บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคไหลตาย ไม่มีสัญญาณเตือน ภัยเงียบที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้

นพ. วิสุทธิ์ เกตุแก้ว

โรค “ไหลตาย” ทางภาคอีสานในอดีตเคยเชื่อว่า “ผีแม่หม้ายมาเอาตัวไป” เนื่องจากมักจะเกิดกับชายหนุ่มในช่วงอายุ 20-50 ปี ที่สุขภาพแข็งแรงดี แต่พอเข้านอนหลับไปแล้วตอนเช้าจะพบว่าเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ


ปัจจุบันเรามีข้อมูลมากขึ้น และพบว่าผู้ที่เสียชีวิตจากลักษณะดังกล่าว มักพบความผิดปกติของคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบที่เรียกว่า Brugada จึงเรียกกันว่า Brugada syndrome (บรูกาด้า ซินโดรม) พบได้บ่อยในชาวไทยที่มีถิ่นกำเนิดอยู่แถบภาคอีสาน และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง

โรคไหลตาย คืออะไร?


โรคไหลตาย (Sudden Unexplained Nocturnal Death syndrome; SUNDS) คือ กลุ่มอาการที่มีการเสียชีวิตขณะนอนหลับโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของการนำไฟฟ้าหัวใจ หรือโครงสร้างหัวใจผิดปกติ


ภาวะหนึ่งที่เป็นสาเหตุของโรคไหลตาย คือกลุ่มอาการที่เรียกว่า Brugada Syndrome (บรูกาดา ซินโดรม) ซึ่งเป็นโรคทางกรรมพันธุ์ชนิดหนึ่ง เกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ควบคุมการทำงานของไฟฟ้าในหัวใจ (channelopathy) ส่งผลให้ระบบนำไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติ ทำให้คนไข้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง หัวใจไม่สามารถบีบเลือดออกไปเลี้ยงร่างกายได้ มักเกิดขึ้นในระหว่างนอนหลับและเสียชีวิตในที่สุด


โรคไหลตายพบเยอะแค่ไหนในเมืองไทย


อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งตระหนกตกใจจนเกินไปว่าตนเองจะเป็นโรคนี้ หรือเกิดการไหลตายเหมือนในข่าว คนที่เป็นโรคนี้จริงๆ พบได้ประมาณ 0.004% เท่านั้น และจากสถิติในประเทศไทย พบผู้ป่วย Brugada Syndrome ประมาณ 40 คน จากจำนวนประชากร 100,000 คน ส่วนใหญ่พบในคนภาคอีสาน พบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และมักเป็นผู้ชายอายุน้อยช่วงอายุ 20 – 50 ปี ดังที่กล่าวไปข้างต้น


ปัจจัยสำคัญของโรคไหลตาย


ปัจจัยสำคัญที่มักจะพบในผู้ป่วยโรคนี้มีอยู่ 2 ข้อ คือ


  1. มีประวัติบุคคลในครอบครัวที่อายุน้อยเสียชีวิตเฉียบพลัน
  2. เคยมีอาการหน้ามืด หรือหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุมาก่อน

อาการที่อาจพบได้ของโรคไหลตาย


แม้ว่าเรามักได้ยินข่าวว่าคนที่เป็นโรคไหลตาย เสียชีวิตไปขณะนอนหลับโดยที่ไม่มีอาการผิดปกติใด ๆมาก่อน แต่มีผู้ป่วยจำนวนหนึ่งที่มีอาการบางอย่างมาก่อน แล้วมาพบแพทย์ และแพทย์ได้หาตรวจวินิจฉัยจนพบว่าเป็นโรคไหลตาย อาการดังกล่าวที่อาจพบได้ ได้แก่


  • ใจสั่น
  • หมดสติไปชั่วขณะ
  • วูบ เป็นลม
  • เวียนศีรษะ
  • ชัก
  • หายใจลำบาก
  • เจ็บหน้าอก
  • เคยตรวจพบว่ามีหัวใจห้องบนหรือห้องล่างเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง
  • กรณีที่อาการกำเริบระหว่างนอนหลับอาจมีเสียงหายใจครืดคราดคล้ายละเมอ

ดังนั้นหากมีอาการเหล่านี้ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการผิดปกติดังกล่าว


การวินิจฉัยโรคไหลตาย


การวินิจฉัยโรคไหลตาย เบื้องต้นทำได้โดยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เพื่อดูลักษณะของคลื่นไฟฟ้าหัวใจว่าเข้าได้กับลักษณะของ Brugada syndrome หรือไม่ อาจพิจารณาร่วมกับการตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiography) เพื่อตรวจดูโครงสร้างของหัวใจว่าปกติหรือไม่ หรือแพทย์อาจแนะนำให้ตรวจระบบไฟฟ้าในหัวใจโดยการใส่สายเข้าไปตรวจภายในหัวใจ (EP study) ในรายที่สงสัยว่ามีภาวะ Brugada syndrome หรือตรวจทางพันธุกรรม (genetic testing) เพื่อดูการกลายพันธุ์ในสารพันธุกรรม


เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้นหากท่านมีคนในครอบครัวมีประวัติเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น นอนหลับแล้วเสียชีวิต วูบหมดสติเสียชีวิต ตั้งแต่อายุน้อย ๆ แนะนำให้ท่านปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองโรคนี้


ปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะในผู้เป็นโรคไหลตาย


ผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคไหลตายต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะทำให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงจนทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้น ได้แก่


  • มีไข้สูง
  • เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
  • ร่างกายขาดน้ำและแร่ธาตุ
  • ยาบางชนิด ดังนั้นผู้ที่ถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะไหลตาย จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ในกรณีที่ต้องได้รับยาบางชนิดเช่น ยานอนหลับ หรือยาที่มีผลต่อแร่ธาตุในร่างกาย

การรักษาโรคไหลตาย


ปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ แต่แพทย์จะให้การรักษาโดยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ เช่น การฝังเครื่องกระตุกหัวใจหรือเครื่องซ๊อตไฟฟ้าหัวใจ (AICD), การใช้ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ, การจี้ไฟฟ้าหัวใจ (RFA) ซึ่งต้องพิจารณาความเหมาะสมในคนไข้แต่ละราย


สรุป


โรคไหลตายเป็นโรคที่มีการเสียชีวิตขณะนอนหลับโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยอาจภาวะหนึ่งที่เป็นสาเหตุของการไหลตายคือกลุ่มอาการที่เรียกว่า Brugada syndrome ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของการนำไฟฟ้าที่ผิดปกติในห้องหัวใจ ทำให้เกิดหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง และเสียชีวิตได้ ซึ่งมักพบว่าคนที่เป็นโรคนี้เสียชีวิตไปขณะหลับ โดยที่ไม่เคยมีอาการผิดปกติใด ๆ เตือนมาก่อน โรคนี้เป็นโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ดังนั้น หากท่านใดมีประวัติครอบครัวเป็นโรคดังกล่าว หรือมีอาการสงสัย ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางโรคหัวใจ เพื่อประเมินความเสี่ยงและตรวจเพิ่มเติมเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสมต่อไป


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. วิสุทธิ์ เกตุแก้ว

นพ. วิสุทธิ์ เกตุแก้ว

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital