บทความสุขภาพ
Knowledge
นพ. วิศิษฐ์ ลิ่วลมไพศาล, พญ. สุธานิธิ เลาวเลิศ
ไตเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญต่อร่างกายเพราะมีหน้าที่กำจัดน้ำส่วนเกินและของเสียออกจากร่างกาย ดังนั้นหากเกิดภาวะไตวายเรื้อรังจะส่งผลให้เกิดการคั่งค้างของของเสียในร่างกาย ซึ่งภาวะดังกล่าวควรได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากหากปล่อยทิ้งไว้อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงอื่นๆ ตามมาได้
ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังส่วนใหญ่มักจะได้รับการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียมหรือการฟอกเลือดทางช่องท้องเพื่อขับของเสียออกจากร่างกาย
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการรักษาภาวะไตวายที่ให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดจะเป็นการรักษาด้วยการปลูกถ่ายไตโดยมีอัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคมีชีวิตสูงถึง 95 – 98% และจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายสูงถึง 85 – 90% และหลังการปลูกถ่ายไตผู้ป่วยจะกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันและดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ไตเป็นอวัยวะในช่องท้องทางด้านหลังอยู่ระดับเดียวกับบั้นเอว มีรูปร่างคล้ายถั่ว ไตมีสองข้าง แต่ละข้างมีขนาดประมาณหนึ่งกำมือ หน้าที่หลักของไต คือ ขับน้ำส่วนเกินและของเสียที่เกิดจากการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ออกนอกร่างกายผ่านทางปัสสาวะ นอกจากหน้าที่ขับน้ำและของเสียออกจากร่างกายแล้วไตยังมีหน้าที่อื่น ๆ อีก คือ
ภาวะไตวาย หมายถึง ภาวะที่มีการทำงานของไตเสียไป ทำให้เกิดการคั่งค้างของน้ำและของเสียภายในร่างกาย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายในหลายระบบ ถือเป็นภาวะวิกฤติที่ต้องได้รับการรักษาเพื่อป้องกันภาวะของเสียคั่งในร่างกาย โดยไตวายมีอาการดังต่อไปนี้
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการของโรคไต
ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง 3 วิธี
เป็นการนำเลือดของผู้ป่วยที่มีของเสียคั่งค้างผ่านเข้าไปในเครื่องไตเทียม เพื่อกรองของเสียออกแล้วนำเลือดที่ถูกกรองทำความสะอาดแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วยอีกครั้ง
เป็นการใช้น้ำยาชะล้างของเสียออกจากร่างกายผู้ป่วย โดยใส่เข้าไปทางช่องท้อง และทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง หลังจากนั้นจะระบายน้ำยาออก ของเสียในเลือดก็จะถูกชะล้างออกไปพร้อมกับน้ำยา วิธีนี้ผู้ป่วยต้องทำการล้างช่องท้องเป็นประจำทุกวันซึ่งอาจทำในช่วงเวลากลางคืน
การปลูกถ่ายไตเป็นการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลดีที่สุด โดยจะเป็นการผ่าตัดนำไตที่ยังทำงานได้ดีจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้ที่มีภาวะสมองตายมาทดแทนไตของผู้รับบริจาคที่สูญเสียการทำงานไป ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตจะสามารถมีชีวิตยืนยาวและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
การปลูกถ่ายไต (kidney transplantation) คือ การผ่าตัดเปลี่ยนไต โดยนำไตจากผู้บริจาคไต (donor) ซึ่งอาจเป็นไตจากผู้บริจาคมีชีวิตที่เป็นพ่อแม่ พี่น้อง หรือญาติสายตรงร่วมสายเลือด หรือไตที่ได้รับบริจาคจากผู้ที่มีภาวะสมองตาย ซึ่งในกรณีนี้ผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังต้องขึ้นทะเบียนกับสภากาชาดไทยเพื่อขอรับบริจาคไต
เป็นการปลูกถ่ายไตโดยไตที่นำมาปลูกถ่ายมาจากญาติ ได้แก่ พ่อแม่ พี่น้อง ลูก หลาน ลุง ป้า น้า อา หรือบางกรณี จากสามี ภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมาย โดยผู้บริจาคจะบริจาคไต 1 ข้าง ซึ่งการที่ผู้บริจาคมีไตเหลือเพียง 1 ข้างจะยังสามารถดำรงชีวิตได้เหมือนคนปกติ
เป็นการปลูกถ่ายไตโดยไตที่นำมาปลูกถ่ายจะมาจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายจากการประสบอุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่น ๆ ในกรณีที่ญาติพี่น้องไม่สามารถบริจาคไตให้ได้ ซึ่งในประเทศไทย ศูนย์รับบริจาคอวัยวะของสภากาชาดไทยจะเป็นผู้รับบริจาคและจัดสรรไตให้แก่ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง
การปลูกถ่ายไตเป็นวิธีการรักษาภาวะไตวายเรื้อรังที่ให้ผลดีที่สุด แต่การรักษาด้วยวิธีนี้ก็มีข้อจำกัดบางประการซึ่งต้องมีการวางแผนการรักษาร่วมกันระหว่างทีมแพทย์และตัวผู้ป่วยเพื่อให้การรักษานี้เกิดประโยชน์สูงสุดและปลอดภัยที่สุดกับตัวผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรัง
ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายได้ต้องเป็นไตที่ได้มาจากญาติ หรือผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายเท่านั้น สำหรับประเทศไทยมีกฏหมายและกฏเกณฑ์เกี่ยวกับการปลูกถ่ายไตที่ชัดเจนและเคร่งครัดเพื่อไม่ให้มีการซื้อขายไตเกิดขึ้น แพทย์และผู้ป่วยที่ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษอย่างเข้มงวด
การผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ดังนั้นจึงต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งตัวผู้ป่วยที่จะได้รับการปลูกถ่ายไตและหากไตได้รับบริจาคจากญาติพี่น้อง ผู้บริจาคไตก็จะต้องมีการเตรียมตัวด้วยเช่นกัน
สำหรับผู้บริจาคไตต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าสามารถบริจาคไตได้ รวมไปถึงต้องมีการทดสอบสภาพร่างกายและสภาพจิตใจ ความเข้ากันของหมู่เลือด และจะมีการอธิบายรายละเอียดจากแพทย์และทีมงานเพื่อให้ผู้บริจาคไตมีความพร้อมในทุก ๆ ด้านก่อนการผ่าตัด
หากผู้รับบริจาคไตรอรับไตจากผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายที่ได้รับการจัดสรรโดยสภากาชาดไทย ผู้ที่ขอรับบริจาคไตต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ และปฏิบัติตนตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้พร้อมสำหรับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้ตลอดเวลาหากมีไตที่เหมาะสมที่สามารถปลูกถ่ายได้
และ รพ. พระรามเก้า มีนโยบายในการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้ที่เคยบริจาคไตมาแล้ว และผู้รับการปลูกถ่ายไตเพื่อให้เกิดความมั่นใจและคลายความกังวล รวมถึงเข้าใจกระบวนการปลูกถ่ายไต
หลังได้รับการติดต่อจากโรงพยาบาลว่ามีสิทธิ์การเข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ให้ผู้ป่วยปฏิบัติดังนี้
หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตผู้ป่วยจะได้รับการดูแลจากทีมแพทย์อย่างใกล้ชิดโดยต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยมีการให้การดูแลและรักษาดังนี้
ผู้ป่วยหลังการปลูกถ่ายไต ควรเลือกอาหารให้เหมาะสม ดังนี้
ข้อมูลทางสถิติโดยสมาคมปลูกถ่ายอวัยวะแห่งประเทศไทย ปี พ.ศ. 2560 พบว่า จำนวนผู้ป่วยหลังปลูกถ่ายไตที่สามารถอยู่ได้ถึง 10 ปี มีมากถึง 78.2% นั่นหมายถึง จากผู้ป่วย 100 คน จะมีผู้ป่วย 78 คนที่สามารถอยู่ได้นานกว่า 10 ปี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโอกาสในการผ่าตัดไตสำเร็จนั้นค่อนข้างสูงในปัจจุบัน อย่างไรก็ตามระยะเวลาการมีชีวิตหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตยังขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ภาวะสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละราย รวมทั้งการดูแลตนเองของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน
ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ เช่น ไตที่ผ่าตัดปลูกถ่ายไปแล้วเกิดการเสื่อมสภาพ มีโรคเรื้อรังที่เป็นอยู่และส่งผลกระทบต่อไตที่เคยรับการผ่าตัดปลูกถ่ายมา การต่อต้านไตใหม่แบบที่เป็นเรื้อรัง การสลัดไตแบบค่อยเป็นค่อยไป หรือการติดเชื้อบางชนิด เป็นต้น เมื่อแพทย์พิจารณาแล้วว่าควรทำการผ่าตัดปลูกถ่ายไตซ้ำ กระบวนการก็จะคล้ายกับการปลูกถ่ายไตครั้งแรก โดยไตใหม่อาจรับบริจาคไตจากญาติหรือรอรับบริจาคจากสภากาชาดไทย การปลูกถ่ายไตซ้ำนี้ผู้ป่วยอาจได้รับยากดภูมิคุ้มกันมากกว่าครั้งแรกเพื่อกดภูมิคุ้มกันมากกว่าเดิมเพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธไต ทั้งนี้ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์
ตลอด 31 ปี นับตั้งแต่โรงพยาบาลพระรามเก้า เปิดให้บริการ (มิ.ย. 2535 – 30 มี.ค. 2567) สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไตพระรามเก้าได้ผ่าตัดปลูกถ่ายไตไปแล้ว 1,283 ราย ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีสถิติที่น่าสนใจดังนี้
โรคไตวายเรื้อรังถือว่าเป็นโรคที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยโดยตรง เพราะหากเป็นไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย ไตจะสูญเสียการทำงานไปเกือบทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถขับของเสียและควบคุมสมดุลของร่างกายได้ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม หรือต้องฟอกเลือดโดยใช้น้ำยาผ่านทางช่องท้อง ซึ่งผู้ป่วยต้องฟอกไตหลายวันต่อสัปดาห์ ทำให้ไม่สามารถทำงานหรือใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
ปัจจุบันทางเลือกการรักษาที่ดีที่สุดของผู้ป่วยภาวะไตวายเรื้อรังคือการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งอาจขอรับบริจาคไตจากญาติพี่น้องหรือสามี-ภรรยา หรือจากผู้ที่มีภาวะสมองตาย เพราะหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตามการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไตวาย การออกกำลังกาย การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และไม่ทำลายการทำงานของไตถือเป็นการดูแลสุขภาพไตที่ดีที่สุด นอกจากนี้การติดตามความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพร่างกายเป็นประจำโดยการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้เราทราบสภาวะทางสุขภาพ และสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพให้แข็งแรงได้
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital