Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
  • TH
    • EN
    • CN
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566

พญ.จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 27 ตุลาคม 2023
วัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566

ไข้เลือดออกเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทยที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การระบาดของไข้เลือดออกในปี 2566 นี้ มีแนวโน้มสูงขึ้นกว่าปี 2565 ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคพบว่าจำนวนผู้ป่วยปี 2566 มากกว่าปี 2565 ณ ช่วงเวลาเดียวกันถึง 3 เท่า นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากไข้เลือดออกมากถึง 33 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวล ทำให้เราควรจะตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ เพราะแม้จะเป็นโรคที่พบได้บ่อยและผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่รุนแรงแต่ในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการรุนแรงจนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้

นัดหมายปรึกษาแพทย์

สารบัญ

  • ไข้เลือดออกเกิดจากอะไร?
  • ใครที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้บ้าง?
  • อาการของไข้เลือดออก
  • การป้องกันไข้เลือดออก
  • ข้อมูลของวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566
  • สรุป

ไข้เลือดออกเกิดจากอะไร?

โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า “เชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus; DENV)”  ซึ่งมี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Dengue 1 (DEN1), Dengue 2 (DEN2), Dengue 3 (DEN3), และ Dengue 4 (DEN4) ซึ่งหากมีการติดเชื้อสายพันธ์ุใดสายพันธุ์หนึ่งแล้ว ร่างกายจะมีภูมิกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ไปตลอดชีวิต แต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่น ๆ ดังนั้นจึงสามารถติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ และป่วยเป็นไข้เลือดออกได้หากมีการติดเชื้อภายหลัง

> กลับสู่สารบัญ

ใครที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้บ้าง?

สามารถพบการติดเชื้อและป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ทุกช่วงอายุคือตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีอาการป่วยมีความแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ที่มีการติดเชื้อ และความแข็งแรงและสุขภาพร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อ โดยจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกที่พบมากที่สุดจะเป็นเด็กอายุ 5-14 ปี แต่จากข้อมูลการป่วยไข้เลือดออกในช่วง 20 ปีพบว่าแนวโน้มการเกิดโรคในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ กลุ่มอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมีสูงขึ้น

การติดเชื้อไข้เลือดออกในผู้ใหญ่มากขึ้นและอันตรายมากขึ้น

อย่างที่กล่าวข้างต้น ในช่วง 20 ปีหลังมานี้แนวโน้มการเกิดโรคในวัยรุ่นและผู้ใหญ่มีมากขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยเด็กในกลุ่มอายุน้อยกว่า 15 ปี มีแนวโน้มลดลง และอัตราการเสียชีวิตในผู้ใหญ่มีมากกว่าในเด็ก โดยพบว่าอัตราการเสียชีวิตในผู้ใหญ่อายุ 25 ปีขึ้นไป มากกว่าในเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-24 ปี ถึง 2-3 เท่า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ใหญ่มีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น ได้แก่ มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และอื่น ๆ เช่น 

  • โรคอ้วน 
  • โรคเบาหวาน 
  • โรคความดันสูง 
  • โรคเกี่ยวกับตับและไต 
  • ภาวะติดสุราเรื้อรัง 
  • หอบหืด 
  • ปอดอุดกั้นเรื้อรัง 
  • การไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลช้า 
  • การซื้อยารับประทานเอง เช่น ยาชุด ยาแก้ปวดประเภท NSAIDs ซึ่งทำให้มีเลือดออกรุนแรง

> กลับสู่สารบัญ

อาการของไข้เลือดออก

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมี 4 สายพันธุ์ โดยการถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด คนเราสามารถติดเชื้อไข้เลือดออกได้มากกว่า 1 ครั้งในสายพันธุ์ที่ต่างจากครั้งแรก ซึ่งประเทศไทยพบการระบาดทั้ง 4 สายพันธุ์หมุนเวียนสลับกันไปแล้วแต่ช่วงเวลา แต่สายพันธุ์ ที่ 1 และ 2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกในแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การติดเชื้อครั้งแรกส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิต แต่การติดเชื้อครั้งที่สองที่เป็นการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่ต่างไปจากการติดเชื้อครั้งแรกอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น

อาการของไข้เลือดออก ในช่วงเริ่มต้น

  • ไข้สูงเฉียบพลัน ไข้สูงเกิน 38.5 องศา 
  • ปวดศีรษะ 
  • ปวดกระบอกตา 
  • ปวดเมื่อยตัว 
  • คลื่นไส้ อาเจียน 
  • อาจมีจุดเลือดออกตามแขนขา ลำตัว มีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน

อาการของไข้เลือดออกในวันที่ 3-7 ของการป่วย

อาจมีอาการรุนแรง ได้แก่ 

  • ภาวะช็อก 
  • เลือดออกผิดปกติรุนแรง 
  • อาจเสียชีวิตได้
สนใจนัดหมายแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันไข้เลือดออก

การป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ยุงกัด รวมถึงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบริเวณรอบบ้าน 

การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออกและลดความรุนแรงของโรคได้ ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว 2 ชนิด ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อเดงกีได้ทั้ง 4 สายพันธุ์

วัคซีนชนิดแรก (Dengvaxia®) เริ่มมีใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 เป็นวัคซีนเชื้อเป็น ป้องกันสายพันธุ์ที่ 3 และ 4 ได้ดี และป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ปานกลาง มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกโดยรวมได้ 65% และป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้ 80%  โดยฉีดจำนวน 3 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น เนื่องจากพบว่าหากฉีดในคนที่ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดใหม่ (QDenga®) เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้ในประเทศไทยได้ในปี 2566 ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ 1 และ 2 ได้ดี

> กลับสู่สารบัญ

ข้อมูลของวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดที่ 2 หรือวัคซีนชื่อ QDenga® นี้ มีการใช้แล้วใน 16 ประเทศทั่วโลก เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ดี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบมากและเป็นส่วนใหญ่ของประเทศไทย

ข้อดีของวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566

  • มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกโดยรวมได้ 80% 
  • ป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้ถึง 90% 
  • สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 4-60 ปี 
  • สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน 
  • ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดตรวจภูมิคุ้มกันไข้เลือดออกก่อนได้รับวัคซีน

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566 ฉีดอย่างไร?

วัคซีนชนิดใหม่นี้ ต้องฉีดจำนวน 2 เข็ม เข้าชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous) เว้นระยะห่างจากเข็มแรก 3 เดือน

ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ 2566

  1. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วย HIV เป็นต้น
  2. หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร โดยแนะนำให้หญิงวัยเจริญพันธุ์คุมกำเนิดหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือน อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับวัคซีน 
  3. ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนอย่างรุนแรง

ความปลอดภัยและผลข้างเคียงของวัคซีน

วัคซีนมีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการที่พบทั่วไปหลังการได้รับวัคซีน ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 2 วันหลังฉีด และหายได้เองภายใน 3-4 วัน และเมื่อติดตามผลหลังฉีดวัคซีนไป 4.5 ปี ก็ไม่พบการป่วยด้วยไข้เลือดออกที่อาการรุนแรงมากขึ้นในผู้ที่ฉีดวัคซีนโดยไม่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยอาการข้างเคียงที่พบได้ ได้แก่ 

  • อาการปวดบวมแดงร้อนเฉพาะบริเวณที่ฉีด 
  • อาการไข้ ปวดเมื่อยตัว 
  • ปวดศีรษะ

ประสิทธิภาพระยะยาวเป็นอย่างไร? ต้องฉีดกระตุ้นหรือไม่?

เมื่อติดตามผลหลังฉีดวัคซีนไปในระยะเวลา 4.5 ปี พบว่าประสิทธิภาพลดลงเหลือ 61% สำหรับการป้องกันไข้เลือดออก แต่ยังสามารถป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้สูง คืออยู่ที่ 80% 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพหลังจาก 4.5 ปี และยังไม่มีคำแนะนำการฉีดกระตุ้น ต้องรอข้อมูลผลการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาแล้วฉีดได้หรือไม่ ควรฉีดหลังจากหายจากไข้เลือดออกนานเท่าไหร่?

เนื่องจากการติดเชื้อไข้เลือดออกในครั้งที่ 2 มักมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วจึงเป็นกลุ่มที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันความรุนแรงในการติดเชื้อครั้งต่อไป โดยฉีดหลังจากหายจากไข้เลือดออกแล้วอย่างน้อย 6 เดือน

เคยฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดเดิมมาแล้ว สามารถฉีดวัคซีนชนิดใหม่นี้ได้หรือไม่?

ยังไม่มีข้อมูลของการฉีดวัคซีนชนิดใหม่ในคนที่เคยฉีดวัคซีนชนิดเดิมมาแล้ว ทั้งในผู้ที่เคยฉีดวัคซีนครบหรือยังไม่ครบและต้องการมาฉีดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีการระบาดในประเทศไทยทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งจากสถิติมีรายงานพบผู้ป่วยได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ และในระยะหลังพบสถิติการป่วยในผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างมากซึ่งบางส่วนมีอาการรุนแรงจนทำให้เสียชีวิต 

ปัจจุบันได้มีการพัฒนาวัคซีนสำหรับการป้องกันไข้เลือดออก และเมื่อปลายปี 2566 นี้เพิ่งมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ที่สามารถป้องกันไข้เลือดออกสายพันธุ์ 1 และ 2 ได้ดีซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยในประเทศไทย สามารถป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกได้สูงถึง 90% และสามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคยเป็นและยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการป้องกันไข้เลือดออก อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย

สนใจนัดหมายแพทย์

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

แพ็คเกจวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก 2 เข็ม (QDENGA VACCINE)

รายละเอียด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ผ่าตัดริดสีดวงทวาร

ผ่าตัดริดสีดวงทวาร

อ่านเพิ่มเติม
การตรวจหูและการได้ยิน

ตรวจหูดีอย่างไร อาการแบบไหนบ้างที่ควรตรวจหู?

อ่านเพิ่มเติม

บอกลาการพิมพ์ปากและจัดฟันแบบเดิม ๆ ตั้งแต่รู้จัก เทคโนโลยีสแกนฟันแบบดิจิทัลและจัดฟันแบบใส (Clear Aligners)

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 V
  • Praram 9 V

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

พญ.จิตรฟ้า หรูรุ่งโรจน์

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์ตรวจสุขภาพ_1-1

ศูนย์ตรวจสุขภาพ

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ผ่าตัดริดสีดวงทวาร

ผ่าตัดริดสีดวงทวาร

โรคริดสีดวงเป็นโรคที่พบบ่อย ปัจจุบันการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดมีการพัฒนามากขึ้น เพื่อลดอาการปวดหลังการผ่าตัด แผลหายเร็วขึ้น จึงเป็นทางเลือกรักษาที่น่าสนใจในปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม
การตรวจหูและการได้ยิน

ตรวจหูดีอย่างไร อาการแบบไหนบ้างที่ควรตรวจหู?

หูเป็นอวัยวะที่ช่วยในการสื่อสาร การทำงาน และการเรียนรู้ต่าง ๆ การตรวจหูจะช่วยทำให้ตรวจพบความปกติของหูได้ก่อน ช่วยป้องกันภาวะสูญเสียการได้ยินซึ่งพบได้ในวัยเด็กแรกเกิดจนถึงวัยสูงอายุ หากมีอาการผิดปกติของหู และมีความเสี่ยงต่อภาวะสูญเสียการได้ยิน ยิ่งไม่ควรละเลยการตรวจหู เพื่อป้องกันและรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที

อ่านเพิ่มเติม

บอกลาการพิมพ์ปากและจัดฟันแบบเดิม ๆ ตั้งแต่รู้จัก เทคโนโลยีสแกนฟันแบบดิจิทัลและจัดฟันแบบใส (Clear Aligners)

Praram 9 Dental Center นำเทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความก้าวหน้าและทันสมัยมาใช้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด

แพ็กเกจยอดนิยม

แพ็กเกจตรวจสุขภาพน้องใหม่วัยชิลล์

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นพี่วัยชิค

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นใหญ่วัยเก๋า

รายละเอียด

ดูแพ็กเกจทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2021 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา