บทความสุขภาพ

Knowledge

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่

ไข้เลือดออกเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทยที่มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์การระบาดของไข้เลือดออกมีแนวโน้มสูงขึ้น ข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรค กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรคพบว่าจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากไข้เลือดออกมากถึง 33 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวล ทำให้เราควรจะตระหนักถึงความสำคัญของโรคนี้ เพราะแม้จะเป็นโรคที่พบได้บ่อยและผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไม่รุนแรงแต่ในผู้ป่วยบางรายก็อาจมีอาการรุนแรงจนเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้

ไข้เลือดออกเกิดจากอะไร?


โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า “เชื้อไวรัสเดงกี (dengue virus; DENV)” ซึ่งมี 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Dengue 1 (DEN1), Dengue 2 (DEN2), Dengue 3 (DEN3), และ Dengue 4 (DEN4) ซึ่งหากมีการติดเชื้อสายพันธ์ุใดสายพันธุ์หนึ่งแล้ว ร่างกายจะมีภูมิกันต่อเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ไปตลอดชีวิต แต่จะไม่มีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์อื่น ๆ ดังนั้นจึงสามารถติดเชื้อสายพันธุ์อื่น ๆ และป่วยเป็นไข้เลือดออกได้หากมีการติดเชื้อภายหลัง


ใครที่ป่วยเป็นไข้เลือดออกได้บ้าง?

สามารถพบการติดเชื้อและป่วยเป็นไข้เลือดออกได้ทุกช่วงอายุคือตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้สูงอายุ ซึ่งจะมีอาการป่วยมีความแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์ที่มีการติดเชื้อ และความแข็งแรงและสุขภาพร่างกายของผู้ที่ติดเชื้อ โดยจำนวนผู้ป่วยไข้เลือดออกที่พบมากที่สุดจะเป็นเด็กอายุ 5-14 ปี แต่จากข้อมูลการป่วยไข้เลือดออกในช่วง 20 ปีพบว่าแนวโน้มการเกิดโรคในวัยรุ่นและผู้ใหญ่ กลุ่มอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไปมีสูงขึ้น


การติดเชื้อไข้เลือดออกในผู้ใหญ่มากขึ้นและอันตรายมากขึ้น

อย่างที่กล่าวข้างต้น ในช่วง 20 ปีหลังมานี้แนวโน้มการเกิดโรคในวัยรุ่นและผู้ใหญ่มีมากขึ้น ในขณะที่ผู้ป่วยเด็กในกลุ่มอายุน้อยกว่า 15 ปี มีแนวโน้มลดลง และอัตราการเสียชีวิตในผู้ใหญ่มีมากกว่าในเด็ก โดยพบว่าอัตราการเสียชีวิตในผู้ใหญ่อายุ 25 ปีขึ้นไป มากกว่าในเด็กที่มีอายุระหว่าง 5-24 ปี ถึง 2-3 เท่า ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ผู้ใหญ่มีโอกาสเสียชีวิตมากขึ้น ได้แก่ มีโรคประจำตัวเรื้อรัง และอื่น ๆ เช่น


  • โรคอ้วน
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันสูง
  • โรคเกี่ยวกับตับและไต
  • ภาวะติดสุราเรื้อรัง
  • หอบหืด
  • ปอดอุดกั้นเรื้อรัง
  • การไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลช้า
  • การซื้อยารับประทานเอง เช่น ยาชุด ยาแก้ปวดประเภท NSAIDs ซึ่งทำให้มีเลือดออกรุนแรง

อาการของไข้เลือดออก

อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมี 4 สายพันธุ์ โดยการถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด คนเราสามารถติดเชื้อไข้เลือดออกได้มากกว่า 1 ครั้งในสายพันธุ์ที่ต่างจากครั้งแรก ซึ่งประเทศไทยพบการระบาดทั้ง 4 สายพันธุ์หมุนเวียนสลับกันไปแล้วแต่ช่วงเวลา แต่สายพันธุ์ ที่ 1 และ 2 เป็นสายพันธุ์ที่พบมากที่สุด ความรุนแรงของโรคไข้เลือดออกในแต่ละคนมีความแตกต่างกัน การติดเชื้อครั้งแรกส่วนใหญ่อาการจะไม่รุนแรง และร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์นั้นไปตลอดชีวิต แต่การติดเชื้อครั้งที่สองที่เป็นการติดเชื้อจากสายพันธุ์ที่ต่างไปจากการติดเชื้อครั้งแรกอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้น


อาการของไข้เลือดออก ในช่วงเริ่มต้น


  • ไข้สูงเฉียบพลัน ไข้สูงเกิน 38.5 องศา
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดกระบอกตา
  • ปวดเมื่อยตัว
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อาจมีจุดเลือดออกตามแขนขา ลำตัว มีเลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน


อาการของไข้เลือดออกในวันที่ 3-7 ของการป่วย

อาจมีอาการรุนแรง ได้แก่


  • ภาวะช็อก
  • เลือดออกผิดปกติรุนแรง
  • อาจเสียชีวิตได้

การป้องกันไข้เลือดออก

การป้องกันไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ยุงกัด รวมถึงการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงในบริเวณรอบบ้าน


การฉีดวัคซีนป้องกันไข้เลือดออกก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันโรคไข้เลือดออกและลดความรุนแรงของโรคได้ ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว 2 ชนิด ซึ่งสามารถป้องกันเชื้อเดงกีได้ทั้ง 4 สายพันธุ์


วัคซีนชนิดแรก (Dengvaxia®) เริ่มมีใช้ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2560 เป็นวัคซีนเชื้อเป็น ป้องกันสายพันธุ์ที่ 3 และ 4 ได้ดี และป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ปานกลาง มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกโดยรวมได้ 65% และป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้ 80% โดยฉีดจำนวน 3 เข็ม แต่ละเข็มห่างกัน 6 เดือน สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุ 6-45 ปี ที่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อนเท่านั้น เนื่องจากพบว่าหากฉีดในคนที่ไม่เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาก่อน มีความเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงเพิ่มขึ้น


วัคซีนไข้เลือดออกชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดใหม่ (QDenga®) เพิ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้สามารถใช้ในประเทศไทยได้ในปี 2566 ซึ่งสามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ 1 และ 2 ได้ดี


ข้อมูลของวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดที่ 2 หรือวัคซีนชื่อ QDenga® นี้ มีการใช้แล้วใน 16 ประเทศทั่วโลก เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็น สามารถป้องกันสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ดี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบมากและเป็นส่วนใหญ่ของประเทศไทย


ข้อดีของวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่


  • มีประสิทธิภาพในการป้องกันไข้เลือดออกโดยรวมได้ 80%
  • ป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้ถึง 90%
  • สามารถฉีดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 4 ปีขึ้นไป
  • สามารถฉีดได้ทั้งผู้ที่เคยและไม่เคยป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน
  • ไม่จำเป็นต้องเจาะเลือดตรวจภูมิคุ้มกันไข้เลือดออกก่อนได้รับวัคซีน

วัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ ฉีดอย่างไร?

วัคซีนชนิดใหม่นี้ ต้องฉีดจำนวน 2 เข็ม เข้าชั้นใต้ผิวหนัง (subcutaneous) เว้นระยะห่างจากเข็มแรก 3 เดือน


ข้อห้ามในการฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่


  1. ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ได้แก่ ผู้ป่วยที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัด ผู้ป่วย HIV เป็นต้น
  2. หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร โดยแนะนำให้หญิงวัยเจริญพันธุ์คุมกำเนิดหลังฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เดือน อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับวัคซีน
  3. ผู้ที่มีประวัติแพ้ส่วนประกอบของวัคซีนอย่างรุนแรง

ความปลอดภัยและผลข้างเคียงของวัคซีน

วัคซีนมีความปลอดภัย มีผลข้างเคียงส่วนใหญ่เป็นอาการที่พบทั่วไปหลังการได้รับวัคซีน ซึ่งเกิดขึ้นภายใน 2 วันหลังฉีด และหายได้เองภายใน 3-4 วัน และเมื่อติดตามผลหลังฉีดวัคซีนไป 4.5 ปี ก็ไม่พบการป่วยด้วยไข้เลือดออกที่อาการรุนแรงมากขึ้นในผู้ที่ฉีดวัคซีนโดยไม่เคยติดเชื้อมาก่อน โดยอาการข้างเคียงที่พบได้ ได้แก่


  • อาการปวดบวมแดงร้อนเฉพาะบริเวณที่ฉีด
  • อาการไข้ ปวดเมื่อยตัว
  • ปวดศีรษะ

ประสิทธิภาพระยะยาวเป็นอย่างไร? ต้องฉีดกระตุ้นหรือไม่?

เมื่อติดตามผลหลังฉีดวัคซีนไปในระยะเวลา 4.5 ปี พบว่าประสิทธิภาพลดลงเหลือ 61% สำหรับการป้องกันไข้เลือดออก แต่ยังสามารถป้องกันการนอน รพ.จากไข้เลือดออกได้สูง คืออยู่ที่ 80%


อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลประสิทธิภาพหลังจาก 4.5 ปี และยังไม่มีคำแนะนำการฉีดกระตุ้น ต้องรอข้อมูลผลการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป


เคยติดเชื้อไข้เลือดออกมาแล้วฉีดได้หรือไม่ ควรฉีดหลังจากหายจากไข้เลือดออกนานเท่าไหร่?

เนื่องจากการติดเชื้อไข้เลือดออกในครั้งที่ 2 มักมีความรุนแรงมากขึ้น ดังนั้นผู้ที่เคยติดเชื้อมาแล้วจึงเป็นกลุ่มที่แนะนำให้ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันความรุนแรงในการติดเชื้อครั้งต่อไป โดยฉีดหลังจากหายจากไข้เลือดออกแล้วอย่างน้อย 6 เดือน


เคยฉีดวัคซีนไข้เลือดออกชนิดเดิมมาแล้ว สามารถฉีดวัคซีนชนิดใหม่นี้ได้หรือไม่?

ยังไม่มีข้อมูลของการฉีดวัคซีนชนิดใหม่ในคนที่เคยฉีดวัคซีนชนิดเดิมมาแล้ว ทั้งในผู้ที่เคยฉีดวัคซีนครบหรือยังไม่ครบและต้องการมาฉีดต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีน เพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย


สรุป

ไข้เลือดออกเป็นโรคที่มีการระบาดในประเทศไทยทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งจากสถิติมีรายงานพบผู้ป่วยได้ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงผู้สูงอายุ และในระยะหลังพบสถิติการป่วยในผู้ใหญ่มากขึ้นอย่างมากซึ่งบางส่วนมีอาการรุนแรงจนทำให้เสียชีวิต


ปัจจุบันได้มีการพัฒนาวัคซีนสำหรับการป้องกันไข้เลือดออก และเมื่อปลายปี 2566 นี้เพิ่งมีการขึ้นทะเบียนวัคซีนไข้เลือดออกชนิดใหม่ที่สามารถป้องกันไข้เลือดออกสายพันธุ์ 1 และ 2 ได้ดีซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบบ่อยในประเทศไทย สามารถป้องกันการนอนโรงพยาบาลจากไข้เลือดออกได้สูงถึง 90% และสามารถฉีดได้ทั้งในผู้ที่เคยเป็นและยังไม่เคยเป็นไข้เลือดออกมาก่อน เป็นวัคซีนที่มีความปลอดภัย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการป้องกันไข้เลือดออก อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์ก่อนการเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital