บทความสุขภาพ

Knowledge

ขั้นตอนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต การพักฟื้นร่างกาย และภาวะแทรกซ้อนที่ต้องเฝ้าระวัง

พญ. สุธานิธิ เลาวเลิศ

การปลูกถ่ายไต เป็นการผ่าตัดนำไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายมาปลูกถ่ายเพิ่มให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดนำไตของผู้ป่วยออก เพื่อให้ไตใหม่ทำหน้าที่ทดแทนไตเดิมที่เสียหาย อัตราความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตค่อนข้างสูงและหลังการปลูกถ่ายไตผู้ป่วยสามารถกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นการปลูกถ่ายไตจึงเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง อย่างไรก็ตามการผ่าตัดปลูกถ่ายไตเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งมีขั้นตอนการผ่าตัดที่ซับซ้อน ก่อนการผ่าตัดต้องมีการคัดเลือกไตที่มีความเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังในแต่ละราย โดยต้องมีการตรวจสอบการเข้ากันได้ของเลือดและเนื้อเยื่อระหว่างผู้ป่วยและผู้บริจาคไตอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อป้องกันภาวะปฏิเสธไต เมื่อได้ไตที่เหมาะสมศัลยแพทย์ก็จะนำไตใหม่นั้นไปผ่าตัดปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย


ในช่วงระหว่างและหลังการผ่าตัดผู้ป่วยอาจมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจำเป็นต้องพักฟื้นร่างกายในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบการทำงานของไตใหม่จนมั่นใจว่าสามารถทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ


อัตราความสำเร็จของการปลูกถ่ายไต


ด้วยความก้าวหน้าในปัจจุบันทำให้การปลูกถ่ายไตมีโอกาสประสบความสำเร็จค่อนข้างสูงและเป็นวิธีการรักษาโรคไตวายเรื้อรังที่ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ จากข้อมูลทางสถิติแสดงให้เห็นว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายไตมีอัตราความสำเร็จค่อนข้างสูง โดยภาพรวมในช่วงระยะเวลา 1 ปีหลังการผ่าตัด การปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิตมีอัตราความสำเร็จสูงกว่าการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตายเล็กน้อย อย่างไรก็ตามถือว่าอัตราความสำเร็จของการปลูกถ่ายไตทั้งสองกรณีอยู่ในระดับที่สูงมาก ดังนี้


  • อัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต = 95 – 98%
  • อัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย = 85 – 90%

ไตที่นำมาปลูกถ่ายได้มาจากไหนบ้าง ?


ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง มาจาก 2 กรณีดังนี้


  1. ไตที่บริจาคจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ได้แก่ญาติสายตรง ญาติที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด หรือสามี-ภรรยา โดยผู้บริจาคไตต้องเข้าหลักเกณฑ์ตามที่กำหนด
  2. ไตที่บริจาคจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย จัดสรรโดยสภากาชาดไทย

การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต


ดังที่กล่าวไปข้างต้น ไตที่จะนำมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วยไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย มาจากการบริจาคของจากญาติสายตรง ญาติที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด หรือสามี-ภรรยา โดยหลังการบริจาคไตผู้บริจาคไตสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ เนื่องจากมนุษย์เกิดมาพร้อมกับไต 2 ข้าง การบริจาคไตไป 1 ข้าง ผู้บริจาคสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ การมีไตเพียงข้างเดียวก็เพียงพอที่จะทำหน้าที่กำจัดของเสียและน้ำส่วนเกินออกนอกร่างกาย ตลอดจนยังคงสามารถทำหน้าที่อื่น ๆ ของไตได้เป็นอย่างดีและเพียงพอ


ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยจนถึงปัจจุบันพบว่า การเหลือไตเพียงข้างเดียว ไม่ได้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตอื่น ๆ ตามมาภายหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต หรือถ้ามีก็น้อยมาก เช่น ภาวะความดันสูง หรือมีโปรตีนไข่ขาวรั่วในปัสสาวะ เป็นต้น นอกจากนี้อายุขัยของผู้บริจาคไตยังยืนยาวเท่ากับคนปกติ


ก่อนการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่มีชีวิต ผู้บริจาคไตจะต้องเข้ามาพักในโรงพยาบาล 1 วัน


ก่อนการผ่าตัด ผู้บริจาคไตจะต้องเข้ามาพักในโรงพยาบาลก่อนวันผ่าตัด 1 วัน โดยมีวัตถุประสงค์ คือ


  • เพื่อให้แพทย์และทีมงานประเมินความสมบูรณ์ของร่างกายและจิตใจก่อนการผ่าตัด
  • หากเกิดความไม่แน่ใจหรืออุปสรรคต่าง ๆ การผ่าตัดจะถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไป เพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาค
  • หากผู้บริจาคมีข้อสงสัยหรือคำถามค้างคาใจสามารถสอบถาม พูดคุยกับทีมงานได้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจก่อนการผ่าตัด และได้รับการพักผ่อนเต็มที่เพื่อการผ่าตัดในวันถัดไป

การผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่มีชีวิต


เทคนิคในการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาค มีการผ่าตัด 2 ประเภท คือ


1. ผ่าตัดแบบเปิดสีข้าง (open donor nephrectomy)


  • จะมีแผลยาวประมาณ 5 – 7 นิ้ว ที่บริเวณสีข้าง
  • การผ่าตัดจะทำภายใต้การดมยาสลบและใช้เวลาผ่าตัด 2 – 3 ชั่วโมง
  • หลังผ่าตัดจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 7 วัน
  • จะมีการตัดไหมรอยแผลผ่าตัดในวันที่ 7 หลังการผ่าตัด
  • หลังผ่าตัด ผู้บริจาคไตสามารถใช้ชีวิตได้ปกติภายใน 4 – 6 สัปดาห์

2. ผ่าตัดด้วยวิธีส่องกล้อง (laparoscopic donor nephrectomy)


  • จะมีแผลยาวประมาณ 3 – 4 นิ้ว ที่บริเวณสะดือ เป็นการผ่าตัดส่องกล้องแล้วคีบไตออกมา การผ่าตัดแบบนี้แผลจะเล็กกว่า เสียเลือดน้อยกว่า และเจ็บน้อยกว่า
  • การผ่าตัดจะทำภายใต้การดมยาสลบและใช้เวลาผ่าตัด 1 – 2 ชั่วโมง
  • หลังผ่าตัดจะต้องพักฟื้นในโรงพยาบาลประมาณ 2 – 3 วัน
  • หลังผ่าตัด ผู้บริจาคไตสามารถใช้ชีวิตได้ปกติภายใน 2 – 4 สัปดาห์

สุขภาพและการดำเนินชีวิตหลังการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาค


หลังการผ่าตัดนำไตออกแล้ว ผู้บริจาคจำเป็นต้องมีการดูแลสุขภาพหลังการผ่าตัด ตั้งแต่ช่วงเวลาการพักฟื้นในโรงพยาบาล ช่วงการพักฟื้นที่บ้านหลังออกจากโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพในระยะยาว โดยอาจต้องมีการตรวจสุขภาพไต และเช็คสุขภาพทั่วไปอย่างน้อยเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นการตรวจความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย ซึ่งการตรวจสุขภาพประจำปีนี้เป็นคำแนะนำทั่วไปที่แพทย์มักจะแนะนำแม้จะเป็นผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต เพราะนอกจากจะสามารถบอกถึงสภาวะสุขภาพแล้ว ยังช่วยป้องกันการเกิดโรค และป้องกันการรุกลามเป็นระยะรุนแรงของโรคได้


การพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังบริจาคไต


  • หลังผ่าตัดนำไตออก ผู้บริจาคไตจะอยู่ในห้องพักฟื้นจนรู้สึกตัวดีและปลอดภัย จึงจะย้ายไปห้องผู้ป่วยใน โดยจะมีสายน้ำเกลือที่แขนและมีสายสวนปัสสาวะ
  • หากมีอาการปวดแผลผ่าตัด จะได้รับยาฉีดระงับปวดตามคำสั่งแพทย์
  • เริ่มจิบน้ำได้ในวันแรกหลังผ่าตัด จากนั้นจะสามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้นเรื่อย ๆ
  • แนะนำให้ลุกนั่ง ยืน หายใจลึก ๆ และเดินโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนทางปอดและทางเดินหายใจ เพราะยิ่งเริ่มการเดินได้เร็วเท่าไหร่จะยิ่งฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • โดยทั่วไปการผ่าตัดบริจาคไตมีภาวะแทรกซ้อนน้อย โดยผู้บริจาคมักจะออกจากโรงพยาบาลได้ภายใน 7 วัน และตัดไหมรอยแผลผ่าตัดได้ในวันที่ 7 หลังการผ่าตัด
  • หลังการผ่าตัดอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น แผลติดเชื้อ เสียเลือด ภาวะปอดแฟบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ ท้องอืด ลำไส้ไม่ทำงาน ปวดแผลรุนแรง เป็นต้น ซึ่งภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้สามารถรักษาได้ แต่ทำให้ต้องพักในโรงพยาบาลนานกว่าปกติ
  • อัตราการเสียชีวิตหลังการบริจาคไตทั่วโลกมีน้อยมากประมาณ 0.03% (3 ราย จาก 10,000 ราย)

การพักฟื้นที่บ้านหลังบริจาคไต


  • หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว แพทย์จะนัดมาดูแผลและตรวจดูการทำงานของไตใน 1 – 2 สัปดาห์
  • ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สามารถทำงานบ้านและออกกำลังกายเบา ๆ ได้ และสามารถกลับไปทำงานได้ปกติ ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด
  • งดยกของที่มีน้ำหนักเกิน 6 กิโลกรัม และงดการเกร็งหน้าท้อง เพื่อไม่ให้แผลผ่าตัดบอบช้ำ เป็นเวลา 4 สัปดาห์
  • สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติภายใน 6 สัปดาห์หลังจากการผ่าตัด
  • การมีเพศสัมพันธ์สามารถมีได้ทุกเวลาที่สภาพร่างกายพร้อม

การตรวจการทำงานของไตหลังจากบริจาคไต


  • ในช่วง 1 เดือนหลังการผ่าตัด ผู้บริจาคไตควรมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจการทำงานของไตและสุขภาพร่างกายทั่วไป หลังจากนั้นควรพบแพทย์เป็นประจำทุก 12 เดือนเป็นอย่างน้อย
  • ทีมแพทย์ของสถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต รพ.พระรามเก้ายินดีให้คำปรึกษาและตอบคำถามทุกอย่างที่ท่านสงสัย เพราะเราตระหนักถึงคุณค่าและนับถือความมีจิตใจเมตตาของผู้บริจาตไตช่วยชีวิตผู้อื่นตลอดไป

การผ่าตัดปลูกถ่ายไตที่ได้จากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย


  • หลังจากการผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย ไตนั้นจะถูกเก็บรักษาในถุงพสาสติกปราศจากเชื้อ โดยจะเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 4 องศาเซลเซียส เพื่อจัดส่งมายังห้องผ่าตัดปลูกถ่ายไตโดยเร็วที่สุด พร้อมรายละเอียดข้อมูลที่สำคัญ ได้แก่ เพศ อายุของผู้บริจาค สาเหตุการตาย ไตข้างซ้ายหรือขวา สภาพทางกายวิภาค รอยโรคหรือพยาธิสภาพของไต จำนวนหลอดเลือด และเวลาที่เริ่มผูกหลอดเลือด ซึ่งถือเป็นเวลาเริ่มต้นของการขาดเลือดของไต ที่เรียกว่า cold ischemic time
  • ไตที่บริจาคจะสามารถเก็บรักษาไว้ได้ถึง 72 ชั่วโมงนับจาก cold ischemic time แต่ในทางปฏิบัติการผ่าตัดปลูกถ่ายจะทำอย่างเร็วที่สุดภายใน 24 ชั่วโมง ทำให้ไตที่ทำการปลูกถ่ายจะสามารถกลับมาทำงานได้เร็วและมีประสิทธิภาพดีกว่า
  • เมื่อไตที่บริจาคมาถึงห้องผ่าตัดปลูกถ่ายไต ทีมแพทย์จะมีการตรวจสอบความสมบูรณ์ของไต และทำการปลูกถ่ายให้กับผู้รับบริจาคอวัยวะ (recipient)

ขั้นตอนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจะต้องมีการเตรียมการและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบทั้งก่อนวันผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และหลังผ่าตัดเสร็จ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของไตที่ดี และความสำเร็จของการรักษา


การเข้าพักในโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังจะต้องเข้ามาพักในโรงพยาบาล ภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพื่อให้แพทย์ได้เตรียมความพร้อม ดังนี้


  • ซักประวัติและประเมินสภาพร่างกายและจิตใจโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
  • ซักประวัติและการดูแลผู้ป่วยโดยทีมพยาบาล นักโภชนาการ และเภสัชกร
  • ตรวจตัวอย่างเลือดและปัสสาวะทางห้องปฏิบัติการ
  • เอกซเรย์ทรวงอก
  • ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • เตรียมความสะอาดของร่างกาย โดยอาบน้ำด้วยสบู่ฆ่าเชื้อชนิดพิเศษ
  • โกนขนบริเวณที่จะทำการผ่าตัด
  • ให้สารน้ำทางหลอดเลือด
  • อาจจะต้องฟอกเลือด ขึ้นอยู่กับระดับของเสียในเลือดและน้ำหนักตัว และประเมินการฟอกเลือดครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
  • รับประทานยากดภูมิคุ้มกันชุดแรกหรือให้ยาทางหลอดเลือดดำ

ขั้นตอนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


  • วิสัญญีแพทย์จะทำการดมยาสลบแก่ผู้รับบริจาคอวัยวะ (recipient) เพื่อให้หลับขณะได้รับการผ่าตัด
  • ศัลยแพทย์จะผ่าตัดเปิดช่องท้องบริเวณท้องน้อยเหนือขาหนีบด้านใดด้านหนึ่ง
  • ศัลยแพทย์จะนำไตบริจาคมาใส่ลงในบริเวณช่องท้องของผู้รับบริจาค โดยต่อหลอดเลือดของไตใหม่เข้ากับหลอดเลือดแดงและดำของผู้ป่วย จากนั้นก็จะต่อท่อไตเข้ากับกระเพาะปัสสาวะของผู้รับบริจาค
  • การผ่าตัดปลูกถ่ายไตไม่จำเป็นต้องนำไตเดิมของผู้ป่วยออกไป เพียงแต่เป็นการผ่าตัดนำไตใหม่อีกข้างใส่ให้กับผู้ป่วย
  • ศัลยแพทย์จะใส่สายระบายของเหลวออกจากช่องท้อง สำหรับกรณีที่อาจมีเลือดหรือน้ำเหลืองส่วนเกินจะได้ไม่ตกค้างอยู่ภายในช่องท้องของผู้รับบริจาคไต
  • โดยทั่วไปการผ่าตัดปลูกถ่ายไตจะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง

การพักฟื้นหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจะต้องมีการเตรียมการและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบทั้งก่อนวันผ่าตัด ระหว่างการผ่าตัด และหลังผ่าตัดเสร็จ เพื่อประสิทธิภาพการทำงานของไตที่ดี และความสำเร็จของการรักษา


การเข้าพักในโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมง ก่อนการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


  • หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดที่หอผู้ป่วยวิกฤต ประมาณ 5 – 7 วัน เมื่อผู้ป่วยแข็งแรงขึ้น จะย้ายไปรับการดูแลต่อที่หอผู้ป่วยใน
  • เมื่อรู้สึกตัวหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะพบว่ามีสายต่าง ๆ บนร่างกาย โดยที่มีความจำเป็นต้องต่อสายเหล่านี้ไว้ต่อเนื่องประมาณ 2 – 3 วันหลังการผ่าตัด โดยสายเหล่านี้มีตำแหน่งที่อยู่และหน้าที่ ดังนี้

renal-transplant-operation-2.png
  • ระยะเวลาของการพักฟื้นหลังการผ่าตัดในแต่ละรายแตกต่างกัน จะมีการทดสอบหลายครั้งเพื่อตรวจสอบการทำงานของไตใหม่และเพื่อเตรียมความพร้อมหากมีการปฏิเสธไตเกิดขึ้น
  • มีความเป็นไปได้ที่จำเป็นต้องฟอกเลือดหลังการผ่าตัด โดยอาจต้องทำในช่วงแรกและเป็นเวลาสั้น ๆ ระหว่างรอให้ไตใหม่ทำงานปกติ เพราะไตใหม่ยังไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร ต้องใช้เวลาปรับตัวให้เข้ากับสภาพร่างกายของผู้รับบริจาคไตก่อนที่จะเริ่มต้นทำงานอีกครั้ง

การตรวจการทำงานของไตใหม่


แพทย์ที่ดูแลจะตรวจสอบการทำงานของไตใหม่ โดยการตรวจดังนี้


renal-transplant-operation-1.png

ภาวะปฏิเสธไต


ภาวะปฏิเสธไต เป็นความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนสำคัญของการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เพราะจะทำให้ไตใหม่เสียการทำงาน และอาจต้องผ่าตัดเอาไตใหม่ออก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการตรวจต่าง ๆ ที่ประเมินการปฏิเสธไต และผู้ป่วยต้องหมั่นสังเกตอาการความผิดปกติต่าง ๆ ที่เป็นสัญญาณของการปฏิเสธไต


ภาวะปฏิเสธไตคืออะไร


ภาวะปฏิเสธไต เป็นการที่ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันออกมาต่อต้านไตใหม่ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ป่วยจึงต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกันทุกวัน โดยที่ภาวะปฏิเสธไตอาจเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ หรือเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันก็ได้


โดยปกติระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีหน้าที่ตอบสนองและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ เซลล์มะเร็ง หรือสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ระบบภูมิคุ้มกันนี้นอกจากจะตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ข้างต้นแล้ว ยังทำงานต่อต้านอวัยวะใหม่ที่มีการปลูกถ่ายเข้าไปด้วย โดยร่างกายจะตอบสนองต่อไตใหม่ที่ปลูกถ่ายเสมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมชนิดหนึ่ง และจะทำให้เกิดการปฏิเสธไตตามมา ทำให้แพทย์ผู้รักษาและทีมงานปลูกถ่ายไตจะต้องป้องกันไม่ให้เกิดภาวะปฏิเสธไต โดยการให้ยากดภูมิคุ้มกันและให้ความรู้เรื่องผลข้างเคียงของยา ในขณะเดียวกันก็ต้องคงภาวะสมดุลของการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันไว้ด้วย


หากผู้ป่วยมีอาการใดอาการหนึ่งเหล่านี้ ซึ่งเป็นสัญญาณของภาวะปฏิเสธไตใหม่ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์ผู้รักษาหรือทีมงานปลูกถ่ายไตในทันที ได้แก่


  • มีไข้หรือมีอาการคล้ายเป็นหวัด
  • เหนื่อย อ่อนเพลียกว่าปกติ
  • บวมตามตัว เช่น หนังตา มือ หรือเท้า เป็นต้น
  • ปัสสาวะขุ่น ปัสสาวะแสบขัด หรือปวดเวลาขับถ่ายปัสสาวะ
  • ปริมาณปัสสาวะน้อยกว่า 1 ลิตรต่อวัน โดยที่ยังดื่มน้ำในปริมาณปกติ
  • ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้มถึงส้ม หรือมีเลือดปน

หากได้รับการรักษาทันทีที่มีสัญญาณภาวะปฏิเสธไต หรือได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะมีโอกาสที่ไตใหม่จะกลับมาทำงานได้เหมือนเดิม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจจะสายเกินไปจนไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไตต้องหมั่นสังเกตตัวเองว่าเริ่มมีสัญญาณภาวะปฏิเสธไตหรือไม่ เพื่อจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที


ภาวะปฏิเสธไตมีกี่ประเภท


ภาวะปฏิเสธไตสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ตามระยะเวลาที่เกิดขึ้น ดังนี้


  1. Hyperacute rejection คือ การปฏิเสธไตทันที อย่างร้ายแรง ส่วนใหญ่มักจะเสียไตทันที เกิดขึ้นในชั่วโมงแรก ๆ หลังเปลี่ยนไต ต้องรีบเอาไตออกทันที
  2. Acute humoral rejection และ acute cellular rejection คือ การปฏิเสธไตแบบเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นได้ใน 1 – 2 สัปดาห์แรกหลังจากปลูกถ่ายไต พบบ่อยใน 1 – 6 เดือนแรก และอาจเกิดขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดอายุการทำงานของไตใหม่ที่ปลูกถ่าย บางรายอาจเกิดขึ้น 5 – 10 ปี หลังการเปลี่ยนไต
  3. Chronic allograft nephropathy คือ การปฏิเสธไตอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป หรือหลังการปลูกถ่ายไตเป็นเวลาหลาย ๆ เดือนหรือหลาย ๆ ปี โดยไตจะค่อย ๆ เสื่อมลงอย่างช้า ๆ

ผู้ป่วยที่มีภาวะปฏิเสธไตจะต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที แพทย์จะต้องเจาะชิ้นเนื้อไต (kidney biopsy) เพื่อนำเนื้อเยื่อไตมาตรวจดูว่าเป็นการปฏิเสธไตแบบใดและรุนแรงมากน้อยเพียงใด เพื่อให้ยารักษาการปฏิเสธไตได้อย่างเหมาะสมและรวดเร็ว


ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


นอกจากภาวะปฏิเสธไตแล้ว หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไตอาจมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นได้ ดังนี้


  • การติดเชื้อต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อที่ปอด ทางเดินปัสสาวะ แผลผ่าตัด ช่องท้อง ตับ ลำไส้ สมอง หรือในกระแสเลือด เป็นต้น
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เช่น เลือดไหลที่แผลหรือช่องท้อง หลอดเลือดตีบตัน หลอดเลือดคั่ง ท่อไตตีบตันหรือรั่ว เป็นต้น
  • ภาวะแทรกซ้อนของการดมยาสลบ เช่น ภาวะปอดแฟบ ปอดอักเสบ หรือภาวะหายใจล้มเหลว เป็นต้น
  • ภาวะแทรกซ้อนด้านหัวใจ เช่น หลอดเลือดหัวใจตีบ หัวใจล้มเหลว หรือหัวใจเต้นจังหวะ เป็นต้น
  • ภาวะแทรกซ้อนในระบบทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร เลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้ ติดเชื้อในกระเพาะหรือลำไส้ เป็นต้น
  • หลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก
  • อาการกำเริบของโรคไตที่เคยเป็นในอดีต เช่น โรคไต IgA, โรคไตอักเสบที่มีโปรตีนรั่วชนิด focal segmental glomerulosclerosis (FSGS) เป็นต้น
  • การได้รับเชื้อหรือมีโรคซ่อนเร้นอื่น ๆ ที่อาจยังไม่สามารถวินิฉัยได้ชัดเจนได้ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ภาวะแทรกซ้อนส่วนใหญ่สามารถรักษาได้ แต่บางกรณีก็อาจทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตได้


การจัดการความเจ็บปวดหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


  • ในช่วง 2 – 3 วันแรกหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะรู้สึกไม่สะดวกสบายเป็นอย่างมาก จะรู้สึกปวดรอบ ๆ บริเวณแผลผ่าตัด โดยในวันแรก ๆ หลังการผ่าตัด แพทย์จะให้ยาลดปวดทางหลอดเลือดดำ
  • เมื่อผู้ป่วยสามารถรับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ แพทย์จะให้ยาแก้ปวดชนิดรับประทานแทนการให้ยาทางหลอดเลือดดำ อาการปวดจะค่อย ๆ บรรเทาลงเรื่อย ๆ
  • ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดในลักษณะของการหดเกร็งของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ เนื่องมาจากจะยังมีการคาสายสวนปัสสาวะอยู่ เพื่อตรวจสอบการทำงานของไตใหม่ ควรแจ้งให้พยาบาลทราบเมื่อเริ่มมีอาการปวดเกิดขึ้นเพื่อให้ยาลดอาการหดเกร็ง

การออกกำลังกายในช่วง 7 วันหลังผ่าตัด


  • ควรฝึกหายใจเข้าออกลึก ๆ และฝึกการไอ ภายใน 1 วันหลังการผ่าตัด วิธีนี้จะช่วยปอดขยายตัวและขจัดเสมหะซึ่งจะสะสมอยู่ระหว่างการผ่าตัดได้เป็นอย่างดี
  • วันต่อ ๆ มา ผู้ป่วยจะได้รับการช่วยเหลือให้ออกกำลังขา โดยเริ่มจากการลุกนั่งบนเก้าอี้ จากนั้นจะให้เดินในห้องและทางเดิน กิจกรรมนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยแข็งแรงและฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้เร็วขึ้น

การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต


ชีวิตของผู้ป่วยจะเปลี่ยนไปหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยจะเผชิญกับความหลากหลายทางอารมณ์เมื่อตัดสินใจเปลี่ยนไตใหม่


ทีมแพทย์ที่ดูแลจะรับฟังและให้การช่วยเหลือ ผู้ป่วยสามารถพูดคุยกับนักจิตวิทยาเกี่ยวกับสิ่งที่กังวลใจ นอกจากนี้ ผู้ป่วยอาจพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวหรือคนใกล้ชิด เนื่องจากผู้ป่วยอาจจะรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อได้ระบายหรือพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว เพื่อนสนิท หรือบุคคลที่ผู้ป่วยนับถือ เลื่อมใส และศรัทธา ที่อาจช่วยให้ได้ข้อคิดหรือประสบการณ์ที่จะช่วยให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปได้


ระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัด


หลังผ่าตัดผู้ป่วยจะต้องอยู่ในโรงพยาบาล ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์ โดยผู้ป่วยจะได้รับการทำกิจกรรมในแต่ละวัน ดังนี้


  • การตรวจเลือด
  • การตรวจร่างกายโดยทีมแพทย์
  • การชั่งน้ำหนัก
  • การวัดอุณหภูมิ
  • วัดชีพจร
  • วัดความดันเลือด
  • มีการแนะนำเรื่องการรับประทานอาหาร จากนักโภชนากร
  • มีการแนะนำเรื่องการออกกำลังกายที่เหมาะสม
  • มีการแนะนำเรื่องการพักผ่อนที่เหมาะสม

เหล่านี้ถือเป็นกิจวัตรประจำวันที่ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติ เพื่อให้ร่างกายฟื้นฟูและแข็งแรงมากขึ้นตามลำดับจนสามารถเตรียมตัวออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ


สรุป


การผ่าตัดปลูกถ่ายไตถือเป็นการผ่าตัดใหญ่ซึ่งต้องมีการเตรียมตัวและวางแผนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งในส่วนของผู้บริจาคไต ไม่ว่าจะเป็นในกรณีที่รับบริจาคไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต หรือการเตรียมไตที่ได้จากผู้ที่มีภาวะสมองตาย และในส่วนของการเตรียมตัวของผู้ที่รับบริจาคไต เพื่อให้ได้ผลการรักษาและคุณภาพชีวิตที่ดีของทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคด้วย ซึ่งต้องมีกระบวนการต่าง ๆ หลายขั้นตอน เช่น การตรวจสอบการเข้ากันได้ของเลือดและเนื้อเยื่อระหว่างผู้บริจาคและผู้รับบริจาคไตอย่างละเอียดรอบคอบ จนได้ไตที่มีความเหมาะสมกับผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังแต่ละราย การผ่าตัดโดยทีมศัลยแพทย์เฉพาะทาง เพื่อผ่าตัดนำไตออกจากผู้บริจาคที่มีชีวิตหรือผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย แล้วนำไตนั้นมาปลูกถ่ายให้กับผู้ป่วย หลังจากการผ่าตัดเสร็จผู้ป่วยจำเป็นต้องพักรักษาตัว และฟื้นฟูร่างกายในโรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจะได้รับการดูแลโดยทีมแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการปฏิเสธไต และภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่เป็นอันตราย และตรวจสอบการทำงานของไตใหม่จนมั่นใจว่าสามารถทำงานได้ดีมีประสิทธิภาพ


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)


เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. สุธานิธิ เลาวเลิศ

พญ. สุธานิธิ เลาวเลิศ

สถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital