบ้าง?

อาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน แต่สามารถสังเกตได้จากอาการและการเปลี่ยนแปลงในอุจจาระ

อาการที่ควรระวัง

  • การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย
    • อาจมีอาการท้องผูกหรือท้องเสียบ่อย ๆ โดยไม่มีสาเหตุชัดเจน
    • อุจจาระอาจมีขนาดเล็กลงหรือมีรูปร่างเปลี่ยนไป เช่น อุจจาระเป็นเส้นเล็ก ๆ
  • มีเลือดในอุจจาระ
    • อาจมีเลือดปนในอุจจาระ ซึ่งอาจเป็นสีแดงสดหรือสีดำ ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่มีเลือดออก
  • อาการปวดท้อง
    • มีอาการปวดหรือไม่สบายในช่องท้อง เช่น ปวดเกร็งหรือท้องอืด
  • น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ
    • น้ำหนักอาจลดลงอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการกินหรือการออกกำลังกาย
  • รู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่าย
    • อาจรู้สึกอ่อนเพลียหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากการสูญเสียเลือดหรือมีภาวะโลหิตจาง
  • รู้สึกว่าท้องขับถ่ายไม่สุด
    • รู้สึกเหมือนว่าลำไส้ยังไม่โล่งแม้ว่าจะขับถ่ายแล้ว

การสังเกตอุจจาระ

การสังเกตอุจจาระเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจหาสัญญาณของมะเร็งลำไส้ใหญ่ อุจจาระสามารถบ่งบอกถึงการทำงานของระบบทางเดินอาหารและสุขภาพโดยรวมได้ ดังนี้

  1. ลักษณะของอุจจาระ
    • ขนาดและรูปร่าง: อุจจาระที่มีขนาดเล็กหรือรูปร่างแบนกว่าปกติ อาจบ่งบอกถึงการตีบตันของลำไส้
    • เนื้อและความหนา: อุจจาระที่มีเนื้อไม่สมบูรณ์อาจเป็นสัญญาณของปัญหาในระบบย่อยอาหาร
  2. สีของอุจจาระ
    • สีแดงสด: อาจมีเลือดปนในอุจจาระ ซึ่งมักเกิดจากลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย
    • สีดำหรือสีคล้ำ: อาจบ่งบอกถึงเลือดที่ออกจากลำไส้ใหญ่ส่วนต้น
    • สีซีด: อาจหมายถึงปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับหรือถุงน้ำดี
  3. กลิ่นของอุจจาระ
    • อุจจาระที่มีกลิ่นเหม็นผิดปกติอาจหมายถึงปัญหาในการย่อยอาหารหรือการติดเชื้อ
  4. ความถี่ในการขับถ่าย
    • การขับถ่ายบ่อยขึ้นหรือน้อยลงกว่าปกติ ควรสังเกตว่ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไม่
  5. อาการร่วมอื่น ๆ
    • ควรสังเกตอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ปวดท้อง ท้องอืด หรืออาการคลื่นไส้ 

การสังเกตอาการและอุจจาระอย่างละเอียดสามารถช่วยให้เรารู้ทันต่อสัญญาณของโรคได้ หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด และเพื่อการรักษาที่เหมาะสม

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร?

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่พบบ่อยในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป ปัจจุบันยังไม่สามารถบอกได้เเน่ชัดว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่เกิดจากอะไร โดยจากการศึกษาเบื้องต้นพบว่ามีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมเเละประวัติคนในครอบครัวที่มีผู้เป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ จะทำให้มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป นอกจากนี้พฤติกรรมการดูเเลสุขภาพ อาหาร เเละการออกกำลังกาย ก็เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งลำไส้ใหญ่อันตรายอย่างไร?

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการตายจากโรคมะเร็งลำดับที่ 4 ของมะเร็งทั้งหมด มะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเเรกมักไม่มีอาการ เเต่เมื่อเซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามจะทำให้มีอาการชัดเจนขึ้น ซึ่งก็จะมีความอันตรายเพิ่มขึ้น 

และเนื่องจากเซลล์มะเร็งสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้ ดังนั้นการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เเละตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเเรก ๆ จึงเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลลัพธ์ในการรักษา

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีกี่ระยะ?

มะเร็งลำไส้ใหญ่แบ่งออกเป็น 5 ระยะ โดยแต่ละระยะมีลักษณะและลักษณะการลุกลามที่แตกต่างกัน ดังนี้

  1. ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ): เป็นระยะเริ่มต้นที่เซลล์มะเร็งอยู่ในผนังลำไส้ใหญ่ ยังไม่ลุกลามไปที่เนื้อเยื่อโดยรอบ
  2. ระยะที่ 1: เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามเข้าไปในผนังลำไส้ใหญ่ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
  3. ระยะที่ 2: มะเร็งลุกลามเข้าไปในชั้นลึกของผนังลำไส้ใหญ่หรือเข้าไปในเนื้อเยื่อโดยรอบ แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง
  4. ระยะที่ 3: มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่แพร่กระจายไปยังอวัยวะที่อยู่ห่างออกไป
  5. ระยะที่ 4: มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ ในร่างกาย เช่น ตับ ปอด หรือกระดูก ซึ่งถือเป็นระยะที่รุนแรงที่สุด

การจำแนกประเภทนี้ช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและคาดการณ์ผลลัพธ์ได้ดีขึ้น

> กลับสู่สารบัญ

การวินิจฉัยมะเร็งสำไส้ใหญ่

การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นสิ่งสำคัญ แม้จะไม่มีอาการใด ๆ ก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไปควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง โดยการตรวจมีหลายวิธี เช่น

  1. การตรวจร่างกายและซักประวัติครอบครัว: แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพและโรคในครอบครัวเพื่อประเมินความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
  2. การใช้นิ้วคลำตรวจทางทวารหนัก: เป็นวิธีตรวจเบื้องต้นที่ช่วยตรวจสอบความผิดปกติในบริเวณทวารหนัก
  3. การตรวจเลือดและตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง: การตรวจเลือดเพื่อหาสัญญาณที่บ่งบอกถึงโรคมะเร็ง
  4. การตรวจอุจจาระทางห้องปฏิบัติการ: การตรวจหาเลือดที่มองไม่เห็นในอุจจาระ (fecal occult blood test) ซึ่งสามารถบ่งบอกถึงปัญหาในลำไส้ได้
  5. การตรวจลำไส้ด้วยการส่องกล้อง (Colonoscopy): ซึ่งหากพบเนื้องอกในลำไส้ใหญ่ แพทย์จะทำการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อตรวจสอบหาเซลล์มะเร็ง
  6. การตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (CT colonoscopy): เป็นการตรวจเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์เพื่อสร้างภาพลำไส้ใหญ่ ทำให้เห็นความผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น

> กลับสู่สารบัญ

มะเร็งลำไส้ใหญ่ รักษาหายไหม?

มะเร็งลำไส้ใหญ่มีโอกาสรักษาหายได้ โดยเฉพาะเมื่อถูกตรวจพบในระยะเริ่มต้น การรักษาจะขึ้นอยู่กับระยะของมะเร็ง ขนาดของเนื้องอก และสภาพทั่วไปของผู้ป่วย โดยมีวิธีการรักษาดังนี้

  1. การผ่าตัด
    • สำหรับมะเร็งในระยะเริ่มต้น มักใช้การผ่าตัดเพื่อตัดเนื้องอกออก และอาจต้องตัดส่วนของลำไส้ที่ได้รับผลกระทบจากมะเร็งออกด้วย
  2. การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy)
    • ใช้เพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจกระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย โดยมักใช้ในระยะที่มะเร็งมีการแพร่กระจาย หรือในระยะลุกลาม
  3. การรักษาด้วยรังสีบำบัด (Radiation therapy)
    • อาจใช้ก่อนหรือหลังการผ่าตัด เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือทำให้ขนาดเนื้องอกเล็กลง
  4. การรักษาด้วยการใช้ยาเฉพาะเจาะจง (Targeted therapy)
    • เป็นการใช้ยาที่ออกแบบมาเพื่อมุ่งเป้าไปที่เซลล์มะเร็งโดยเฉพาะ โดยไม่ทำลายเซลล์ปกติในร่างกายมากนัก ซึ่งช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดจากการรักษา
  5. การตรวจติดตาม
    • หลังจากการรักษามะเร็งแล้ว ควรมีการตรวจติดตามอย่างสม่ำเสมอเพื่อเฝ้าระวังและตรวจสอบว่ามีการกลับมาเป็นอีกหรือไม่

หากได้รับการรักษาที่เหมาะสมจากแพทย์เฉพาะทางและตรวจพบตั้งแต่ระยะแรก โอกาสในการรักษาหายจะสูงมาก ดังนั้นการตรวจสุขภาพและการตรวจคัดกรองมะเร็งจึงสำคัญในการป้องกันและรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันมะเร็งสำไส้ใหญ่

การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่สามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งทำได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและการดูแลสุขภาพ

  • การตรวจคัดกรองเป็นประจำ: ผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ เพื่อหาความผิดปกติ นอกจากนี้ผู้ที่มีประวัติครอบครัวควรตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอแม้ว่าจะอายุไม่ถึง 45 ปีก็ตาม
  • การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์: เน้นการทานผักและผลไม้ รวมถึงธัญพืชเต็มเมล็ด และลดการบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เนื้อแดงและอาหารแปรรูป
  • การออกกำลังกายสม่ำเสมอ: ควรออกกำลังกายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยควบคุมน้ำหนักและลดความเสี่ยงของโรค
  • การควบคุมน้ำหนัก: รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม เนื่องจากน้ำหนักเกินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งลำไส้ใหญ่
  • การลดการบริโภคแอลกอฮอล์และการสูบบุหรี่: ลดการดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
  • การรักษาโรคประจำตัว: หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคลำไส้อักเสบ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาและป้องกันไม่ให้ลุกลามกลายเป็นมะเร็งในอนาคต

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งสามารถนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แม้ว่าอาการในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน แต่การตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป จะช่วยป้องกันและตรวจพบโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ขึ้นอยู่กับระยะของโรค หากตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ตั้งแต่ในระยะแรก จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้น และทำให้มีโอกาสรักษาหายมากขึ้น

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

แพ็กเกจตรวจความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งด้วยรหัสพันธุกรรม

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งชาย

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองมะเร็งหญิง

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 20 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง)

รายละเอียด

แพ็กเกจวินิจฉัยโรคทางเดินอาหารด้วยการกลืนกล้องแคปซูล (Capsule Endoscopy)

รายละเอียด

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

บอลลูนหัวใจ

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

อ่านเพิ่มเติม
ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ ปัญหายอดฮิตของคนใช้งานข้อมือหนัก

อ่านเพิ่มเติม
กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS MH และ SMA อาการต่างกันอย่างไร รักษาหายไหม?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

นพ.ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย

นพ.ระพีพันธุ์ กัลยาวินัย

ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

ศูนย์ทางเดินอาหารและตับ

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

บอลลูนหัวใจ

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

อ่านเพิ่มเติม
ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ ปัญหายอดฮิตของคนใช้งานข้อมือหนัก

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ คือโรคที่เกิดจากปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่ใช้กางนิ้วหัวแม่มือที่อยู่บริเวณข้อมือเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการปวดข้อมือเมื่อใช้งาน มักเกิดจากการใช้งานข้อมือหนัก

อ่านเพิ่มเติม
กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS MH และ SMA อาการต่างกันอย่างไร รักษาหายไหม?

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงสามารถแบ่งได้หลายชนิด ซึ่งจะมีสาเหตุและอาการหลายแบบ วิธีรักษาเองก็หลากหลายตามไปด้วย รักษาแล้วหายขาดไหม? ติดตามได้ในบทความนี้!

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา