Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
Menu
  • TH
    • EN
    • CN
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

การปลูกถ่ายไต ทางเลือกการรักษาของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

พญ.ผ่องพรรณ ทานาค

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 2 มีนาคม 2023
ปลูกถ่ายไต

ไตเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายเพราะมีหน้าที่กำจัดน้ำส่วนเกินและของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้นหากเกิดภาวะไตวายเรื้อรังจะส่งผลให้เกิดการคั่งค้างของของเสียในร่างกาย ซึ่งภาวะดังกล่าวควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่นๆ ตามมาได้ 

ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังส่วนใหญ่มักจะได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือการฟอกเลือดทางช่องท้องเพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย 

อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการรักษาภาวะไตวายที่ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดจะเป็นการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไตโดยมีอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคมีชีวิตสูงถึง 95 – 98% และจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายสูงถึง 85 – 90% และหลังการปลูกถ่ายไตผู้ป่วยจะกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันและดำเนินชีวิตได้ตามปกติ

สารบัญ

  • หน้าที่และความสำคัญของไต
  • อาการของโรคไตวายเรื้อรัง
  • ทางเลือกเพื่อการรักษาของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
  • การปลูกถ่ายไตคืออะไร?
  • ตัวเลือกการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
  • ข้อดี-ข้อเสียของการปลูกถ่ายไต
  • คุณสมบัติของผู้ที่รับการปลูกถ่ายไต
  • ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายมาจากไหนได้บ้าง
  • การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการปลูกถ่ายไต
  • การปฏิบัติตัวของผู้รับบริจาคไตในช่วงการผ่าตัด
  • การปฏิบัติตัวของผู้รับบริจาคไตหลังการผ่าตัด
  • อาหารและโภชนาการหลังการปลูกถ่ายไต
  • การใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกถ่ายไต
  • ผ่าตัดปลูกถ่ายไตแล้วอยู่ได้กี่ปี
  • การผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ
  • การปลูกถ่ายไตของ รพ.พระรามเก้า
  • สรุป

หน้าที่และความสำคัญของไต

ไตเป็นอวัยวะในช่องท้องทางด้านหลังอยู่ระดับเดียวกับบั้นเอว มีรูปร่างคล้ายถั่ว ไตมีสองข้าง แต่ละข้างมีขนาดประมาณหนึ่งกำมือ หน้าที่หลักของไต คือ ขับน้ำส่วนเกินและของเสียที่เกิดจากการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ออกนอกร่างกายผ่านทางปัสสาวะ นอกจากหน้าที่ขับน้ำและของเสียออกจากร่างกายแล้วไตยังมีหน้าที่อื่น ๆ อีก คือ

  • ควบคุมปริมาณน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย
  • ควบคุมความเป็นกรดด่างในร่างกาย
  • ควบคุมความดัน
  • ควบคุมการสร้างวิตามินดี ช่วยรักษาสมดุลแคลเซียมและฟอสฟอรัส และการสร้างกระดูก
  • ผลิตฮอร์โมน erythropoietin ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง
  • ควบคุมการทำงานของฮอร์โมนอื่น ๆ เช่น renin-angiotensin-aldosterone system และ prostaglandin ที่มีผลต่อการควบคุมความดันเลือด และกระบวนการอักเสบของร่างกาย

> กลับสู่สารบัญ

อาการของโรคไตวายเรื้อรัง

ภาวะไตวาย หมายถึง ภาวะที่มีการทำงานของไตเสียไป ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำและของเสียภายในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในหลายระบบ ถือเป็นภาวะวิกฤติที่ต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะของเสียคั่งในร่างกาย โดยไตวายมีอาการดังต่อไปนี้

  • บวม ความดันเลือดสูง
  • อ่อนเพลีย ไม่มีแรง เหนื่อยง่าย
  • ปวดกระดูก กระดูกเปราะ และหักง่าย
  • เป็นหมัน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง ชา เกร็ง ชัก 
  • คันตามตัว มีภาวะเลือดจาง ผิวหนังหยาบคล้ำ มีจ้ำเลือดตามตัว
  • เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเป็นเลือด
  • หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดจังหวะ หอบเหนื่อย มีภาวะน้ำท่วมปอดได้
  • หากรุนแรงอาจถึงขั้นสมองหยุดทำงาน โคม่า เสียชีวิต
  • ในเด็กจะหยุดการเจริญเติบโต แคระเกร็น
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรคไต

> กลับสู่สารบัญ

ทางเลือกเพื่อการรักษาของผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง 3 วิธี

1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)

เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยที่มีของเสียคั่งค้างผ่านเข้าไปในเครื่องไตเทียม เพื่อกรองของเสียออกแล้วนำเลือดที่ถูกกรองทำความสะอาดแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยอีกครั้ง 

2. การล้างช่องท้องด้วยน้ำยา (continuous ambulatory peritoneal dialysis; CAPD)

เป็นการใช้น้ำยาชะล้างของเสียออกจากร่างกายผู้ป่วย โดยใส่เข้าไปทางช่องท้อง และทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะระบายน้ำยาออก ของเสียในเลือดก็จะถูกชะล้างออกไปพร้อมกับน้ำยา วิธีนี้ผู้ป่วยต้องทำการล้างช่องท้องเป็นประจำทุกวันซึ่งอาจทำในช่วงเวลากลางคืน

3.การผ่าตัดปลูกถ่ายไต (kidney transplantation)

การปลูกถ่ายไตเป็นการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลดีที่สุด โดยจะเป็นการผ่าตัดนำไตที่ยังทำงานได้ดีจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้ที่มีภาวะสมองตายมาทดแทนไตของผู้รับบริจาคที่สูญเสียการทำงานไป ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตจะสามารถมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ

> กลับสู่สารบัญ

การปลูกถ่ายไต คืออะไร?

การปลูกถ่ายไต (kidney transplantation) คือ การผ่าตัดเปลี่ยนไต โดยนำไตจากผู้บริจาคไต (donor) ซึ่งอาจเป็นไตจากผู้บริจาคมีชีวิตที่เป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติสายตรงร่วมสายเลือด หรือไตที่ได้รับบริจาคจากผู้ที่มีภาวะสมองตาย ซึ่งในกรณีนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังต้องขึ้นทะเบียนกับสภากาชาดไทยเพื่อขอรับบริจาคไต

> กลับสู่สารบัญ

ตัวเลือกการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

การปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต (living-related kidney transplant)

เป็นการปลูกถ่ายไตโดยไตที่นำมาปลูกถ่ายมาจากญาติ ได้แก่ พ่อแม่ พี่น้อง ลูก หลาน ลุง ป้า น้า อา หรือบางกรณี จากสามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย โดยผู้บริจาคจะบริจาคไต 1 ข้าง ซึ่งการที่ผู้บริจาคมีไตเหลือเพียง 1 ข้างจะยังสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ

การปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย (decreased donor kidney transplant)

เป็นการปลูกถ่ายไตโดยไตที่นำมาปลูกถ่ายจะมาจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายจากการประสบอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่น ๆ ในกรณีที่ญาติพี่น้องไม่สามารถบริจาคไตให้ได้  ซึ่งในประเทศไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะของสภากาชาดไทยจะเป็นผู้รับบริจาคและจัดสรรไตให้แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง

> กลับสู่สารบัญ

ข้อดี-ข้อเสียของการปลูกถ่ายไต

การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลดีที่สุด แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีข้อจำกัดบางประการซึ่งต้องมีการวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างทีมแพทย์และตัวผู้ป่วยเพื่อให้การรักษานี้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยที่สุดกับตัวผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรัง

ข้อดี

  • ถ้าไตที่นำมาปลูกถ่ายทำงานดีจะสามารถทดแทนไตเดิมได้เกือบ 100%
  • คุณภาพชีวิตเกือบเหมือนคนปกติ
  • ไม่ต้องควบคุมอาหารและน้ำอย่างเข้มงวดเหมือนการรักษาวิธีอื่น ๆ
  • สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น สามารถมีบุตรได้

ข้อเสีย

  • เป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้นจึงอาจมีความเสี่ยงจากการผ่าตัดได้
  • ต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต
  • เสี่ยงต่อผลข้างเคียงจากยากดภูมิคุ้มกัน เช่น ติดเชื้อง่าย เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และความดันสูง
  • เสี่ยงต่อภาวะร่างกายปฏิเสธไตที่ปลูกไต (rejection)
  • ต้องมีผู้บริจาคไต
  • ต้องมีการเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการปลูกถ่ายไต

> กลับสู่สารบัญ

คุณสมบัติของผู้รับการปลูกถ่ายไต (recipient)

  • เป็นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายที่มีค่าการทำงานของไตน้อยกว่า 15%
  • กรณีที่รอรับไตจากผู้ป่วยสมองตาย จะต้องได้รับการรักษาโรคไตวายด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือการล้างไตทางช่องท้องด้วยน้ำยามาแล้ว
  • ไม่มีภาวะติดเชื้อ
  • ไม่เป็นผู้ที่ติดเชื้อ HIV
  • ไม่เป็นโรคตับแข็งชนิดที่ไม่สามารถปลูกถ่ายไตได้
  • ไม่เป็นโรคมะเร็งหรือ หากเคยเป็นโรคมะเร็งต้องได้รับการรักษาให้หายขาดมาแล้วอย่างน้อย 2 – 5 ปี แล้วแต่ชนิดของมะเร็ง
  • ไม่มีภาวะเสี่ยงสูงสำหรับการผ่าตัด เช่น ภาวะหัวใจขาดเลือด หัวใจล้มเหลว เป็นต้น
  • ไม่มีภาวะการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ
  • ไม่มีภาวะจิตใจผิดปกติ
  • ไม่เป็นผู้ติดยาเสพติด
  • กรณีอื่น ๆ อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายมาจากไหนได้บ้าง

ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายได้ต้องเป็นไตที่ได้มาจากญาติ หรือผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายเท่านั้น สำหรับประเทศไทยมีกฏหมายและกฏเกณฑ์เกี่ยวกับการปลูกถ่ายไตที่ชัดเจนและเคร่งครัดเพื่อไม่ให้มีการซื้อขายไตเกิดขึ้น แพทย์และผู้ป่วยที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างเข้มงวด

ไตจากผู้บริจาคมีชีวิต

  1.  ผู้บริจาคต้องเป็นเครือญาติที่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรม ได้แก่
    • บิดามารดา บุตรหรือธิดาตามธรรมชาติ พี่น้องที่เกิดจากบิดามารดาเดียวกัน ที่สามารถพิสูจน์ได้ทางกฏหมายหรือทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น HLA และ/หรือ DNA จากบิดามารดา
    • ลุง ป้า น้า อา หลานที่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมเดียวกันหรือครึ่งหนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องในลำดับแรก หรือญาติที่มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมครึ่งหนึ่ง เช่น พี่น้องต่างบิดาหรือมารดา ในกรณีนี้จะต้องพิสูจน์ว่า ผู้บริจาคและผู้รับบริจาคมี HLA และ/หรือ DNA ที่มีความสัมพันธ์กัน
  2. ผู้บริจาคต้องเป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายหรืออยู่กินฉันสามีภรรยาโดยเปิดเผยกับผู้รับบริจาคมาแล้วอย่างน้อย 3 ปี กรณีที่มีบุตรร่วมกันโดยสายเลือดไม่ต้องใช้ระยะเวลา 3 ปี หากมีปัญหาในการพิสูจน์บุตรร่วมกันให้ใช้ DNA เป็นเครื่องพิสูจน์
  3. กรณีชาวต่างประเทศต้องดำเนินการ ดังต่อไปนี้
    • เอกสารยืนยันการเป็นเครือญาติหรือสามีภรรยา ต้องได้รับการรับรองจากสถานฑูตหรือหน่วยงานที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการนี้ของประเทศผู้มาร้องขอรับการปลูกถ่ายอวัยวะ และได้รับการรับรองด้านความถูกต้องของผู้ออกเอกสารจากกรมกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ
    • ต้องมีการพิสูจน์ความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้วยวิธี HLA และ DNA หรือวิธีอื่น ๆ ที่สามารถพิสูจน์ได้ ที่มีความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกันจากสถาบันทางการแพทย์ของรัฐในประเทศไทย

ไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย

  • คุณสมบัติของผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย: ผู้บริจาคจะได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะสมองตายตามกฏหมายข้อบังคับแพทยสภา และตามหลักเกณฑ์ของศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย โดยศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยเป็นผู้คัดสรรผู้ป่วยไตวายเรื้อรังที่รอรับบริจาคโดยใช้หลักการจัดสรรทางการแพทย์

    ทั้งนี้มีเกณฑ์การจัดสรรไตให้กับผู้รอรับบริจาคโดยผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังสามารถขึ้นบัญชีรับบริจาคไตจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทยได้ โดยการจัดสรรไตจะจัดเรียงตามชนิดของหมู่เลือดและความเหมือนของเนื้อเยื่อ เมื่อได้รับบริจาคไตมาแล้ว ผู้ป่วยที่มีหมู่เลือดเข้ากับผู้บริจาคทั้งหมดจะถูกทดสอบความเข้ากันได้ของยีน รายชื่อผู้ป่วยทั้งหมดจะถูกนำเข้าโปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการให้คะแนนให้แน่ใจว่าได้ผู้ป่วยที่เหมาะสมที่สุดในการเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต โดยคำนึงถึงระยะเวลาในการรอขึ้นบัญชีรับบริจาคด้วย ซึ่งคณะกรรมการจะมีการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ โปร่งใส และยุติธรรม

> กลับสู่สารบัญ

การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการปลูกถ่ายไต

การผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งตัวผู้ป่วยที่จะได้รับการปลูกถ่ายไตและหากไตได้รับบริจาคจากญาติพี่น้อง ผู้บริจาคไตก็จะต้องมีการเตรียมตัวด้วยเช่นกัน

สำหรับผู้บริจาคไตต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าสามารถบริจาคไตได้ รวมไปถึงต้องมีการทดสอบสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ ความเข้ากันของหมู่เลือด และจะมีการอธิบายรายละเอียดจากแพทย์และทีมงานเพื่อให้ผู้บริจาคไตมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านก่อนการผ่าตัด 

หากผู้รับบริจาคไตรอรับไตจากผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายที่ได้รับการจัดสรรโดยสภากาชาดไทย ผู้ที่ขอรับบริจาคไตต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และปฏิบัติตนตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้ตลอดเวลาหากมีไตที่เหมาะสมที่สามารถปลูกถ่ายได้

และ รพ. พระรามเก้า มีนโยบายในการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ที่เคยบริจาคไตมาแล้ว และผู้รับการปลูกถ่ายไตเพื่อให้เกิดความมั่นใจและคลายความกังวล รวมถึงเข้าใจกระบวนการปลูกถ่ายไต

> กลับสู่สารบัญ

การปฏิบัติตัวของผู้รับและผู้บริจาคไตในช่วงการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

สำหรับผู้บริจาคไต

  • เข้ารับการผ่าตัดเพื่อนำไตออก
  • พักรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดประมาณ 5 – 7 วัน
  • กลับไปพักฟื้นที่บ้านและกลับมาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจไตหลังการบริจาคตามแพทย์นัด

สำหรับผู้รับบริจาคไตจากญาติหรือสามี-ภรรยา

  • เข้ามาพักในโรงพยาบาลก่อนการผ่าตัดเปลี่ยนไตอย่างน้อย 1 วัน
  • ตรวจร่างกายและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

สำหรับผู้รับบริจาคไตจากผู้ป่วยสมองตาย

หลังได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลว่ามีสิทธิ์การเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ให้ผู้ป่วยปฏิบัติดังนี้

  • งดรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม 
  • อาบน้ำ สระผม แล้วเดินทางไปโรงพยาบาลทันที
  • เข้ารับการตรวจร่างกายและจิตใจเพื่อเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต

> กลับสู่สารบัญ

การปฏิบัติตัวของผู้รับบริจาคไตหลังการปลูกถ่ายไต

ขณะอยู่โรงพยาบาล

หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 2 – 4  สัปดาห์ โดยมีการให้การดูแลและรักษาดังนี้ 

  • ดูแลเรื่องความเจ็บปวดจากการผ่าตัด
  • การฟื้นฟูร่างกายโดยกระตุ้นให้ออกกำลังกายหลังการผ่าตัดในสัปดาห์แรก
  • แพทย์จะตรวจสอบการทำงานของไตใหม่เป็นระยะ ๆ หลังการผ่าตัด
  • ปรับสภาพจิตใจและการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หลังการผ่าตัดโดยทีมจิตแพทย์
  • ติดตามภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด เช่น ภาวะปฏิเสธไต การติดเชื้อ เป็นต้น

เมื่อออกจากโรงพยาบาล

  • รับประทานยากดภูมิคุ้มกัน
  • มาพบแพทย์ตามนัดหลังการปลูกถ่ายไตอย่างสม่ำเสมอ
  • ดูแลสุขภาพ และปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อ เช่น หมั่นล้างมือบ่อย ๆ อยู่ให้ห่างจากผู้ป่วยหวัดหรือโรคติดเชื้ออื่น ๆ เป็นต้น

> กลับสู่สารบัญ

อาหารและโภชนาการหลังการปลูกถ่ายไต

ผู้ป่วยหลังการปลูกถ่ายไต ควรเลือกอาหารให้เหมาะสม ดังนี้

  • อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต
    • รับประทานข้าว แป้ง และน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม
    • ควรเลือกชนิดคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
    • หลีกเลี่ยงอาหารน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำผลไม้ ขนม เป็นต้น
    • เลือกอาหารที่มีค่าการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายต่ำ (glycemic index < 55) เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวซ้อมมือ ข้าวบาร์เล่ย์ เป็นต้น

  • อาหารกลุ่มไขมัน
    • บริโภคเนื้อสัตว์ไม่ติดมันหรือไขมันต่ำ เช่น เนื้อปลา อกไก่ ไข่ขาว เป็นต้น
    • เลี่ยงอาหารทอด เบเกอรี่ และอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง
    • งด/เลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    • ลดบริโภคอาหารมื้อดึก
    • รับประทานอาหารให้ตรงเวลาเพื่อให้ระบบเผาผลาญทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • อาหารกลุ่มโปรตีน
    • ควรเลือกรับประทานโปรตีนที่มีคุณภาพ เช่น นม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เนื้อปลา ไข่ขาว เป็นต้น
    • รับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอเพื่อซ่อมแซมร่างกายหลังการผ่าตัด
  • อาหารที่มีโซเดียม
    • จำกัดปริมาณโซเดียมในอาหารเพื่อลดการทำงานของไต
    • หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป หมักดอง อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง
    • เลี่ยงผงชูรส ผงปรุงรส และซุปก้อนในอาหาร
    • ลดการบริโภคน้ำจิ้ม น้ำราดต่าง ๆ

> กลับสู่สารบัญ

การใช้ชีวิตประจำวันหลังการปลูกถ่ายไต

  • การออกกำลังกาย
    • หลังปลูกถ่ายไตสัปดาห์แรก ควรยืน เดินรอบ ๆ เตียง
    • หลังปลูกถ่ายไต 2 – 4 สัปดาห์ ควรเดินรอบ ๆ บ้าน วันละ 3 – 4 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที
    • หลังปลูกถ่ายไต 2 – 4 สัปดาห์ ควรเดินเร็ว ๆ จนเหงื่อออก ครั้งละ 15 – 30 นาที วันละ 1 – 2 ครั้ง
    • หลังปลูกถ่ายไต 6 สัปดาห์ สามารถออกกำลังกายได้ตามปกติ
    • เล่นกีฬาที่เหมาะสม ได้แก่ เต้นแอโรบิค ปิงปอง วิ่ง ว่ายน้ำ
    • กีฬาที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ชกมวย ยูโด มวยปล้ำ รักบี้ ฟุตบอล และกีฬาอื่น ๆ ที่มีการปะทะหรือชนกัน เป็นต้น
  • การดื่มแอลกอฮอล์
    • สามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หากจำเป็นแต่ควรจำกัดปริมาณ
    • ไม่ควรดื่มใกล้เวลารับประทานยากดภูมิคุ้มกัน เพราะจะมีผลต่อการทำงานของไต
  • การมีเพศสัมพันธ์
    • สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ
    • ควรมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (safe sex)
    • หากมีปัญหาสมรรถภาพทางเพศควรปรึกษาแพทย์
  • การมีบุตร
    • สตรีที่ปลูกถ่ายไตควรทิ้งระยะเวลาตั้งครรภ์หลังปลูกถ่ายไตเป็นเวลา 2 ปี
    • การตั้งครรภ์ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

> กลับสู่สารบัญ

ผ่าตัดปลูกถ่ายไตแล้วอยู่ได้กี่ปี

ข้อมูลทางสถิติโดยสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2560 พบว่า จำนวนผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตที่สามารถอยู่ได้ถึง 10 ปี มีมากถึง 78.2% นั่นหมายถึง จากผู้ป่วย 100 คน จะมีผู้ป่วย 78 คนที่สามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโอกาสในการผ่าตัดไตสำเร็จนั้นค่อนข้างสูงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามระยะเวลาการมีชีวิตหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย รวมทั้งการดูแลตนเองของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

> กลับสู่สารบัญ

การผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ

ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ เช่น ไตที่ผ่าตัดปลูกถ่ายไปแล้วเกิดการเสื่อมสภาพ มีโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่และส่งผลกระทบต่อไตที่เคยรับการผ่าตัดปลูกถ่ายมา การต่อต้านไตใหม่แบบที่เป็นเรื้อรัง การสลัดไตแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือการติดเชื้อบางชนิด เป็นต้น เมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่าควรทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ กระบวนการก็จะคล้ายกับการปลูกถ่ายไตครั้งแรก โดยไตใหม่อาจรับบริจาคไตจากญาติหรือรอรับบริจาคจากสภากาชาดไทย การปลูกถ่ายไตซ้ำนี้ผู้ป่วยอาจได้รับยากดภูมิคุ้มกันมากกว่าครั้งแรกเพื่อกดภูมิคุ้มกันมากกว่าเดิมเพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธไต ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์

> กลับสู่สารบัญ

การปลูกถ่ายไตของ รพ.พระรามเก้า

ตลอด 30 ปี นับตั้งแต่โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดให้บริการ (มิ.ย. 2535 – 28 ก.พ. 2566) สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไตพระรามเก้าได้ผ่าตัดปลูกถ่ายไตไปแล้ว 1,180 ราย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้

  • ไตจากผู้บริจาคที่เป็นญาติพี่น้องร่วมสายโลหิต จำนวน 393 ราย
  • ไตจากผู้บริจาคที่เป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำนวน 33 ราย
  • ไตจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย จำนวน 754 ราย
    • 89 ราย ได้รับไตภายใน 1 เดือน
    • 352 ราย ได้รับไตภายใน 6 เดือน
    • 509 ราย ได้รับไตภายใน 12 เดือน
  • ผู้ป่วยอายุน้อยที่สุดที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต อายุ 11 ปี (ได้รับไตจากน้องชายของบิดา)
  • ผู้ป่วยอายุมากที่สุดที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต อายุ 84 ปี (ได้รับไตจากศูนย์รับบริจาคอวัยวะ สภากาชาดไทย)
  • ทำการปลูกถ่ายไตให้ผู้ป่วยอายุมากกว่า 60 ปี จำนวน 349 ราย
  • การผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำในผู้ป่วยที่เคยล้มเหลวจากการเปลี่ยนไตในอดีต จำนวน 98 ราย
  • มีผู้ป่วยตั้งครรภ์หลังปลูกถ่ายไต จำนวน 5 ราย มีเด็กที่เกิดจากมารดาที่ปลูกถ่ายไต จำนวน 7 ราย
  • มีผลงานวิจัยทางการแพทย์ด้านการเปลี่ยนไต 54 ผลงาน
  • สถาบันโรตไตและเปลี่ยนไตพระรามเก้าได้รับประกาศนียบัตรเกียรติยศความเชี่ยวชาญเป็นเลิศทางด้านการเปลี่ยนไตตามมาตรฐานสากลระดับโลกจาก JCI (Joint Commission International, USA) เมื่อมี พ.ศ. 2559

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

โรคไตวายเรื้อรังถือว่าเป็นโรคที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโดยตรง เพราะหากเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ไตจะสูญเสียการทำงานไปเกือบทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถขับของเสียและควบคุมสมดุลของร่างกายได้ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือต้องฟอกเลือดโดยใช้น้ำยาผ่านทางช่องท้อง ซึ่งผู้ป่วยต้องฟอกไตหลายวันต่อสัปดาห์ ทำให้ไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ 

ปัจจุบันทางเลือกกาารรักษาที่ดีที่สุดของผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังคือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งอาจขอรับบริจาคไตจากญาติพี่น้องหรือสามี-ภรรยา หรือจากผู้ที่มีภาวะสมองตาย เพราะหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวาย การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และไม่ทำลายการทำงานของไตถือเป็นการดูแลสุขภาพไตที่ดีที่สุด นอกจากนี้การติดตามความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพร่างกายเป็นประจำโดยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้เราทราบสภาวะทางสุขภาพ และสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงได้

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

รักษามะเร็งเต้านม

แนวทางใหม่! รักษามะเร็งเต้านม ด้วยวิธีผ่าตัดสงวนเต้า และการเสริมสร้างเต้านมใหม่

อ่านเพิ่มเติม
เด็กหลอดแก้ว

การทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

อ่านเพิ่มเติม
ลำไส้แปรปรวน

โรคลำไส้แปรปรวน สาเหตุการปวดท้องเรื้อรัง อืดแน่นท้อง ขับถ่ายผิดปกติ

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 V
  • Praram 9 V

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.ผ่องพรรณ ทานาค

พญ.ผ่องพรรณ ทานาค

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

1677919536144

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

รักษามะเร็งเต้านม

แนวทางใหม่! รักษามะเร็งเต้านม ด้วยวิธีผ่าตัดสงวนเต้า และการเสริมสร้างเต้านมใหม่

การรักษามะเร็งเต้านมด้วยวิธีการผ่าตัดสงวนเต้า ช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมไม่ต้องถูกตัดเต้านมออกทั้งหมด หรือหากจำเป็นต้องผ่าตัดเต้านมออก ก็สามารถทำการผ่าตัดสร้างเสริมเต้านมได้เช่นกัน

อ่านเพิ่มเติม
เด็กหลอดแก้ว

การทำเด็กหลอดแก้ว เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้มีบุตรยาก

การทำเด็กหลอดแก้ว หรือ IVF เป็นเทคโนโลยีเจริญพันธุ์ที่เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับคู่สามีภรรยาที่มีบุตรยาก ช่วยเติมเต็มครอบครัวให้สมบูรณ์

อ่านเพิ่มเติม
ลำไส้แปรปรวน

โรคลำไส้แปรปรวน สาเหตุการปวดท้องเรื้อรัง อืดแน่นท้อง ขับถ่ายผิดปกติ

ภาวะผิดปกติเรื้อรังของลำไส้ หรือโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) อาจมีอาการคล้ายโรคมะเร็งลำไส้ สามารถตรวจสอบเพื่อแยกโรค และรักษาให้เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด

แพ็กเกจยอดนิยม

แพ็กเกจตรวจสุขภาพน้องใหม่วัยชิลล์

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นพี่วัยชิค

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพรุ่นใหญ่วัยเก๋า

รายละเอียด

ดูแพ็กเกจทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2021 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา