บทความสุขภาพ
Knowledge
พญ. สุธานิธิ เลาวเลิศ
การปลูกถ่ายไต เป็นการผ่าตัดนำไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายมาปลูกถ่ายเพิ่มให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดนำไตของผู้ป่วยออก เพื่อให้ไตใหม่ทำหน้าที่ทดแทนไตเดิมที่เสียหาย อัตราความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตค่อนข้างสูงและหลังการปลูกถ่ายไตผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นการปลูกถ่ายไตจึงเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง อย่างไรก็ตามการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งมีขั้นตอนการผ่าตัดที่ซับซ้อน ก่อนการผ่าตัดต้องมีการคัดเลือกไตที่มีความเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังในแต่ละราย โดยต้องมีการตรวจสอบการเข้ากันได้ของเลือดและเนื้อเยื่อระหว่างผู้ป่วยและผู้บริจาคไตอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธไต เมื่อได้ไตที่เหมาะสมศัลยแพทย์ก็จะนำไตใหม่นั้นไปผ่าตัดปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย
ในช่วงระหว่างและหลังการผ่าตัดผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกายในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบการทำงานของไตใหม่จนมั่นใจว่าสามารถทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ
ด้วยความก้าวหน้าในปัจจุบันทำให้การปลูกถ่ายไตมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงและเป็นวิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายไตมีอัตราความสำเร็จค่อนข้างสูง โดยภาพรวมในช่วงระยะเวลา 1 ปีหลังการผ่าตัด การปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามถือว่าอัตราความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตทั้งสองกรณีอยู่ในระดับที่สูงมาก ดังนี้
ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง มาจาก 2 กรณีดังนี้
ดังที่กล่าวไปข้างต้น ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มาจากการบริจาคของจากญาติสายตรง ญาติที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด หรือสามี-ภรรยา โดยหลังการบริจาคไตผู้บริจาคไตสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ เนื่องจากมนุษย์เกิดมาพร้อมกับไต 2 ข้าง การบริจาคไตไป 1 ข้าง ผู้บริจาคสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ การมีไตเพียงข้างเดียวก็เพียงพอที่จะทำหน้าที่กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกนอกร่างกาย ตลอดจนยังคงสามารถทำหน้าที่อื่น ๆ ของไตได้เป็นอย่างดีและเพียงพอ
ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยจนถึงปัจจุบันพบว่า การเหลือไตเพียงข้างเดียว ไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตอื่น ๆ ตามมาภายหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต หรือถ้ามีก็น้อยมาก เช่น ภาวะความดันสูง หรือมีโปรตีนไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ เป็นต้น นอกจากนี้อายุขัยของผู้บริจาคไตยังยืนยาวเท่ากับคนปกติ
ก่อนการผ่าตัด ผู้บริจาคไตจะต้องเข้ามาพักในโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด 1 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ คือ
เทคนิคในการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาค มีการผ่าตัด 2 ประเภท คือ
1. ผ่าตัดแบบเปิดสีข้าง (open donor nephrectomy)
2. ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง (laparoscopic donor nephrectomy)
หลังการผ่าตัดนำไตออกแล้ว ผู้บริจาคจำเป็นต้องมีการดูแลสุขภาพหลังการผ่าตัด ตั้งแต่ช่วงเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาล ช่วงการพักฟื้นที่บ้านหลังออกจากโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพในระยะยาว โดยอาจต้องมีการตรวจสุขภาพไต และเช็คสุขภาพทั่วไปอย่างน้อยเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการตรวจความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย ซึ่งการตรวจสุขภาพประจำปีนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปที่แพทย์มักจะแนะนำแม้จะเป็นผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต เพราะนอกจากจะสามารถบอกถึงสภาวะสุขภาพแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรค และป้องกันการรุกลามเป็นระยะรุนแรงของโรคได้
การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจะต้องมีการเตรียมการและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบทั้งก่อนวันผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และหลังผ่าตัดเสร็จ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของไตที่ดี และความสำเร็จของการรักษา
ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังจะต้องเข้ามาพักในโรงพยาบาล ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพื่อให้แพทย์ได้เตรียมความพร้อม ดังนี้
การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจะต้องมีการเตรียมการและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบทั้งก่อนวันผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และหลังผ่าตัดเสร็จ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของไตที่ดี และความสำเร็จของการรักษา
แพทย์ที่ดูแลจะตรวจสอบการทำงานของไตใหม่ โดยการตรวจดังนี้
ภาวะปฏิเสธไต เป็นความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนสำคัญของการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพราะจะทำให้ไตใหม่เสียการทำงาน และอาจต้องผ่าตัดเอาไตใหม่ออก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตรวจต่าง ๆ ที่ประเมินการปฏิเสธไต และผู้ป่วยต้องหมั่นสังเกตอาการความผิดปกติต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณของการปฏิเสธไต
ภาวะปฏิเสธไต เป็นการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้านไตใหม่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ป่วยจึงต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันทุกวัน โดยที่ภาวะปฏิเสธไตอาจเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก็ได้
โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ตอบสนองและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เซลล์มะเร็ง หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันนี้นอกจากจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ยังทำงานต่อต้านอวัยวะใหม่ที่มีการปลูกถ่ายเข้าไปด้วย โดยร่างกายจะตอบสนองต่อไตใหม่ที่ปลูกถ่ายเสมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมชนิดหนึ่ง และจะทำให้เกิดการปฏิเสธไตตามมา ทำให้แพทย์ผู้รักษาและทีมงานปลูกถ่ายไตจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะปฏิเสธไต โดยการให้ยากดภูมิคุ้มกันและให้ความรู้เรื่องผลข้างเคียงของยา ในขณะเดียวกันก็ต้องคงภาวะสมดุลของการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไว้ด้วย
หากผู้ป่วยมีอาการใดอาการหนึ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะปฏิเสธไตใหม่ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์ผู้รักษาหรือทีมงานปลูกถ่ายไตในทันที ได้แก่
หากได้รับการรักษาทันทีที่มีสัญญาณภาวะปฏิเสธไต หรือได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะมีโอกาสที่ไตใหม่จะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะสายเกินไปจนไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าเริ่มมีสัญญาณภาวะปฏิเสธไตหรือไม่ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ภาวะปฏิเสธไตสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามระยะเวลาที่เกิดขึ้น ดังนี้
ผู้ป่วยที่มีภาวะปฏิเสธไตจะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แพทย์จะต้องเจาะชิ้นเนื้อไต (kidney biopsy) เพื่อนำเนื้อเยื่อไตมาตรวจดูว่าเป็นการปฏิเสธไตแบบใดและรุนแรงมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ยารักษาการปฏิเสธไตได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว
นอกจากภาวะปฏิเสธไตแล้ว หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้
ทั้งนี้ ภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ แต่บางกรณีก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตได้
ชีวิตของผู้ป่วยจะเปลี่ยนไปหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยจะเผชิญกับความหลากหลายทางอารมณ์เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนไตใหม่
ทีมแพทย์ที่ดูแลจะรับฟังและให้การช่วยเหลือ ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับนักจิตวิทยาเกี่ยวกับสิ่งที่กังวลใจ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เนื่องจากผู้ป่วยอาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ระบายหรือพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือบุคคลที่ผู้ป่วยนับถือ เลื่อมใส และศรัทธา ที่อาจช่วยให้ได้ข้อคิดหรือประสบการณ์ที่จะช่วยให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้
หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาล ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยจะได้รับการทำกิจกรรมในแต่ละวัน ดังนี้
เหล่านี้ถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและแข็งแรงมากขึ้นตามลำดับจนสามารถเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งในส่วนของผู้บริจาคไต ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่รับบริจาคไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต หรือการเตรียมไตที่ได้จากผู้ที่มีภาวะสมองตาย และในส่วนของการเตรียมตัวของผู้ที่รับบริจาคไต เพื่อให้ได้ผลการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคด้วย ซึ่งต้องมีกระบวนการต่าง ๆ หลายขั้นตอน เช่น การตรวจสอบการเข้ากันได้ของเลือดและเนื้อเยื่อระหว่างผู้บริจาคและผู้รับบริจาคไตอย่างละเอียดรอบคอบ จนได้ไตที่มีความเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังแต่ละราย การผ่าตัดโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย แล้วนำไตนั้นมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย หลังจากการผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยจำเป็นต้องพักรักษาตัว และฟื้นฟูร่างกายในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการปฏิเสธไต และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย และตรวจสอบการทำงานของไตใหม่จนมั่นใจว่าสามารถทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital