Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) รู้เร็ว รักษาได้ ลดเสี่ยงตาบอด

นพ.ศิริพงศ์ สินประจักษ์ผล

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 12 มกราคม 2024
เบาหวานขึ้นตา

เบาหวานเป็นโรคยอดฮิต โดยพบว่าทั่วโลกมีผู้เป็นโรคเบาหวานมากกว่า 420 ล้านคน ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญ และยังเป็นโรคที่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของระบบต่าง ๆ ของร่างกายตามมาได้อีกหลายระบบ เช่น ไตวาย หลอดเลือดส่วนปลายตีบ ปลายประสาทเสื่อม แผลหายยาก เพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ และยังทำให้เกิดการสูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดจาก “ภาวะเบาหวานขึ้นตา” ได้อีกด้วย

สารบัญ

  • โรคเบาหวาน
  • ภาวะเบาหวานขึ้นตา
  • เบาหวานขึ้นตาเกิดจากอะไร?
  • เบาหวานขึ้นตามีกี่ระยะ?
  • อาการของเบาหวานขึ้นตา
  • โรคแทรกซ้อนที่มากับเบาหวานขึ้นตา
  • ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงตาบอดมากกว่าคนปกติเพราะอะไร?
  • การวินิจฉัยภาวะเบาหวานขึ้นตา
  • เบาหวานขึ้นตา รักษาหายไหม?
  • นวัตกรรมการรักษาเบาหวานขึ้นตา
  • การป้องกันเบาหวานขึ้นตา
  • การดูแลสุขภาพตา
  • สรุป

โรคเบาหวาน

โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งที่ผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติอย่างต่อเนื่องเรื้อรัง เกิดจากความผิดปกติของตับอ่อนที่ทำหน้าที่หลั่งฮอร์โมน “อินซูลิน” เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หรือมีภาวะที่ร่างกายดื้อต่อฮอร์โมนอินซูลินที่ตับ กล้ามเนื้อ และเซลล์ไขมัน ทำให้ฮอร์โมนอินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่เต็มที่ ร่างกายจะมีปัญหาการเผาผลาญน้ำตาล ซึ่งเบาหวานเป็นโรคที่ทำให้มีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้ในหลาย ๆ ระบบของร่างกาย เช่น โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด ภาวะไตวาย ภาวะปลายประสาท ภาวะแผลติดเชื้อ รวมไปถึง “ภาวะเบาหวานขึ้นตา”

> กลับสู่สารบัญ

ภาวะเบาหวานขึ้นตา

ภาวะเบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนของเบาหวานที่พบได้บ่อย เป็นสาเหตุของความผิดปกติของหลอดเลือดฝอยในดวงตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดได้ในที่สุด มักพบในผู้ป่วยที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน แล้วทำให้หลอดเลือดฝอยที่จอประสาทตา (retina) เสียหายจนอาจทำให้ตาบอดได้ในที่สุด

> กลับสู่สารบัญ

เบาหวานขึ้นตาเกิดจากอะไร?

ภาวะที่มีน้ำตาลในเลือดสูงอยู่นาน ๆ จะทำให้บริเวณที่มีหลอดเลือดเล็ก ๆ เกิดการเสียหายได้ ซึ่ง ดวงตาเป็นอวัยวะหนึ่งที่มีหลอดเลือดฝอยอยู่มาก โดยภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจะไปทำลายผนังหลอดเลือดในจอประสาทตา ทำให้เกิดโป่งพอง อุดตัน มีการรั่วซึมของสารน้ำและเม็ดเลือด เกิดจอประสาทตาบวม จอตาขาดเลือด เกิดการสร้างหลอดเลือดใหม่ซึ่งหลอดเลือดที่สร้างขึ้นใหม่นี้จะเปราะ แตกง่าย ทำให้เกิดเลือดออกเข้าวุ้นตาทำให้ตามัวจนถึงตาบอด หรือเกิดพังผืดดึงรั้งจอตาทำตาบอดได้

> กลับสู่สารบัญ

เบาหวานขึ้นตามีกี่ระยะ?

ภาวะเบาหวานขึ้นตาแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่

  • ภาวะเบาหวานขึ้นตาที่ยังไม่มีหลอดเลือดสร้างใหม่ (non-proliferative diabetic retinopathy; NPDR) เป็นระยะแรกของโรค พบได้บ่อยในผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งเป็นระยะที่เกิดความเสียหายของผนังหลอดเลือดในดวงตา ทำให้หลอดเลือดไม่แข็งแรง เกิดหลอดเลือดโป่ง อาจพบเลือดออกในตา หรือมีของเหลวรั่วจากหลอดเลือดเข้าไปที่จอประสาทตา เกิดการบวมของจอประสาทตา ซึ่งอาจพบได้ไม่มากในระยะแรก ๆ แต่หากอาการรุนแรงขึ้นอาจมีเลือดออกที่กลางจอประสาทตาซึ่งเป็นจุดภาพชัด (macula) จนเกิดการบวมของจุดภาพชัด (macular edema) หรือหากหลอดเลือดเสียหายจนไม่มีเลือดไปเลี้ยงจุดภาพชัด จะทำให้เกิดภาวะจุดภาพชัดขาดเลือด (macular ischemia) ส่งผลต่อการมองเห็นได้
  • ภาวะเบาหวานขึ้นตาที่มีหลอดเลือดสร้างใหม่ (proliferative diabetic retinopathy; PDR) เป็นระยะที่โรคมีความรุนแรง เกิดความเสียหายของหลอดเลือดในตาอย่างรุนแรงจนเกิดการขาดเลือด หลังจากนั้นจะมีการกระตุ้นการสร้างหลอดเลือดใหม่ แต่หลอดเลือดที่สร้างมาใหม่นั้นเป็นหลอดเลือดที่ไม่ปกติ ผนังของหลอดเลือดไม่แข็งแรง เปราะแตกได้ง่าย จึงทำให้เกิดการแตกและมีเลือดออกเข้ามาในวุ้นลูกตามากขึ้น เกิดพังผืดดึงรั้งจอประสาทตา ทำให้เกิด ภาวะจอตาลอก (retinal detachment) จนอาจสูญเสียการมองเห็น นอกจากนี้การสร้างหลอดเลือดใหม่จะไปรบกวนการระบายของเหลวภายในลูกตา ทำให้ความดันในลูกตาสูงขึ้น เกิดเป็นโรคต้อหิน (glaucoma) ตามมาได้

> กลับสู่สารบัญ

อาการของเบาหวานขึ้นตา

“เบาหวานขึ้นตา” เป็นอาการที่เกิดกับผู้ป่วยเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดี มีระดับน้ำตาลสูงเป็นระยะเวลานาน ซึ่งอาการที่พบได้ เช่น

  • ในระยะแรก จะไม่แสดงอาการผิดปกติของการมองเห็น ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ไม่ทราบว่ามีภาวะของเบาหวานขึ้นตา และเมื่อมีอาการก็อยู่ในระยะที่รุนแรงแล้ว ดังนั้นจักษุแพทย์จึงแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานตรวจตาเป็นประจำ เพื่อจะได้รักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีกว่า
  • หากปล่อยไว้จะเริ่มมีอาการ
    • ตาพร่ามัว
    • เห็นเงามืด หรือเงาบังตรงกลางภาพ
    • ภาพที่เห็นมีลักษณะบิดเบี้ยว ซึ่งเกิดจากจุดรับภาพบวม
    • เห็นจุด หรือเส้น ๆ ลอยไปมา
    • มองภาพไม่ชัดในเวลากลางคืน
  • หากปล่อยทิ้งไว้ อาการจะรุนแรงขึ้น โดยจะมีอาการ
    • จอตาลอก จากการที่มีพังผืด
    • ตามืด จากการที่มีเลือดออกมากในวุ้นลูกตา
    • สูญเสียการมองเห็นถาวร

> กลับสู่สารบัญ

โรคแทรกซ้อนที่มากับเบาหวานขึ้นตา

โรคเบาหวานไม่เพียงแต่ทำให้เกิดความเสียหายกับจอประสาทตา แต่ยังทำให้เกิดโรคของตาตามมา ได้แก่

  • โรคต้อหิน (Glaucoma) จากการที่มีความดันลูกตาสูงขึ้น
  • โรคต้อกระจก (Cataract) พบว่าผู้ป่วยเบาหวานเป็นต้อกระจกได้เร็วขึ้น
  • ติดเชื้อบริเวณกระจกตาได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานจะมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แย่ลง
  • หากมีการผ่าตัดที่เกี่ยวกับตา อาจทำให้แผลผ่าตัดหายยาก หรือติดเชื้อง่ายกว่าคนปกติ
  • เพิ่มโอกาสในการสูญเสียการมองเห็น หรือตาบอดถาวรได้

> กลับสู่สารบัญ

ผู้ป่วยเบาหวานเสี่ยงตาบอดมากกว่าคนปกติเพราะอะไร?

เนื่องจากผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงโรคตามากขึ้น ทั้งต้อกระจก ต้อหิน เส้นประสาทตา และเส้นประสาทกล้ามเนื้อตาผิดปกติ รวมทั้งเบาหวานขึ้นตา ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของตาบอดที่ไม่ใช่ตาบอดตั้งแต่กำเนิดในประชากรโลกปัจจุบัน

และจากสถิติในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานนาน 2-3 ปี จะพบภาวะเบาหวานขึ้นตาประมาณ 3-4% และเพิ่มเป็น 15-20% เมื่อเป็นเบาหวานนาน 15 ปี

> กลับสู่สารบัญ

การวินิจฉัยภาวะเบาหวานขึ้นตา

  • การซักประวัติ ระยะเวลาที่เป็นเบาหวาน ประวัติการคุมระดับน้ำตาลในเลือด และโรคประจำตัวอื่น ๆ
  • การวัดสายตา
  • การวัดความดันลูกตา
  • การตรวจตาอย่างละเอียดโดยจักษุแพทย์
  • ตรวจ slit lamb เพื่อตรวจดูสุขภาพของกระจกตาและส่วนหน้าของตา
  • ตรวจจอประสาทตาด้วย indirect ophalmoscope

โดยผู้ป่วยเบาหวานทุกรายควรตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละครั้ง

> กลับสู่สารบัญ

เบาหวานขึ้นตา รักษาหายไหม?

เบาหวานขึ้นตาเป็นภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน ดังนั้นหากเป็นโรคเบาหวานก็จะมีความเสี่ยงต่อภาวะเบาหวานขึ้นตา และการรักษาภาวะเบาหวานขึ้นตาจะขึ้นอยู่กับระยะที่เป็น หากอยู่ในระยะเริ่มแรกก็จะสามารถรักษาเพื่อไม่ให้อาการลุกลามรุนแรงได้ โดยการรักษาจะประกอบด้วย

  • การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งเป็นการรักษาที่เน้นที่ต้นเหตุ และหากมีโรคอื่น ๆ เช่น โรคความดัน ไขมันในเลือดสูง ก็ต้องควบคุมและรักษาโรคร่วมเหล่านี้ด้วย
  • การปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิต หรือไลฟ์สไตล์ เช่น การควบคุมอาหาร หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่เพราะการสูบบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดเสียหายมากขึ้น
  • การรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ หากเริ่มมีเลือดออกในลูกตาเยอะขึ้น โดยแพทย์จะยิงเลเซอร์ที่บริเวณรอบนอกของจอประสาทตา เพื่อลดออกซิเจนของเนื้อเยื่อตาที่จะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และช่วยลดการหลั่งสารสร้างหลอดเลือดที่ผิดปกติจากเบาหวานขึ้นตา
  • การฉีดยาเข้าที่น้ำวุ้นลูกตา เพื่อลดการบวมของจอประสาทตา ในผู้ป่วยที่มีจอประสาทตาบวมร่วมด้วย
  • การผ่าตัด ซึ่งเป็นการรักษาในรายที่อาการรุนแรง เช่น ในรายที่มีพังผืด ภาวะจอตาลอก หรือมีเลือดออกในวุ้นลูกตามาก
  • การรักษาหลายวิธีร่วมกัน ในรายที่รุนแรงมาก การรักษาเพียงวิธีใดวิธีหนึ่งอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องได้รับการรักษาหลายวิธีร่วมกัน ทั้งนี้แพทย์จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

ในผู้ป่วยที่รักษาภาวะเบาหวานขึ้นตาจนโรคสงบแล้ว จำเป็นที่จะต้องตรวจติดตามอยู่เป็นระยะ และยังคงต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างต่อเนื่อง

> กลับสู่สารบัญ

นวัตกรรมการรักษาเบาหวานขึ้นตา

ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น ทำให้เครื่องมือการตรวจวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับดวงตามีความก้าวหน้ามากขึ้น เช่น กล้องตรวจตาที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ที่สามารถถ่ายภาพและต่อภาพที่ทำให้เห็นพื้นที่จอประสาทตาได้ถึง 200 องศา (โดยที่กล้องแบบเดิมสามารถถ่ายได้เพียง 50 องศา) ทำให้ช่วยลดการใช้ยาขยายม่านตา และทำให้ความไวในการตรวจโรคดีขึ้น และยังให้ผลดีสำหรับผู้ป่วย เพราะแต่เดิมหลังหลอดยาขยายม่านตาจะทำให้ผู้ป่วยเห็นภาพเบลอไปราว 4-5 ชั่วโมง ทำให้ไม่สามารถขับรถได้ ดังนั้นการมาตรวจตาแบบเดิมจำเป็นต้องมีญาติมาด้วย เพราะผู้ป่วยจะไม่สามารถขับรถกลับบ้านเองได้

นอกจากนี้ยาที่ใช้รักษาภาวะเบาหวานขึ้นตายังพัฒนาไปมาก แต่อาจยังมีข้อจำกัดอยู่บ้าง คือ ในระยะ 4-6 เดือนแรกผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยาทุกเดือน ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสที่จะฟื้นฟูการมองเห็นให้กลับมาใกล้เคียงปกติได้ถึง 60-70%

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันเบาหวานขึ้นตา

  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติ 
  • ควบคุมไขมันในเลือด และความดันให้ปกติ
  • รับประทานยาเบาหวานอย่างสม่ำเสมอ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่เพิ่มหรือลดยาเอง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพตาประจำปี 
  • ผู้ป่วยเบาหวานแนะนำให้ตรวจจอประสาทตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

> กลับสู่สารบัญ

การดูแลสุขภาพตา

  • พักสายตาเป็นระยะ ๆ เมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น หากใช้จอประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรพักสายตาสัก 5-10 นาที โดยพยายามหาจุดโฟกัสที่ไกล ๆ เพื่อลดการล้าของดวงตา
  • กระพริบตาบ่อย ๆ และ ใช้น้ำตาเทียม หากมีอาการตาแห้ง จากการใช้สายตาหรือเพ่งจอนาน ๆ 
  • รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 (omega-3) จะช่วยลดอาการตาแห้งได้
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A, C, D และ สังกะสี (zinc) จะช่วยชะลอความเสื่อมของจุดรับภาพ ในผู้ที่มีโรคเฉพาะทางตา
  • สวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันรังสี UV
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้
  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อม
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับดวงตา

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

  • พักสายตาเป็นระยะ ๆ เมื่อต้องใช้สายตาเป็นเวลานาน เช่น หากใช้จอประมาณ 1-2 ชั่วโมง ควรพักสายตาสัก 5-10 นาที โดยพยายามหาจุดโฟกัสที่ไกล ๆ เพื่อลดการล้าของดวงตา
  • กระพริบตาบ่อย ๆ และ ใช้น้ำตาเทียม หากมีอาการตาแห้ง จากการใช้สายตาหรือเพ่งจอนาน ๆ 
  • รับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 (omega-3) จะช่วยลดอาการตาแห้งได้
  • รับประทานอาหารที่มีวิตามิน A, C, D และ สังกะสี (zinc) จะช่วยชะลอความเสื่อมของจุดรับภาพ ในผู้ที่มีโรคเฉพาะทางตา
  • สวมแว่นตากันแดด เพื่อป้องกันรังสี UV
  • พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตาได้
  • ดื่มน้ำสะอาดอย่างเพียงพอ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้ดวงตาชุ่มชื้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันโรคเรื้อรังต่าง ๆ 
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะจอประสาทตาเสื่อม
  • ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำสม่ำเสมอ เพื่อลดความเสี่ยงโรคเกี่ยวกับดวงตา

คลิกดูแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องที่นี่

โปรแกรมผ่าตัดต้อเนื้อ

รายละเอียด

โปรแกรมผ่าตัดต้อกระจก

รายละเอียด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

นพ.ศิริพงศ์ สินประจักษ์ผล

นพ.ศิริพงศ์ สินประจักษ์ผล

ศูนย์จักษุ

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์จักษุ_1-1

ศูนย์จักษุ

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา