บทความสุขภาพ
Knowledge
หลายท่านคงเคยได้ยินถึงโรคภูมิแพ้ที่ทำให้มีอาการคัดจมูกน้ำมูกไหล จากการแพ้ไรฝุ่น แพ้เกสรดอกไม้ หรือบางคนแพ้อาหาร แพ้ยา แต่นอกจากโรคภูมิแพ้ที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจ และทางเดินอาหารแล้ว อีกส่วนหนึ่งของร่างกายที่สามารถเกิดภูมิแพ้ได้เช่นกัน คือ ผิวหนัง
สมัยเด็ก ๆ บางคนคงมีบ้างที่เคยรู้สึกคัน ๆ ตามข้อพับเข่า หรือข้อพับศอก เป็น ๆ หาย ๆ บางครั้งเกาจนผิวเป็นผื่นนูนแดง เกาจนถลอกเป็นแผล หรือบางทีก็เผลอเกาอีกจนเป็นแผลติดเชื้อ ขึ้นตุ่มหนอง บางคนอาจเรียกว่า “น้ำเหลืองไม่ดี” และเมื่อแผลหายก็อาจกลายเป็นรอยคล้ำที่ผิว ทำให้ผิวไม่เนียนสวย แต่ทราบหรือไม่ว่า อาการโรคผิวหนังที่กล่าวมานี้คือ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ผิวหนังหรือที่เรียกว่า atopic dermatitis หรือ eczema เป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่งที่เกิดที่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบเรื้อรังเป็น ๆ หาย ๆ โดยโรคภูมิแพ้ผิวหนังมีการเรียกกันในภาษาไทยอยู่หลายชื่อ เช่น โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ โรคผิวหนังอักเสบไวเกิน โรคผิวไว ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนหมายถึงโรคเดียวกัน คือ โรคภูมิแพ้ผิวหนัง
โรคภูมิแพ้ผิวหนังพบได้บ่อยที่สุดในเด็ก เป็นโรคที่ไม่ใช่โรคติดต่อ อยู่ในกลุ่มโรคภูมิแพ้ หรือร่างกายไวต่อสารก่อภูมิแพ้ สามารถถ่ายทอดได้ทางพันธุกรรม ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมีความไวและตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่มากเกินปกติ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ผิวหนังจึงมักมีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้อย่างอื่นร่วมด้วย เช่น โรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้หรือโรคไข้ละอองฟาง
ภูมิแพ้ผิวหนังเกิดได้จากทั้งปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก ดังนี้
โรคภูมิแพ้ผิวหนังโดยทั่วไปจะทำให้มีอาการคัน ผิวแห้ง มีผิวหนังอักเสบเป็นผื่นแดง แต่จะมีลักษณะเฉพาะและบริเวณของร่างกายที่ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไปในแต่ละช่วงอายุ ดังต่อไปนี้
ภูมิแพ้ผิวหนังเป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบมากในเด็ก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการครั้งแรกตั้งแต่วัยทารกก่อนจะอายุครบ 1 ปี หรืออาจเริ่มเป็นในช่วงวัยอนุบาล แต่อาการของโรคจะเป็น ๆ หาย ๆ มีระยะเวลาที่โรคสงบทิ้งช่วง สลับกับอาการกำเริบขึ้นมาเป็นพัก ๆ โดยอาการมักจะดีขึ้นจนเหมือนหายไปได้เองในช่วงก่อนวัยรุ่น อย่างไรก็ตามจะยังมีผู้ป่วยส่วนน้อยที่จะยังคงมีอาการจนถึงวัยผู้ใหญ่ หรืออาจจะกำเริบขึ้นได้หากมีปัจจัยกระตุ้น ด้วยลักษณะการดำเนินโรคเช่นนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองก็อาจจะพอเบาใจได้ว่าอาการป่วยของลูกจะดีขึ้นได้เมื่อโตขึ้น ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลจนเกินไป หากมีปัญหาอาการคันควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาและข้อแนะนำที่ถูกต้อง
หากภูมิแพ้ผิวหนังมีอาการรุนแรงหรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น คันจนนอนไม่หลับ คันจนต้องเกาตลอดเวลา เสียบุคลิกภาพ ผิวหนังบวมแดงมากจนเจ็บ มีขึ้นตุ่มหนอง ผิวหลุดลอก น้ำเหลืองไหล ควรรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องซึ่งจะช่วยบรรเทาอาการก่อนที่จะเป็นรอยแผลเป็นหรือรอยดำซึ่งจะเป็นผลเสียในระยะยาว
โรคภูมิแพ้ผิวหนังสามารถวินิจฉัยได้จาก
เนื่องจากภูมิแพ้ผิวหนังเกิดจากปัจจัยภายในคือพันธุกรรมของตัวผู้ป่วยเอง การรักษาส่วนใหญ่จึงเป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการและป้องกันไม่ให้อาการคันลุกลาม เกิดการถลอก ติดเชื้อ หรือเกิดรอยแผลเป็นตามมาได้ และรวมไปถึงการควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้ภูมิแพ้ผิวหนังกำเริบหรืออาการแย่ลง เช่น
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ต้องทำอย่างต่อเนื่องและเป็นระยะยาว ดังนั้นในเด็ก ผู้ปกครองจึงควรหมั่นดูแล และสังเกตอาการของโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เพื่อป้องการอาการกำเริบ และการติดเชื้อแทรกซ้อน
ภูมิแพ้ผิวหนัง แม้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดแต่สามารถบรรเทาอาการและจัดการควบคุมโรคให้สงบจนไม่มีอาการได้ ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจธรรมชาติของโรค การหลีกเลี่ยง และป้องการปัจจัยกระตุ้นอาการต่าง ๆ ซึ่งหากมีอาการกำเริบก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital