บทความสุขภาพ

Knowledge

รู้จักโรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)…อาการ การรักษา และการป้องกัน

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

ไข้หวัดใหญ่ (influenza) เป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจที่มักมีการระบาดทุกปีในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว ซึ่งสามารถพบผู้ป่วยได้ในทุกเพศทุกวัย ซึ่งอาการป่วยมักรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา และความรุนแรงของอาการก็มีความแตกต่างกันตามสภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย และในรายที่รุนแรงก็อาจทำให้เสียชีวิตได้



ไข้หวัดใหญ่คืออะไร?


ไข้หวัดใหญ่หรือ influenza เป็นโรคติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจที่เรียกว่า influenza virus ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิดหลัก ๆ คือ influenza สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B ไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดเชื้อในเยื่อบุทางเดินหายใจทั้งส่วนบนบริเวณจมูก ลำคอ และสามารถลุกลามลงระบบทางเดินหายใจส่วนล่างได้ซึ่งคือบริเวณหลอดลมและปอด



ไข้หวัดใหญ่มีสายพันธ์ุอะไรบ้าง?


เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มี 2 สายพันธุ์หลักที่ก่อโรคในคน คือ ไวรัสสายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B แต่ละสายสามารถแบ่งย่อยได้อีก 2 ชนิด รวมเป็น 4 สายพันธุ์ย่อย ดังต่อไปนี้


ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A


ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถก่อโรคได้ทั้งในคนและในสัตว์ โดยเป็นสายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลก ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถแบ่งย่อยตามชนิดของโปรตีนบนเปลือกของไวรัส ได้เป็นอีก 2 สายพันธุ์ย่อย คือ


  • H1N1
  • H3N2

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B


ไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B สามารถก่อโรคได้ในคนเท่านั้น กลายพันธุ์ได้ช้ากว่าสายพันธุ์ A และมักจะทำให้เกิดอาการรุนแรงได้น้อยกว่า โดยแบ่งย่อยได้เป็น 2 ตระกูล คือ


  • Yamagata
  • Victoria


อาการของไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างไร?


อาการของไข้หวัดใหญ่ ได้แก่


  • ไข้
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดเมื่อยตามตัว
  • เจ็บคอ ไอ
  • คัดจมูก
  • ปอดอักเสบติดเชื้อ หรือมีภาวะการหายใจล้มเหลวได้ หากอาการรุนแรง
  • ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
aw_rama9_content3_APRIL2025-1.jpg

ไข้หวัดใหญ่ติดต่ออย่างไร?


ไวรัสไข้หวัดใหญ่ติดต่อจากคนสู่คน ผ่านสารคัดหลั่งที่เป็นละอองฝอย (droplet precaution) ทั้งน้ำมูก น้ำลาย ส่วนมากจะผ่านมาทางการจาม ไอ พูด ซึ่งสารคัดหลั่งเหล่านี้สามารถกระจายได้ไกลถึง 6 ฟุต โดยจะเข้ามาทางจมูก ปากหรือลงปอด บางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยจะติดต่อทางการสัมผัสสารคัดหลั่งจากสิ่งของแล้วจับบริเวณจมูก ปาก



ระยะฟักตัวของไข้หวัดใหญ่นานกี่วัน?


ไข้หวัดใหญ่มีระยะฟักตัวประมาณ 1-3 วัน



ระยะแพร่เชื้อของไข้หวัดใหญ่


ระยะเวลาการแพร่กระจายเชื้อของไข้หวัดใหญ่ สามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วันก่อนมีอาการ จนถึง 5-7 วันหลังมีอาการป่วย โดยจะแพร่กระจายเชื้อได้มากที่สุดใน 3-4 วันแรกหลังเริ่มมีอาการ ผู้ป่วยบางกลุ่มจะมีระยะการแพร่กระจายเชื้อที่นานกว่า 7 วันได้ เช่น ในกลุ่มเด็กทารก และกลุ่มผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง



ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรง เมื่อติดเชื้อไข้หวัดใหญ่


ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากไข้หวัดใหญ่ ได้แก่


  • ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่เป็นโรคปอดเรื้อรัง
  • ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่เป็นโรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
  • หญิงตั้งครรภ์
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง


การรักษาไข้หวัดใหญ่


สามารถรักษาได้โดยการให้ยาต้านไวรัส ซึ่งการเริ่มยาต้านไวรัสภายใน 48 ชั่วโมงแรกหลังมีอาการจะช่วยลดอาการให้หายเร็วขึ้น และลดภาวะแทรกซ้อนได้


ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับอนุมัติโดย FDA มีทั้งหมด 4 ตัว ได้แก่


  1. Oseltamivir phosphate (trade name Tamiflu®) เป็นยารับประทาน
  2. Aanamivir (trade name Relenza®) เป็นยาผง
  3. Peramivir (trade name Rapivab®) เป็นยาฉีด
  4. Baloxavir marboxil (trade name Xofluza®) เป็นยารับประทาน


ไข้หวัดใหญ่กี่วันหาย?


สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพแข็งแรงดี ไข้หวัดใหญ่มักจะหายไปได้ใน 5-7 วันหลังจากเริ่มมีอาการ แต่อาการไอและอ่อนเพลียอาจยังคงอยู่ได้หลายสัปดาห์ แต่ในผู้ที่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มักจะมีอาการไม่มากและหายได้เร็วกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน



การป้องกันไข้หวัดใหญ่


เนื่องจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สามารถติดต่อผ่านละอองฝอยของสารคัดหลั่งที่ฟุ้งกระจายในอากาศจากการจาม ไอ หรือพูดคุย และติดต่อทางการสัมผัสสารคัดหลั่งจากสิ่งของต่าง ๆ ดังนั้นการป้องกันไวรัสไข้หวัดใหญ่ จึงสามารถทำได้ 2 แนวทาง คือ


  1. การป้องกันการได้รับเชื้อ ด้วยมาตรการเบื้องต้น ได้แก่
    • ใส่หน้ากากอนามัย
    • ล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ
    • ใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อสำหรับมือ
    • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า
    • หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ผู้คนแออัด อากาศไม่ถ่ายเท
    • ไม่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่
  2. การป้องกันการติดเชื้อและอาการรุนแรง โดยการเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคเรื้อรัง และผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน


วัคซีนไข้หวัดใหญ่


วัคซีนไข้หวัดใหญ่สามารถป้องกันการติดเชื้อ และลดภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อได้ แนะนำให้ฉีดซ้ำทุกปีก่อนถึงฤดูกาลของการระบาด คือ ช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว วัคซีนจะสามารถป้องกันการติดเชื้อสายพันธุ์ที่เหมือนหรือคล้ายกับสายพันธุ์ของไวรัสที่ใช้ผลิตวัคซีนเท่านั้น โดยในแต่ละปีสายพันธุ์ที่ใช้ผลิตวัคซีนจะแตกต่างกันไปตามความคาดหมายว่าเชื้อสายพันธุ์ใดจะระบาดในปีนั้น ๆ ถ้าปีใดคาดหมายได้ถูกต้องก็จะป้องกันได้ดี


วัคซีนไข้หวัดใหญ่ เป็นวัคซีนเชื้อตาย มีแบบ 3 สายพันธุ์และ 4 สายพันธุ์ ในปัจจุบันยังมีวัคซีนแบบ 4 สายพันธุ์แบบขนาดสูง (high dose quadrivalent vaccine) เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้มากกว่าขนาดมาตรฐาน ซึ่งแนะนำให้ฉีดในผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป


ในประเทศไทยแนะนำให้ฉีดวัคซีนในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงหากติดเชื้อ แต่ในสหรัฐอเมริกา CDC แนะนำให้ทุกคนที่อายุมากกว่า 6 เดือนฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี



สรุป


ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่มีการระบาดทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนถึงฤดูหนาว ทำให้เกิดอาการ เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ โดยความรุนแรงของอาการขึ้นอยู่กับสภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย ในผู้ที่สุขภาพแข็งแรงอาจมีอาการไม่รุนแรง แต่ในผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ ผู้มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน โรคปอด ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยปลูกถ่ายไต หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน อาจมีอาการรุนแรง และอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนทำให้เสียชีวิตได้


การฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ซึ่งจะมีการผลิตให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่จะมีการระบาดในแต่ละปี จะช่วยลดอาการรุนแรงและลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายได้



ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

ศูนย์โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (1)

ดูทั้งหมด

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์

฿ 900

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital