Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

ตรวจเต้านมด้วยตนเอง เพื่อรู้ทันมะเร็งเต้านม

นพ.ปัญญา ทวีปวรเดช

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 15 ธันวาคม 2022
ตรวจเต้านมด้วยตนเอง

มะเร็งเต้านม (breast cancer) พบมากเป็นอันดับต้น ๆ ของมะเร็งในเพศหญิง ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ล้วนมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งประเภทนี้ ดังนั้น ถ้าตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ แล้วเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทัน ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง ด้วยวิธีการคลำเต้านม เป็นเรื่องที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะถือเป็นแนวทางด่านแรกที่จะเพิ่มโอกาสเจอมะเร็งได้ในระยะเริ่มต้น ถ้าพร้อมแล้ว มาลองตรวจกันเลย!

สารบัญ

  • 3 แนวทางตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม
  • ทำไมถึงต้องตรวจเต้านมด้วยตนเอง
  • ควรคลำเต้านมเมื่อไหร่ ช่วงเวลาไหน
  • การตรวจเต้านมด้วยตัวเองต้องรู้อะไรบ้าง
  • วิธีการคลำเต้านม 3 แบบ
  • 3 ท่า เพื่อคลำเต้านมด้วยตนเองที่แม่นยำ
  • ผิดปกติแบบไหน ควรมาพบแพทย์
  • สรุป

3 แนวทางตรวจคัดกรองเบื้องต้น ที่ควรรู้จัก

การมีแนวทางป้องกันมะเร็งตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยเป็นปราการสำคัญ ป้องกันไม่ให้เราเข้าสู่กระบวนการรักษาสายเกินไป ลดโอกาสลุกลามหรือแพร่กระจายของมะเร็ง โดยมีข้อควรปฏิบัติที่ควรทำ ดังนี้

  1. การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (breast self examination)
  2. การตรวจเต้านมด้วยแพทย์ (clinical breast examination)
  3. เข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจแมมโมแกรม (Mammogram) และอัลตราซาวด์ (Ultrasound)

มีข้อแนะนำว่า ผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไป ไม่ว่าจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือไม่ ควรคลำเต้านมด้วยตัวเองอย่างถูกวิธี ประมาณเดือนละ 1 ครั้ง แล้วตรวจเป็นประจำทุกเดือน

เพื่อความมั่นใจและความมั่นยำในการตรวจ ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ก็ควรเข้ารับการตรวจเต้านมโดยแพทย์ ประมาณ 6 เดือนต่อครั้งด้วย

นอกจากนี้ เมื่อมีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองด้วยการตรวจแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ อย่างน้อย 1-2 ครั้งต่อปี

ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม ในการคัดกรองมะเร็งเต้านมที่เหมาะสม เนื่องจากบางท่านอาจมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ อาจต้องปรับวิธีการตรวจ ช่วงเวลา และความถี่ที่ควรเข้ามารับการตรวจให้สอดคล้องกับความเสี่ยงนั้น ๆ

อ่านเรื่องราวของมะเร็งเต้านมโดยละเอียดได้ที่นี่
 https://www.praram9.com/breast-cancer-staging/

> กลับสู่สารบัญ

ทำไมถึงต้องตรวจเต้านมด้วยตนเอง

การตรวจเต้านมด้วยตนเอง โดยเฉพาะการคลำเต้านั้น จะทำให้เราเข้าใจ “ลักษณะตามปกติ” ของเต้านมตัวเองว่าเป็นอย่างไร (บางคนอาจไม่เคยสังเกตเต้านมตัวเองอย่างจริงจัง) ซึ่งจะมีประโยชน์ในการสังเกต “ความผิดปกติ” ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อรูปร่างหรือลักษณะเต้านมของเราเปลี่ยนไปจากเดิม

ทำไมต้องใช้วิธีคลำเต้านม

การตรวจเต้านมจะแบ่งเป็น 2 ขั้นตอนหลัก คือ การพินิจสังเกตเต้า และ การคลำเต้า ซึ่งเราควรทำให้ครบ เพื่อความละเอียดแม่นยำในการตรวจ

การพินิจดูเต้านมของตนเอง จะช่วยในการบอกลักษณะของเต้านมที่สังเกตได้โดยละเอียด หากมีความผิดปกติเกิดขึ้น เช่น เต้านมสองข้างไม่เท่ากัน (ทั้งที่เมื่อก่อนเท่ากัน) หรือมีการนูนของผิวหนังที่ดูผิดปกติ เป็นต้น ก็สามารถบอกสัญญาณของโอกาสที่จะเป็นมะเร็งได้

การคลำเต้านม จะมีประโยชน์ในการคลำพบก้อนมะเร็งที่อยู่ในบริเวณเต้าแต่ยังไม่ปรากฏออกมาให้เห็นได้ชัดเจนได้

หากพิจารณาดูจะพบว่า ไม่ว่าจะเป็นการดูหรือคลำก็ตาม หากทำเป็นประจำสม่ำเสมอ เราจะรู้จักลักษณะเต้านมของตัวเอง ทำให้สังเกตพบได้ง่าย หากมีก้อนผิดปกติที่ไม่เคยคลำพบมาก่อน

> กลับสู่สารบัญ

ควรคลำเต้านมเมื่อไหร่ ช่วงเวลาไหน

การคลำเต้านม ใช้เวลาเพียงสั้น ๆ เท่านั้น แต่ควรวางแผนคลำเต้าเป็นประจำ ดังนี้

  • ควรคลำเต้านมเป็นประจำทุกเดือน เดือนละ 1 ครั้ง
  • ให้เลือกเวลาหลังประจำเดือนมา 7-10 วัน นับจากวันแรกของการมีประจำเดือน เนื่องจากเป็นช่วงที่เต้านมไม่มีการคัดตึง ลดโอกาสเข้าใจผิดได้
  • หากหมดประจำเดือนแล้ว ให้ตั้งวันที่จะคลำเต้านมเป็นวันเดียวกันทุกเดือน
การตรวจเต้านมด้วยตนเอง ควรตรวจช่วงเวลาไหน

> กลับสู่สารบัญ

การตรวจเต้านมด้วยตัวเองต้องรู้อะไรบ้าง

การตรวจเต้านม มี 2 ขั้นตอนใหญ่ ๆ คือ การดูและการคลำ

1. การดูเต้านม

การดูเต้านม มีจุดประสงค์เพื่อสังเกตลักษณะภายนอกของเต้านมที่มองเห็นได้ โดยต้องส่องกระจกในการดูสิ่งผิดปกติต่าง ๆ ของเต้านม ได้แก่

  • หัวนม : หัวนมทั้ง 2 ข้าง ควรอยู่ที่ตำแหน่งระดับเดียวกัน มีสีผิวและรูปร่างเหมือนกัน ชี้ออกไปด้านข้างเล็กน้อยเท่านั้น ต้องไม่มีลักษณะที่ถูกดึงรั้งหรือทำให้เอนไปยังข้างใดข้างหนึ่ง

    ไม่ควรมีน้ำเหลือง เลือด หรือของเหลวผิดปกติไหลออกมาจากหัวนม รวมถึงไม่ควรมีแผลผิวถลอก หรือแผลจากก้อนนูน

     

  • ฐานหัวนม : ฐานเต้านมควรมีผิวเนียนและสีเสมอกัน ไม่ควรมีรอยนูนหรือก้อนดันผิวออกมา ไม่ควรมีรอยบุ๋มที่เกิดจากก้อนมะเร็งดึงรั้งลงไป รวมถึงแผลผิวถลอกหรือแผลจากก้อนนูน

     

  • เต้านม : เต้านมควรมีผิวเนียนและมีสีผิวเสมอกัน ไม่ควรมีส่วนของผิวที่บวมหนาแล้วมองเห็นรูขุมขนได้ชัดเหมือนผิวเปลือกส้ม ไม่ควรมีรอยนูนหรือรอยบุ๋มผิดปกติ หรือรอยตะปุ่มตะป่ำต่าง ๆ

    สีผิวของเต้านมไม่ควรเป็นสีแดงคล้ำ และไม่ควรมีรอยแผลแตกทะลุที่ผิวหนัง ไม่มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกมา

    นอกจากนี้ ให้สังเกตระดับและขนาดของเต้านม เต้านมทั้ง 2 ข้างควรมีรูปร่างและขนาดใกล้เคียงกัน และควรอยู่ระนาบเดียวกัน หากพบว่ามีส่วนที่ถูกดึงรั้งขึ้นหรือถ่วงให้หย่อนคล้อยลงมา (โดยเฉพาะถ้าเริ่มเป็นจากเต้านมด้านใดด้านหนึ่ง) ให้ไปพบแพทย์

2. การคลำเต้านม

เป้าหมายของการคลำเต้านม คือ การสังเกตความผิดปกติที่อาจมองไม่เห็นด้วยตา โดยทั่วไปลักษณะของเต้านมที่เหมาะสม จะต้องนุ่ม ๆ หยุ่น ๆ หากบีบจะได้ก้อนเนื้อที่นุ่ม แต่หากพบความผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรไปพบแพทย์

  • คลำพบก้อนผิดปกติ อาจพบได้ทั้งบริเวณเต้านม หัวนม รักแร้ และเหนือไหปลาร้า
    – อาจเป็นไตแข็งหรือเป็นก้อนเรียบ ๆ ก็ได้
    – เมื่อคลำพบหรือลองกดดูเบา ๆ อาจรู้สึกเจ็บ หรือไม่รู้สึกเจ็บก็ได้
    – ก้อนอาจกลิ้งได้ หรือถ้ากลิ้งไม่ได้ อาจมีส่วนที่ยึดหรือรั้งกับเนื้อเยื่อส่วนล่างหรือผิวหนัง
  • คลำพบรอยบุ๋มเหมือนลักยิ้ม ที่อาจเกิดจากก้อนไปดึงรั้งลงมา
  • มีแผลที่เกิดจากการแตกทะลุของก้อน อาจมีหรือไม่มีเลือดและน้ำเหลืองไหลออกมาก็ได้
  • บีบหัวนม แล้วพบน้ำเหลืองหรือเลือดไหลออกมา

> กลับสู่สารบัญ

วิธีการคลำเต้านม 3 แบบ

การคลำเต้านม จะต้องคลำให้ครบและทั่วทั้งบริเวณเต้านม รวมไปถึงบริเวณรักแร้ด้วย ปัจจุบันการจะคลำให้ทั่ว (โดยไม่พลาดจุดใดไปเลย) จะมีอยู่ 3 แบบ ให้เราเลือกวิธีที่ถนัดมาหนึ่งวิธีเพื่อใช้ 3 นิ้วของเราในการตรวจเต้านม

ควรดูภาพประกอบไปด้วย เพื่อทำความเข้าใจวิธีการทั้ง 3 รูปแบบได้ชัดเจนขึ้น

1. คลำเป็นก้นหอย หรือ คลำตามเข็มนาฬิกา (clock pattern)

ให้นึกถึงภาพของวงก้นหอย โดยเริ่มจากหัวนม แล้วค่อย ๆ ขยายวงก้นหอยออกไปยังบริเวณฐานเต้า รวมไปถึงรักแร้ โดยค่อย ๆ คลำและวนเลื่อนนิ้วมือตามเข็มนาฬิกาเป็นวงกลมขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ไปสิ้นสุดที่บริเวณรักแร้

ในระหว่างที่คลำ ให้พิจารณาดูว่ามีก้อนหรือไม่ แล้วอย่าลืมสังเกตเนื้อเยื่อใต้หัวนมและลองบีบหัวนมเบา ๆ เพื่อดูสิ่งคัดหลั่ง

2. คลำตามแนวนอนขึ้น-ลง ขนานลำตัว (virtical strip)

โดยจะคลำตามแนวนอนขึ้นและลงไปเรื่อย ๆ ในลักษณะที่ขนานกับลำตัว เริ่มจากส่วนล่างด้านนอกของเต้านมเป็นแนวยาว ไปจนถึงกระดูกไหปลาร้า ลักษณะการคลำ ให้คลำในแนวขึ้น-ลง สลับกันไปมาจนทั่วทั้งเต้านม

3. คลำเป็นรูปลิ่ม หรือ คลำเป็นรัศมีรอบเต้านม (wedge pattern)

ให้คลำเข้าและออกจากส่วนเต้านมไปยังฐานเต้า เมื่อครบ 1 ครั้งแล้ว ให้เลื่อนมือวนรอบเต้านมเป็นรัศมีแล้วคลำเข้าและออกอีกครั้ง ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนวนครบรอบเต้านม อย่าลืมคลำจนถึงกระดูกไหปลาร้าและบริเวณรักแร้ด้วย

วิธีการตรวจเต้านม

> กลับสู่สารบัญ

3 ท่า เพื่อคลำเต้านมด้วยตนเองที่แม่นยำ

การตรวจคลำเต้านมด้วยตัวเองจะแบ่งออกเป็น 3 ท่า ได้แก่ ท่ายืน ท่านอน และการตรวจขณะอาบน้ำ

1. ท่ายืน

การตรวจใจท่ายืนนี้ เราจะต้องส่องดูและสังเกตเต้านมตัวเองจากกระจก จึงควรทำในห้องน้ำ หรือในห้องที่มีกระจก โดยมีขั้นตอนดังนี้

สิ่งที่ต้องสังเกต: ความผิดปกติต่าง ๆ ได้แก่ รูปร่างที่ไม่เท่ากัน รอยบุ๋ม รอยนูน แผล และการอักเสบ แต่หากไม่พบความผิดปกติ ก็ควรจดจำลักษณะตามปกติของเต้านมให้ดี เพื่อความสะดวกในการเปรียบเทียบครั้งถัดไป

  1. วางแขนข้างลำตัว ผ่อนคลาย ไม่ต้องเกร็งแขน แล้วพิจารณาดูรูปร่าง ขนาด สีผิว ลักษณะของพื้นผิว และระดับของหัวนม
  2. ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ ดูขนาด รูปร่าง และร่องรอยผิดปกติของเต้านม
  3. วางมือทั้ง 2 ข้างไว้ที่สะโพก แล้วเกร็งหน้าอกหรือกดน้ำหนักตัวลง จากนั้นให้ดูลักษณะที่ผิดปกติของเต้านม
  4. โน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อความชัดเจนที่มากขึ้นของเต้านมทั้งสองข้าง แล้วตรวจสอบเต้านมดูอีกครั้ง

2. ท่านอน

สิ่งที่ต้องสังเกต: ตรวจหาก้อนที่อยู่บริเวณใกล้ผิวหนังและบริเวณเต้านม รวมถึงของเหลวที่ผิดปกติต่าง  ๆ เช่น เลือดและน้ำเหลือง ที่อาจไหลออกมาจากหัวนม

  1. นอนหงาย ใช้หมอนขนาดเล็ก สอดไปที่ใต้ไหล่ข้างที่ต้องการตรวจ จากนั้นยกแขนข้างที่จะตรวจขึ้นเหนือศีรษะ

    สมมุติว่ารอบแรก เราจะตรวจเต้านมข้างขวา ก็ให้สอดหมอนเข้าไปที่ไหล่ขวา แล้วยกมือขวาเหนือศีรษะไว้

  2. ใช้นิ้วมือข้างที่จะตรวจ 3 นิ้ว ได้แก่ นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง เราจะใช้ปลายนิ้วในการตรวจคลำเต้านม

    สมมุติว่าตรวจเต้านมด้านขวา ก็ให้ใช้นิ้วมือข้างซ้าย 3 นิ้วในการตรวจ

  3. ใช้ 3 นิ้วกดลงไป ไล่ระดับตั้งแต่กดเบา ๆ ไปจนถึงกดแรงขึ้น ทำ 3 รอบ โดยแต่ละรอบ ให้แบ่งความหนักเบาเป็น 3 ระดับ ค่อย ๆ กดไปจนทั่วเต้านมและรักแร้ ในขั้นตอนนี้ห้ามบีบเนื้อเต้านม เนื่องจากอาจทำให้รู้สึกว่ามีก้อน แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่

  4. บีบหัวนมเบา ๆ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ดูว่ามีสิ่งคัดหลั่งไหลออกมาหรือไม่

ให้ทำเช่นนี้ทั้ง 4 ข้อ กับเต้านมทั้ง 2 ข้าง

3. ขณะอาบน้ำ

การตรวจขณะอาบน้ำ จะอาศัยความเปียกหรือความลื่นของสบู่ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังลื่นขึ้นและตรวจได้ง่าย

สิ่งที่ต้องสังเกต: ตรวจหาความผิดปกติเช่นเดียวกับการตรวจท่ายืน เช่น ก้อนที่เต้านม และของเหลวจากหัวนม แต่มีข้อสังเกตเพิ่มเติมคือ ดูว่ามีก้อนหรือต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณรักแร้ด้วยหรือไม่

  1. ยกมือข้างเดียวกันกับเต้านมที่จะตรวจขึ้นวางบนศีรษะ แล้วใช้มืออีกข้างตรวจ โดยใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว แล้วทำการตรวจเช่นเดียวกันกับวิธีการตรวจในท่านอน
  2. เมื่อเสร็จแล้ว ให้ตรวจคลำเต้านมอีกข้างด้วยวิธีเดียวกัน
  3. จากนั้นให้ตรวจดูบริเวณรักแร้
  4. บีบหัวนมเบา ๆ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ ดูว่ามีสิ่งคัดหลั่งไหลออกมาหรือไม่

> กลับสู่สารบัญ

ผิดปกติแบบไหน ควรมาพบแพทย์

ความผิดปกติ เมื่อสังเกตดูจากภายนอก : เมื่อสังเกตเห็นลักษณะเต้านมที่เปลี่ยนไปจากปกติ เช่น บวม นูน หรือมีแผล หรือมีลักษณะใดที่ไม่เหมือนกันทั้งสองข้าง เช่น ขนาด รูปร่าง ตำแหน่งของหัวนม ให้มาพบแพทย์

ความผิดปกติ ที่พบจากการคลำเต้านม : มีแผลที่ผิดปกติ มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลออกมา หรือคลำพบรอยนูนไม่สม่ำเสมอ รอยบุ๋ม หรือก้อนที่ผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นก้อนลักษณะใดก็ตาม จะแข็งหรือเรียบ จะรู้สึกเจ็บหรือไม่ ให้มาพบแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียดจะดีที่สุด

เพื่อความปลอดภัย อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ถ้าตัวเราเองได้สังเกตดูหรือคลำเต้านมเป็นประจำอยู่แล้ว รับรู้ถึงลักษณะของเต้านมที่ปกติของตัวเองเป็นอย่างดี แล้วมีอยู่วันหนึ่งที่พบลักษณะผิดปกติ (ซึ่งเมื่อก่อนไม่เคยพบ) ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจโดยละเอียดได้เลย

เต้านมผิดปกติแบบไหน ควรมาพบแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

การตรวจเต้านมด้วยตัวเองเป็นประจำ ถือเป็นปราการด่านแรกที่ช่วยให้เรารับรู้ถึงความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในทุก ๆ เดือน เราควรตรวจดูและคลำเต้านมตัวเองอย่างน้อย 1 ครั้ง

ควรพยายามปฏิบัติให้ต่อเนื่องจนเป็นนิสัย เนื่องจากประโยชน์ของการคลำเต้านมเป็นประจำ จะทำให้ทราบลักษณะที่เป็นปกติของเต้า หากมีความผิดปกติจะทำให้ทราบได้ทันที

ในทางกลับกัน ถ้านาน ๆ เราตรวจเต้านมครั้งหนึ่ง อาจพลาดช่วงเวลาสำคัญที่เริ่มเกิดมะเร็งขึ้น หรือบางครั้ง การที่เราไม่คุ้นเคยกับเต้านมตัวเองดีพอ อาจทำให้เข้าใจผิด เกิดความวิตกกังวลไปต่าง ๆ นานา คิดว่าพบก้อนมะเร็ง ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจเป็นแค่ส่วนของเนื้อเยื่อตามปกติเท่านั้นเอง

เมื่อตรวจคลำเต้านมเป็นประจำแล้ว อย่าลืมเข้ามาตรวจเต้านมโดยแพทย์ และรับการตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์ ตามช่วงวัยที่เหมาะสมด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราตรวจพบความผิดปกติได้เร็วขึ้น เพิ่มโอกาสรอดชีวิต แถมยังมีโอกาสเก็บรักษาเต้านมไว้ได้ด้วย หากยังไม่ถึงระยะแพร่กระจาย

อ้างอิง

https://www.nci.go.th/th/Knowledge/downloads/ตรวจเต้านม.pdf

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

นพ.ปัญญา ทวีปวรเดช

นพ.ปัญญา ทวีปวรเดช

ศูนย์เต้านม

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์เต้านม_1-1

ศูนย์เต้านม

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ? สามารถแบ่งการผ่าตัดข้อเข่าเทียมออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือผ่าตัดใส่ผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน และการผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียมทั้งหมด

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) คือภาวะที่เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังเกิดการอักเสบบวมจนก่อให้เกิดอาการผิดปกติ ซึ่งสาเหตุมีทั้งจากการติดเชื้อและไม่ใช่จากการติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

เลือดออกในสมอง (Intracerebral Hemorrhage) คือภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลไปกดทับเนื้อเยื่อสมอง และเป็นสาเหตุของความพิการหรือเสียชีวิตในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา