Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ที่สามารถแก้ไขได้

นพ.อนุพงษ์ ปริณายก

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 30 ตุลาคม 2024
ปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ที่สามารถแก้ไขได้

โดย นพ.อนุพงษ์ ปริณายก

ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปัจจุบันค่าเงินบาทดูจะลอยต่ำลงไปเรื่อยๆ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้

คือ ขออย่าได้เจ็บป่วยไม่สบายเลย จะได้มีเวลาทำงานให้เต็มที่ไม่เสียเงินทองไปกับค่ารักษาพยาบาล ครั้งนี้นับ
ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ทุกคนจะได้เริ่มดูแลสุขภาพให้แข็งแรง สำหรับท่านที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคน หรือผู้สูง
อายุ ควรจะเริ่มเอาใจใส่กับสุขภาพเพื่อให้ห่างไกลจากโรคหัวใจได้แล้ว

โรคหัวใจที่เกิดจากเส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันนั้น ทุกท่านคงได้อ่านมาไม่มากก็น้อย สาเหตุการตีบของ
เส้นเลือดหัวใจ พบว่ามีไขมันคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล (LDL – Cholesterol) เริ่มจับตัวเข้าไปอยู่
ในผนังเส้นเลือด วันเวลาที่ผ่านไป LDL ก็จะยิ่งฝังตัวมากขึ้นๆ จนทำให้เส้นเลือดมีการตีบมาก (มากกว่า
75 เปอร์เซ็นต์ของขนาดเส้นเลือด) จนทำให้เกิดอาการเจ็บหน้าอกหรือวันไม่ดีคืนไม่ดีตรงบริเวณที่ไขมัน
ฝังตัวนั้นเกิดปริแตกกระตุ้นให้เกล็ดเลือดมาเกาะกลายเป็นลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดหัวใจของเราได้ ทำให้
เกิดอาการเจ็บหน้าอกอย่างเฉียบพลันและรุนแรง ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจในส่วนนั้นตายไป

การดูแลหลังจากที่เส้นเลือดหัวใจตีบหรืออุดตันไปแล้วนั้น จะเป็นการรักษาและการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
แต่ผู้ป่วยส่วนหนึ่งจะไม่สามารถทำงานได้อย่างปรกติเช่นเดิม และชีวิตเริ่มแปรเปลี่ยนไป สิ่งที่ดีที่สุดคือ
การป้องกันไม่ให้เกิดโรคหัวใจแทน

ก่อนอื่นเราควรรู้ว่าอะไรคือปัจจัยให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบได้บ้าง

ได้แก่ไขมันในเลือดสูง, การสูบบุหรี่,
ความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, การไม่ออกกำลังกาย, โรคอ้วน และความเครียด ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่
สามารถแก้ไขได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงที่แก้ไขไม่ได้ ได้แก่ การมีประวัติครอบครัวของโรคเส้นเลือดหัวใจ, อายุ
ที่มากขึ้น, ผู้ชาย และหญิงวัยหมดประจำเดือน

ไขมันในเลือดสูง ไขมันที่สูงเกินปรกติมีหลายชนิดที่ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แต่ที่สนใจกันมากที่
สุดคือคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ สำหรับคอเลสเตอรอลนั้นมีหลักฐานชัดเจนว่า ในกลุ่มที่มีคอเลส
เตอรอลสูง จะมีโอกาสเกิดโรคหัวใจได้บ่อยกว่าในกลุ่มคอเลสเตอรอลปรกติ และการลดคอเลสเตอรอลลง
เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้ลดคอเลสเตอรอล พบว่ากลุ่มที่ลดคอเลสเตอรอลเกิดโรคหัวใจน้อยกว่าอย่างชัดเจน
การลดคอเลสเตอรอล ต้องเริ่มจากการควบคุมอาหารไขมันให้น้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทั้งหมด
และปริมาณคอเลสเตอรอลในอาหารต้องน้อยกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวัน ถ้าหากว่าควบคุมด้วยอาหารแล้วยัง
ไม่เพียงพอก็ควรรับประทานยาลดคอเลสเตอรอล น่าจะเลือกยาที่มีคุณภาพดีราคาถูก เพราะต้องรับ
ประทานยาเหล่านี้ไปตลอด ปัจจุบันมียาลดไขมันคอเลสเตอรอลให้เลือกใช้มากมาย

ส่วนไขมันไตรกลีเซอไรด์นั้น ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าก่อให้เกิดโรคเส้นเลือดหัวใจตีบโดยตรง แต่มี
แนวโน้มว่าจะทำให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบได้ การรักษาโดยการควบคุมน้ำหนัก งดอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว
หรือคอเลสเตอรอล , หยุดสูบบุหรี่ , ออกกำลังกาย เพราะในบางครั้งการงดเหล้าก็จะช่วยได้ ถ้าหาก
ควบคุมด้วยวิธีดังกล่าวแล้วยังไม่ได้ผลดี อาจจำเป็นต้องใช้ยาลดไขมัน ในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ร่วม
ด้วยหลายอย่างหรือระดับไขมันสูงมาก

การสูบบุหรี่ บุหรี่เปรียบได้กับตัวเร่งให้เกิดเส้นเลือดหัวใจตีบ พบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากโรคหัวใจมีผลมาจาก
บุหรี่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ไม่สูบบุหรี่ พบว่าผู้สูบบุหรี่เกิดโรคหัวใจเป็น 3 เท่าของผู้ไม่
สูบบุหรี่ และเสียชีวิตจากโรคหัวใจถึง 2 เท่าของผู้ไม่สูบบุหรี่ บุหรี่มีผลต่อเส้นเลือดหัวใจได้หลายอย่าง
สามารถกระตุ้นให้เส้นเลือดหัวใจหดตัว ทำให้ไขมันในเลือดผิดปรกติ และยังมีผลต่อระบบการแข็งตัว
ของเลือดอีก ในผู้ป่วยโรคหัวใจที่ผ่าตัดเส้นเลือดหัวใจไปแล้วหากยังคงสูบบุหรี่อยู่จะพบว่าเส้นเลือดที่
ผ่าตัดนั้นกลับมาตีบใหม่ในระยะเวลาไม่นาน จึงต้องห้ามผู้ป่วยหลังผ่าตัดหัวใจว่าให้หยุดบุหรี่เด็ดขาด

เมื่อหยุดบุหรี่ปัจจัยเสี่ยงจากบุหรี่จะค่อยๆ ลดลงไปเรื่อยๆ จนใกล้เคียงผู้ไม่สูบบุหรี่ นอกจากนั้นสำหรับผู้
ที่ไม่สูบบุหรี่แต่ต้องดมควันบุหรี่เสมอๆ ก็มีโอกาสเสี่ยงได้เช่นเดียวกับผู้ที่สูบบุหรี่โดยตรง

ความดันโลหิตสูง โดยความเป็นจริงแล้วการรักษาความดันโลหิตสูงก็คือ การป้องกันโรคแทรกซ้อนที่จะ
เกิดจากโรคความดันโลหิตสูง ได้แก่ อัมพาต และโรคหัวใจในผู้ป่วยที่ความดันโลหิตสูง (ความดันโลหิต
ตัวล่างประมาณ 105 มิลลิเมตรปรอท) เมื่อเฝ้าดูไป 10 ปี พบว่าเกิดกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันหรือ
ถึงแก่กรรมจากโรคหัวใจถึง 6 เท่าของผู้ที่มีความดันโลหิตปรกติ (ความดันโลหิตตัวล่างประมาณ 76
มิลลิเมตรปรอท) และพบว่าการรักษาความดันโลหิตสูงด้วยยาลดความดันสามารถที่จะลดการเกิดโรค
เส้นเลือดหัวใจได้จริง ยิ่งความดันโลหิตก่อนรักษาสูงมาก ผลดีที่ได้จากการรักษาจะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย
ควรควบคุมน้ำหนักไม่ให้อ้วน งดอาหารเค็ม และ รับประทานยาสม่ำเสมอ

โรคเบาหวาน โรคหัวใจนับว่าเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน บางครั้งแล้วผู้ป่วยเบาหวาน
อาจไม่มีอาการเจ็บหน้ากอกเลย แต่อาจเป็นอาการเหนื่อยง่ายผิดปรกติแทน สำหรับผู้ป่วยเบาหวานในเมือง
ไทยมักเป็นผู้ที่ดูแลรักษาสม่ำเสมอ อาจเนื่องมาจากมองเห็นผลเสียของการไม่ดูแลรักษาชัดเจนต่างจาก
ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงมากทีเดียว อย่างไรก็ตามโรคเบาหวานไม่ควรรักษาด้วยตนเองโดยไม่ไปพบ
แพทย์ เพราะว่าระดับน้ำตาลในเลือดนั้นอาจแปรเปลี่ยนไปได้ ควรมีการควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีตลอด
เวลา เพราะการควบคุมเบาหวานที่ไม่ดีพออาจจะไม่ต่างจากการไม่ควบคุมเลยก็ได้

การไม่ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่สำคัญต่อร่างกายโดยเฉพาะต่อหัวใจ เราพบว่ามีผู้ป่วยเป็น
โรคหัวใจถึง 2 เท่าในผู้ที่ไม่ออกกำลังกาย และเกิดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจสูงกว่าผู้ที่ออกกำลังกาย
สม่ำเสมอถึง 27 เปอร์เซ็นต์

การออกกำลังกายที่ดี คือ การออกกำลังกายชนิด aerobic exercise เช่น การวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน
การเต้นแอโรบิค เป็นต้น ขณะออกกำลังกายหัวใจควรเต้นประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ ของอัตราเต้นสูงสุด
(0.7 x (220 – อายุ)) หรือประมาณได้ว่า รู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย ครั้งละ 30 นาที อย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
ซึ่งจะเป็นการออกกำลังกายที่มีผลดีต่อหัวใจมากที่สุด หากว่าไม่สามารถออกกำลังกายได้ตามที่กล่าว
การออกกำลังกายบ้างก็ได้ประโยชน์ต่อร่างกายกว่าการไม่ออกกำลังกายเลย

โรคอ้วน ผู้ที่มีน้ำหนักเกินกว่ามาตรฐาน 20 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วน (obesity) ส่วนผู้ที่น้ำหนักเกิน
มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ จัดว่าเป็นโรคอ้วนอันตราย (morbid obesity) ซึ่งจะพบว่ามีโรคแทรกซ้อนต่างๆ
ได้หลายอย่างโดยเฉพาะโรคหัวใจ คนอ้วนจะเป็นโรคหัวใจได้บ่อยกว่าคนไม่อ้วนถึง 2 เท่า และมีโรคแทรก
ซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคกรน โรคข้อ เป็นต้น การลดน้ำหนักจะช่วยทำให้โอกาส
เกิดโรคต่างๆ ลดลงได้ จะช่วยให้การควบคุมโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวานง่ายขึ้น

ความเครียด โดยเฉพาะในผู้ที่มีอุปนิสัยเครียดง่าย (รู้สึกอะไรต่างๆ ไม่ค่อยถูกใจเลย) จะป่วยเป็นโรคหัวใจ
ได้บ่อยขึ้นกว่าผู้ที่ไม่เครียดถึง 2 เท่า และความเครียดยังเป็นตัวกระตุ้นการทำงานของระบบต่างๆ ของ
ร่างกายให้ผิดปรกติ อาจทำให้เส้นเลือดหัวใจที่ตีบอยู่แล้วเกิดปริแตก หรืออุดตันได้ง่ายขึ้น การพยายามปรับ
เปลี่ยนอุปนิสัยไม่เครียดกับอะไรง่ายๆ จะช่วยให้หัวใจเป็นสุขได้

ทั้งหมดที่ท่านอ่านมาแล้วนั้นเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจที่สามารถแก้ไขได้ คงเป็นการลำบากถ้าจะป้องกัน
โรคหัวใจโดยไม่ลงทุนอะไรเลย ร่างกายของคนเราก็เปรียบเหมือนรถยนต์ ถ้าเราหมั่นดูแลบำรุงรักษารถยนต์
ก็ใช้ได้ดีใช้ได้นาน แต่ถ้าเราใช้งานรถยนต์อย่างเดียว อายุของรถยนต์ก็คงจะสั้นเกินควร รถยนต์ซื้อใหม่ได้แต่
ร่างกายของเราซื้อใหม่ไม่ได้ ปีใหม่แล้วเริ่มต้นอะไรดีๆ ให้กับตัวเองและครอบครัวเถอะครับ…

บทความล่าสุด

บอลลูนหัวใจ

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

อ่านเพิ่มเติม
ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ ปัญหายอดฮิตของคนใช้งานข้อมือหนัก

อ่านเพิ่มเติม
กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS MH และ SMA อาการต่างกันอย่างไร รักษาหายไหม?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

A0941

นพ.อนุพงษ์ ปริณายก

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

สถาบันหัวใจและหลอดเลือด_1-1

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

บอลลูนหัวใจ

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

อ่านเพิ่มเติม
ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ ปัญหายอดฮิตของคนใช้งานข้อมือหนัก

ปลอกหุ้มเอ็นข้อมืออักเสบ คือโรคที่เกิดจากปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่ใช้กางนิ้วหัวแม่มือที่อยู่บริเวณข้อมือเกิดการอักเสบ ทำให้มีอาการปวดข้อมือเมื่อใช้งาน มักเกิดจากการใช้งานข้อมือหนัก

อ่านเพิ่มเติม
กล้ามเนื้ออ่อนแรง

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS MH และ SMA อาการต่างกันอย่างไร รักษาหายไหม?

โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงสามารถแบ่งได้หลายชนิด ซึ่งจะมีสาเหตุและอาการหลายแบบ วิธีรักษาเองก็หลากหลายตามไปด้วย รักษาแล้วหายขาดไหม? ติดตามได้ในบทความนี้!

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา