Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
Menu
  • TH
    • EN
    • CN
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

ฝีดาษลิง โรคจากลิงสู่มนุษย์ ที่ต้องระวัง

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 23 พฤษภาคม 2022
โรคฝีดาษลิง
โรคฝีดาษลิงเป็นโรคที่องค์การอนามัยโลกและกรมควบคุมโรคของไทยกำลังจับตามองและเฝ้าระวัง เพราะมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงแล้ว 75 ประเทศ (ข้อมูล ณ วันที่ 25 ก.ค. 2565) อัตราการระบาดเป็นที่น่ากังวล แต่อย่างไรก็ตามน่าจะไม่ได้เป็นวงกว้างเหมือนการระบาดของไวรัสโควิด-19

สารบัญ

  • ฝีดาษลิง คืออะไร?
  • อาการของโรคฝีดาษลิง
  • ฝีดาษลิง ติดต่อได้อย่างไรบ้าง?
  • ฝีดาษลิง อันตรายแค่ไหน?
  • การป้องกันและรักษาโรคฝีดาษลิง
  • ฝีดาษลิงในประเทศไทย
  • สรุป

ฝีดาษลิง คืออะไร?

โรคฝีดาษลิง (หรือโรคฝีดาษวานร) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ก่ออาการในคนคล้ายกับไข้ทรพิษแต่มีความรุนแรงน้อยกว่า ถูกค้นพบครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2501 จากลิงที่ป่วย จึงถูกเรียกว่า โรคฝีดาษลิง และพบการติดเชื้อในคนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2513 ที่ประเทศคองโก โดยมักพบการติดเชื้อในประเทศแถบอัฟริกากลางและอัฟริกาตะวันตก โรคฝีดาษลิงพบได้ในสัตว์หลายชนิด โดยเฉพาะสัตว์ตระกูลลิงและสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระต่าย เป็นต้น โรคนี้สามารถติดต่อได้จากสัตว์สู่คน และติดต่อจากคนสู่คน โดยการสัมผัสสารคัดหลั่ง ผิวหนัง หรือ ละอองฝอยจากการหายใจ  แต่การติดเชื้อจากคนสู่คนยังไม่แพร่กระจายเป็นวงกว้างมากนัก ปัจจุบันมีรายงานการเกิดเชื้อไวรัสฝีดาษลิง 2 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์อัฟริกากลาง และสายพันธุ์อัฟริกาตะวันตก ซึ่งสายพันธุ์อัฟริกากลางเป็นสายพันธุ์ที่มีการรายงานการติดต่อจากคนสู่คน
ฝีดาษลิง คืออะไร

> กลับสู่สารบัญ

อาการของโรคฝีดาษลิง

ผู้ป่วยจะมีไข้ มีผื่นตุ่มหนองทั่วตัว และต่อมน้ำเหลืองโต โดยหลังการได้รับเชื้อแล้ว ไวรัสจะอยู่ในต่อมน้ำเหลืองของผู้ป่วยและใช้เวลาฟักตัว 7-21 วัน จึงจะแสดงอาการ 

อาการจะเริ่มจากการมีไข้ และมีต่อมน้ำเหลืองโต จากนั้น 1-2 วัน จึงมีผื่นขึ้น โดยมักจะเริ่มจากมีแผลในปาก ตามด้วยผื่น (ขนาด 2-10 มม.) ขึ้นที่ตัว หน้า ฝ่ามือ และฝ่าเท้า 

ช่วง 2-4 สัปดาห์ต่อมา ผื่นจะค่อย ๆ เปลี่ยนรูปแบบ จากผื่นนูนแดงเป็นตุ่มน้ำ แล้วจึงเป็นฝี จากนั้นตุ่มหนองจะแตกและแห้ง ผู้ป่วยก็จะอาการดีขึ้น 

โดยผู้ป่วยจะสามารถแพร่กระจายเชื้อได้ตั้งแต่มีไข้ และหมดระยะในการแพร่กระจายให้ผู้อื่นหลัง หลังตุ่มหนองแตกและแผลแห้งดีแล้ว

> กลับสู่สารบัญ

ฝีดาษลิง ติดต่อได้อย่างไรบ้าง?

ดังที่กล่าวไปแล้วว่าโรคฝีดาษลิงสามารถพบในสัตว์ตระกูลลิง และสัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก กระต่าย ดังนั้นสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งคนก็อาจติดเชื้อและเป็นพาหะของโรคนี้ได้ 

การติดเชื้อจากสัตว์สู่คน สามารถเกิดได้จากการสัมผัสโดยตรงกับเลือด สารคัดหลั่ง หรือตุ่มหนองของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรืออาจอาจติดเชื้อจากการโดนสัตว์ที่มีเชื้อกัด หรือการกินเนื้อสัตว์ที่มีเชื้อ
ที่ปรุงไม่สุก


การแพร่เชื้อจากคนสู่คน สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้โดย

  • การสัมผัสโดยตรงกับรอยโรค ตุ่มหนอง หรือสารน้ำในตุ่มหนองที่แตกออกมา
  • ติดต่อผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของทางเดินหายใจ เช่น การไอ จาม 
  • การกอดจูบ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ 
  • การสัมผัสสิ่งของ เช่น เสื้อผ้า หรือของใช้ที่มีสารคัดหลั่งปนเปื้อน
  • ติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ 

โดยสามารถติดต่อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ หรือเริ่มมีตุ่มขึ้น ไปจนระยะที่ตุ่มตกสะเก็ด และเมื่อแผลหายดีแล้วก็จะหมดระยะการแพร่เชื้อ

ฝีดาษลิงติดต่อได้อย่างไร

> กลับสู่สารบัญ

ฝีดาษลิง อันตรายแค่ไหน?

ส่วนใหญ่ผู้ที่ติดเชื้อจะมีอาการไม่รุนแรง บางครั้งอาจพบว่าอาการคล้ายกับโรคอีสุกอีใส (chickenpox) และสามารถหายเองได้ แต่ก็มีรายงานว่ามีผู้ป่วยอาการรุนแรงได้ในบางกรณี จนบางรายเสียชีวิตโดยพบในอัฟริกาตะวันตก

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันและรักษาโรคฝีดาษลิง

ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาที่จำเพาะสำหรับโรคฝีดาษลิง แต่สามารถควบคุมการระบาดได้โดยป้องกันการติดเชื้อ รายงานจากองค์การอนามัยโลกระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษในคน สามารถป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ อย่างน้อย 85% และผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการได้รับวัคซีนโรคฝีดาษคนหลังจากสัมผัสเชื้อแล้ว จะสามารถลดความรุนแรงและอาจป้องกันการติดเชื้อได้ สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก จึงให้การรักษาโดยให้วัคซีนฝีดาษร่วมกับให้ยาต้านไว้รัสชื่อ brincidofovir หรือ cidofovir

การป้องกันการแพร่เชื้อจากผู้ป่วย สามารถป้องกันได้โดยให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้ออยู่ห้องแยก สวมหน้ากากอนามัย และใส่เสื้อคลุมปกปิดผื่นทั้งหมด จนกระทั่งผื่นหายดี ตกสะเก็ดและหมดระยะการแพร่เชื้อแล้ว

สำหรับประเทศไทย ประชากรไทยที่เกิดก่อนปี 2523 จะได้รับการปลูกฝี ซึ่งถือว่าได้รับวัคซีนฝีดาษในคนเรียบร้อยแล้ว แต่ประชาชนที่เกิดหลังปี 2523 ไม่มีการปลูกฝีสำหรับป้องกันโรคฝีดาษ ดังนั้นต้องใช้วิธีป้องกันโรคเท่านั้น

การป้องกันและรักษาโรคฝีดาษลิง

> กลับสู่สารบัญ

ฝีดาษลิงในประเทศไทย

เริ่มมีรายงานพบผู้ป่วยในประเทศไทย (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. 2565) ส่วนในต่างประเทศ พบรายงานผู้ติดเชื้อแล้ว กว่า 16,314 รายทั่วโลก และเนื่องจากขณะนี้เริ่มมีรายงานผู้ติดเชื้อในประเทศไทย ดังนั้นจึงควรติดตามข่าวสาร รวมทั้งเฝ้าระวังผู้ที่มีความเสี่ยงและผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการระบาด

โดยกรมควบคุมโรคได้มีคำแนะนำสำหรับประชาชนทั้งที่ต้องเดินทางไปยังประเทศที่พบผู้ป่วยฝีดาษลิงและประชาชนในประเทศควรระมัดระวัง ดังนี้ 

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสัตว์พาหะ ได้แก่ สัตว์ฟันแทะ เช่น หนู กระรอก และสัตว์ตระกูลไพรเมต เช่น ลิง หากมีการสัมผัสสัตว์ให้รีบล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด 
  2. ปฏิบัติตามมาตรการ universal prevention (UP) โดยการหมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์บ่อย ๆ แยกของใช้ส่วนตัวทุกชนิดไม่ใช้ร่วมกับผู้อื่น หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา จมูก ปาก และรับประทานอาหารปรุงสุก 
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง บาดแผล เลือด น้ำเหลืองของสัตว์ หรือกินเนื้อสัตว์ติดเชื้อที่ปรุงไม่สุก และหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย ละอองฝอย หรือน้ำเหลืองจากผู้ที่สงสัยป่วยหรือมีประวัติเสี่ยง
  4. หลังจากเดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิง ให้สังเกตอาการ หากพบมีความผิดปกติ เช่น มีไข้ มีตุ่มผื่นที่ใบหน้า แขน และขา ให้รีบพบแพทย์ทันที พร้อมทั้งแจ้งประวัติการเดินทาง

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

โรคฝีดาษลิงเป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน ข่าวการระบาดในปี พ.ศ.2565 ครั้งนี้ ถือเป็นการระบาดในระดับที่น่ากังวล โดยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงระบาดจากคนไปยังคนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในหลายประเทศ ขณะที่ประเทศไทยเริ่มมีรายงานผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงที่มีการติดเชื้อภายในประเทศ

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนหรือยาที่จำเพาะกับโรคฝีดาษลิง องค์การอนามัยโลกและกรมควบคุมโรคของประเทศไทย มีคำแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองตามมาตราการที่ได้กล่าวไป และแม้จะเป็นโรคที่มีโอกาสติดต่อน้อย แต่ก็ควรเฝ้าระวังและติดตามข่าวสารการระบาดอย่างใกล้ชิด

คลิกดูแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องที่นี่

แพ็กเกจวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า (2 เข็ม)

รายละเอียด

แพ็กเกจวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

รายละเอียด

แพ็กเกจวัคซีนป้องกันบาดทะยัก คอตีบ (3 เข็ม)

รายละเอียด

แพ็กเกจวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี (3 เข็ม)

รายละเอียด

> กลับสู่สารบัญ

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

บทความล่าสุด

Coronary calcium score

Coronary calcium score ช่วยประเมินการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

อ่านเพิ่มเติม
เข้าใจโรคไทรอยด์

เช็กอาการและเข้าใจโรคไทรอยด์แต่ละประเภท

อ่านเพิ่มเติม
โรคต้อหินทำให้ตาบอด

โรคต้อหิน ภัยเงียบที่อาจทำให้ตาบอดได้

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 V
  • Praram 9 V

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

พญ.รับพร ทักษิณวราจาร

ศูนย์สมองและระบบประสาท

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

ศูนย์อายุรกรรม

ศูนย์อายุรกรรม

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

Coronary calcium score

Coronary calcium score ช่วยประเมินการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ

การตีบตันของหลอดเลือดหัวใจเกิดจากการสะสมของไขมันและแคลเซียมในผนังหลอดเลือด การตรวจ coronary calcium score ช่วยบอกระดับของแคลเซียมที่ผนังหลอดเลือดหัวใจ ประเมินความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้

อ่านเพิ่มเติม
เข้าใจโรคไทรอยด์

เช็กอาการและเข้าใจโรคไทรอยด์แต่ละประเภท

ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่สร้างและหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเผาผลาญพลังงานและควบคุมเมตาบอลิซึมของร่างกาย ส่งเสริมการเจริญเติบโต และพัฒนาการของสมองและระบบประสาท หากต่อมไทรอยด์มีความผิดปกติจะส่งผลต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายตามไปด้วย

อ่านเพิ่มเติม
โรคต้อหินทำให้ตาบอด

โรคต้อหิน ภัยเงียบที่อาจทำให้ตาบอดได้

โรคต้อหินโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาว โดยผู้ป่วยจะค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นจนทำให้การมองเห็นลดลง และส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตหากทิ้งไว้จนอาการรุนแรงอาจถึงขั้นตาบอดถาวรได้

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด

แพ็กเกจยอดนิยม

แพ็กเกจตรวจสุขภาพน้องใหม่วัยชิลล์

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นพี่วัยชิค

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นใหญ่วัยเก๋า

รายละเอียด

ดูแพ็กเกจทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2021 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา