Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

รักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม เจ็บน้อย หายเร็ว อีกหนึ่งทางเลือกการรักษานอนกรน

พญ.เพชรรัตน์ แสงทอง

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 6 สิงหาคม 2023
การรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม

การนอนกรนดูจะเป็นเรื่องที่ธรรมดา เพราะหลาย ๆ คนนอนกรนจนเป็นเรื่องปกติ และไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพหรือชีวิตประจำวัน แต่จริง ๆ แล้วปัญหานอนกรนเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อทั้งการใช้ชีวิตประจำวัน และการทำงาน เพราะบางคนในขณะกรนอาจมีการหยุดหายใจจนทำให้ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ตื่นนอนมาแล้วไม่สดชื่น ง่วงเหงาหาวนอนในช่วงกลางวัน เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หรืออาจจะเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุขณะขับรถได้ และยังทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้อีก

ปัจจุบันมีเทคนิคการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม โดยแพทย์จะร้อยไหมที่เพดานอ่อนคล้ายกับการร้อยไหมยกกระชับที่ใบหน้า เป็นการรักษาที่เจ็บน้อย แผลเล็ก หายเร็ว จึงเป็นทางเลือกการรักษานอนกรนอีกวิธีหนึ่ง

สารบัญ

  • นอนกรนเสียงดังเกิดจากอะไร?
  • การนอนกรนเป็นอันตรายไหม?
  • สาเหตุของการนอนกรน
  • แก้นอนกรนทำได้อย่างไรบ้าง?
  • การรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม
  • ข้อดีของการรักษาการนอนกรนด้วยการร้อยไหม
  • การเตรียมตัวก่อนการการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม
  • การปฏิบัติตัวหลังการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม
  • สรุป

นอนกรนเสียงดังเกิดจากอะไร?

เสียงกรน เกิดจากการที่ลมหายใจไหลผ่านช่องคอที่ตีบแคบ โดยเป็นเสียงของการสั่นพลิ้วสะบัดของลิ้นไก่ เนื้อเยื้อบริเวณเพดานอ่อน และช่องคอส่วนบน โดยการกรนนี้จะทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบน พบบ่อยในคนวัยกลางคนอายุระหว่าง 30 – 60 ปี โดยมักพบภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจประมาณ 4% ในผู้ชาย และ 2% ในผู้หญิง การนอนกรน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้

  • การนอนกรนธรรมดา (primary snoring) ซึ่งทำให้เกิดเสียงดังรบกวนต่อคนรอบข้าง
  • การนอนกรนร่วมกับภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนและมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย (obstructive sleep apnea; OSA) ซึ่งเป็นประเภทที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะอาจทำให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้

> กลับสู่สารบัญ

การนอนกรนร่วมกับภาวะหยุดหายใจส่งผลเสียต่อสุขภาพ

การนอนกรนเป็นอันตรายไหม?

การนอนกรนไม่ว่าจะเป็นการนอนกรนธรรมดา หรือนอนกรนแบบที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน และมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย ก็ล้วนมีผลต่อสุขภาพโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนกรนแบบที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน หรือมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย เสี่ยงทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้อีก เช่น โรคความดันสูง โรคหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันในปอดสูง เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และโรคหลอดเลือดสมอง 

นอกจากนี้การนอนกรนแบบที่มีการอุดกั้นทางเดินหายในส่วนบนและมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วยนั้น จะทำให้ผู้ป่วยมีการสะดุ้งตื่นเป็นช่วง ๆ ขณะนอนหลับซึ่งจะส่งผลให้ผู้ป่วยพักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้หลังจากตื่นนอนจะรู้สึกว่าไม่สดชื่น และยังรู้สึกยังง่วงอยู่ นอกจากนี้การหยุดหายใจขณะนอนหลับจะทำให้สมองและร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวกับสมองด้วย โดยผู้ป่วยกลุ่มนี้จะมีอาการง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน (excessive daytime sleepiness) ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานโดยตรง และหากต้องขับรถหรือต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย 

และในกลุ่มที่นอนกรนแบบธรรมดาอาจจะยังไม่มีผลกระทบที่เห็นได้ชัดเจนทางสุขภาพของตนเองมากนัก แต่จะมีผลต่อสุขภาพการนอนของคู่นอน หรือคนในครอบครัว เพราะจะไปรบกวนการนอนของคนรอบข้างได้ 

ดังนั้นหากท่านมีอาการนอนกรนทั้งแบบธรรมดา และแบบที่มีภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบนและหยุดหายใจร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย ในผู้ป่วยบางรายอาจต้องเข้ารับการตรวจการนอนหลับ (sleep test) ซึ่งจะทำให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาให้ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป

> กลับสู่สารบัญ

สาเหตุของการนอนกรน

การนอนกรนเกิดได้จากหลายสาเหตุ คือ

  • มีการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบน (ลิ้นไก่ เนื้อเยื่อบริเวณเพดานอ่อน โคนลิ้น และช่องคอส่วนบน) ขณะนอนหลับ ทำให้เกิดภาวะทางเดินหายใจตีบแคบ
  • ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนมาก ๆ เพราะจะทำให้ผนังคอหนาขึ้น ทำให้ทางเดินหายใจแคบลง เราจึงมักพบว่าคนที่มีน้ำหนักเกิน หรืออ้วนมาก ๆ จะมีอาการกรนและหยุดหายใจขณะหลับ
  • มีภาวะที่ทำให้โพรงจมูกอุดตัน เช่น โรคภูมิแพ้ที่ทำให้โพรงจมูกอักเสบ โรคเนื้องอกในโพรงจมูก ริดสีดวงจมูก ไซนัสอักเสบ หรือมีผนังกั้นโพรงจมูกผิดปกติ ซึ่งก็สามารถทำให้เกิดการกรนได้เช่นกัน
  • มีโรคของต่อมทอนซิล เพราะต่อมทอนซิลอยู่ในลำคอ ดังนั้นหากมีการโตขึ้นของต่อมทอนซิลก็จะทำให้เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจส่วนบน จึงทำให้มีการกรนได้ โดยสาเหตุนี้มักเป็นสาเหตุการกรนในเด็ก
  • มีเนื้องอกหรือซีสต์ (cyst) ทางเดินหายใจส่วนบน
  • การดื่มแอลกอฮล์ การรับประทานยานอนหลับ ยาแก้แพ้ชนิดง่วง เพราะจะทำให้มีการคลายตัวของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบน ซึ่งจะทำให้มีการตีบแคบของช่องคอมากขึ้น ทำให้กรนมากขึ้นและเสียงกรนดังขึ้น

> กลับสู่สารบัญ

แก้นอนกรนทำได้อย่างไรบ้าง?

โดยปัจจุบันวิธีการแก้และรักษานอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ แบ่งเป็น 

  • แบบไม่ผ่าตัด เช่น ใส่เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก CPAP การลดน้ำหนัก นอนตะแคง ใช้ยา ใส่ทันตอุปกรณ์ เป็นต้น
  • แบบผ่าตัด โดยแก้ไขในส่วนของจมูก เพดานอ่อน ลิ้นไก่และคอหอย ทั้งนี้ส่วนที่พบว่าทำให้เกิดเสียงกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้มาก คือ เพดานอ่อน ซึ่งวิธีที่ใช้ผ่าตัดมีหลายวิธี วิธีที่พัฒนามาจนถึงปัจจุบัน คือ วิธีร้อยไหมที่เพดานอ่อน (barbed suspension pharyngoplasty) ซึ่งใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน เจ็บน้อย แผลเล็กและหายไว และไม่มีปมไหมให้รู้สึกรำคาญเมื่อเทียบกับวิธีดั้งเดิม

> กลับสู่สารบัญ

การรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม

การรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหมที่เพดานอ่อน (barbed suspension pharyngoplasty) เป็นเทคนิคใหม่และเป็นทางเลือกสำหรับการรักษาการนอนกรนแบบที่มีการอุดกั้นทางเดินหายในส่วนบนและมีภาวะหยุดหายใจร่วมด้วย ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยใช้ไหมทางการแพทย์เย็บตกแต่งลิ้นไก่ เพดานอ่อน และคอหอย เพื่อปรับให้โครงสร้างของทางเดินหายใจส่วนต้น แก้ปัญหาการตีบแคบของทางเดินหายใจ

การรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหมเพดานอ่อนคล้ายกับการร้อยไหมยกกระชับที่ใบหน้า โดยไหมที่ใช้จะเป็นไหมละลายที่มีเงี่ยงตลอดเส้น เพื่อเย็บตรึงเพดานอ่อนให้ยกขึ้น เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อเพดานอ่อน และแพทย์จะใช้เทคนิคการซ่อนปมให้อยู่ในเพดานอ่อนทำให้ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกรำคาญ อาจต้องทำร่วมกับการผ่าตัดทอนซิลออกเพื่อทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งแพทย์จะพิจารณาวางแผนการรักษาให้เหมาะสมเป็นราย ๆ ไป

> กลับสู่สารบัญ

ข้อดีของการรักษาการนอนกรนด้วยการร้อยไหม

  • ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน 
  • เจ็บน้อย 
  • แผลเล็กและหายไว 
  • ไม่มีปมไหมให้ผู้ป่วยรู้สึกรำคาญ
  • ผลข้างเคียงจากการรักษาน้อยกว่า

> กลับสู่สารบัญ

การเตรียมตัวก่อนการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม

  • ตรวจประเมินทางเดินหายใจส่วนต้นเพื่อวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์เฉพาะทางโสตศอนาสิกก่อนผ่าตัด
  • ตรวจการนอนหลับ (sleep test) เพื่อประเมินความรุนแรงของภาวะหยุดหายใจขณะหลับก่อนการรักษา
  • ตรวจเลือด
  • ตรวจปัสสาวะ
  • ตรวจเอกซเรย์ทรวงอก
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • อาจต้องหยุดยาบางชนิดก่อนการผ่าตัด เช่น ยาแอสไพริน ยาละลายลิ่มเลือด หรือยาอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการดมยาสลบหรือการผ่าตัด ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์
  • ก่อนการผ่าตัด ควรงดน้ำและอาหารประมาณ 6-8 ชั่วโมง
  • ก่อนผ่าตัดผู้ป่วยควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

> กลับสู่สารบัญ

การปฏิบัติตัวหลังการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหม

หลังการร้อยไหมผู้ป่วยอาจมีอาการตึง ๆ ในลำคอ กลืนอาหารไม่ค่อยสะดวก หรืออาจจะมีเลือดออกบริเวณแผล เสียงแหบ แต่อาการเหล่านี้จะเป็นเพียงแค่ในช่วงแรก และจะหายไปได้เอง หลังการรักษาแพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยดูแลตัวเองดังนี้

  • รับประทานยาแก้ปวด และยาแก้อักเสบ
  • ให้นอนศีรษะสูงโดยเพิ่มจำนวนหมอนที่หนุน หรือใช้เตียงแบบปรับระดับได้
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
  • หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาหักโหม
  • รักษาความสะอาดภายในช่องปากเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
  • หลีกเลี่ยงการไอหรือจามแรง ๆ 
  • ระยะแรก ๆ หลังการรักษาควรรับประทานอาหารอ่อนหรืออาหารเหลว
  • มาพบแพทย์ตามนัด 

หากหลังการรักษาแล้วอาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการผิดปกติต่าง ๆ  ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

การนอนกรนทั้งแบบธรรมดาและการนอนกรนที่มีการอุดกั้นและมีหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วยส่งผลต่อสุขภาพโดยตรง เพราะอาจทำให้เกิดโรคร้ายอื่น ๆ ตามมาได้อีกหลายโรค นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อการนอนของคู่นอนและคนรอบข้าง ดังนั้นหากมีปัญหานอนกรนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนกรนชนิดที่มีการอุดกั้นและหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาต่อไป 

ในปัจจุบันเทคนิคการรักษานอนกรนด้วยการร้อยไหมเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะเป็นเทคนิคการรักษาที่ใช้เวลาผ่าตัดไม่นาน เจ็บน้อย แผลเล็ก หายเร็ว มีผลข้างเคียงจากการรักษาน้อย จึงเป็นการรักษานอนกรนอีกวิธีหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

พญ.เพชรรัตน์ แสงทอง

พญ.เพชรรัตน์ แสงทอง

Sleep Center

นัดหมาย

ประวัติเพิ่มเติม

 

ศูนย์แพทย์

PR9_Sleep-center_1040x1040

Sleep Center

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร เลือกผ่าตัดแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาข้อเข่าเสื่อม ของเรา?

ข้อเข่าเทียมมีกี่แบบ? สามารถแบ่งการผ่าตัดข้อเข่าเทียมออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือผ่าตัดใส่ผิวข้อเข่าเทียมบางส่วน และการผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียมทั้งหมด

อ่านเพิ่มเติม
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

เยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดจากอะไร รู้จักสังเกตอาการก่อนเป็นอันตรายถึงชีวิต

เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) คือภาวะที่เยื่อหุ้มสมองและไขสันหลังเกิดการอักเสบบวมจนก่อให้เกิดอาการผิดปกติ ซึ่งสาเหตุมีทั้งจากการติดเชื้อและไม่ใช่จากการติดเชื้อ

อ่านเพิ่มเติม
เลือดออกในสมอง

เข้าใจภาวะเลือดออกในสมอง วิกฤติสุขภาพที่อาจร้ายแรงถึงชีวิต

เลือดออกในสมอง (Intracerebral Hemorrhage) คือภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ทำให้เลือดไหลไปกดทับเนื้อเยื่อสมอง และเป็นสาเหตุของความพิการหรือเสียชีวิตในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Doctor’s Health Insights
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา