Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

หัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณเตือนที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 10 พฤษภาคม 2024
หัวใจเต้นผิดจังหวะ

หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญและทำงานหนักตลอดเวลา โดยเฉลี่ยแล้วหัวใจต้องเต้นเฉลี่ยวันละประมาณ 100,000 ครั้ง ปัจจุบันโรคหัวใจเป็นโรคที่ใกล้เราตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เราคงเคยได้ยินข่าวการเสียชีวิตของคนใกล้ตัวหรือคนที่รู้จักด้วยสาเหตุจากโรคหัวใจ หรือกรณีการหมดสติของนักกีฬาในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งมีสาเหตุจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (cardiac arrhythmia) ถือว่าเป็นโรคหัวใจแบบหนึ่ง ที่มีการกล่าวถึงอย่างมากในปัจจุบันภาวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะนั้น ส่งผลให้เกิดการบีบตัวของหัวใจที่ผิดปกติตามมา หากรุนแรงและปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง

สารบัญ

  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ คืออะไร?
  • สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการอย่างไร?
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายแค่ไหน?
  • การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • การป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
  • สรุป

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ คืออะไร?

ในขณะที่เรากำลังพัก หัวใจจะเต้น 60 – 100 ครั้ง/นาที และมีจังหวะสม่ำเสมอ โดยในภาวะปกติ หัวใจอาจเต้นเร็วกว่า 100 ครั้ง/นาทีได้ เช่น ตอนออกกำลังกาย ตอนตื่นเต้น ตกใจ และอาจเต้นช้ากว่า 60 ครั้ง/นาที ในขณะที่เรากำลังนอนหลับ นั่งสมาธิ เป็นต้น 

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (cardiac arrhythmia) คือ ภาวะที่หัวใจเต้นผิดไปจากปกติ (ปกติคือ 60 – 100 ครั้ง/นาที) แบ่งได้เป็น

  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบช้า คือ อัตราเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที
  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบเร็ว คือ อัตราเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาที
  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบไม่สม่ำเสมอ คือจังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอ มีการหยุด สะดุด หรืออาจเต้นเร็วสลับช้า

> กลับสู่สารบัญ

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการอย่างไร ?

  • ใจสั่น
  • อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
  • อาจมีเจ็บแน่นหน้าอก
  • หอบ หายใจเร็ว
  • อาจมี วูบ หน้ามืด หมดสติ

> กลับสู่สารบัญ

สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ

สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัว และความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละคน สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่

  • โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
  • โรคไทรอยด์เป็นพิษ 
  • ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea; OSA) ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย (electrolyte imbalance)
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ยาลดน้ำหนักที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน
  • ยาเสพติดที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน
  • พันธุกรรม
  • ความเครียด

> กลับสู่สารบัญ

หัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายแค่ไหน ?

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีทั้งแบบรุนแรง และแบบไม่รุนแรง

  • หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตแบบทันทีทันใดได้ โดยจะมักพบในผู้ป่วยที่มีโรคทางหัวใจอยู่เดิม ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไม่รุนแรง แบบนี้อาจจะไม่อันตรายถึงชีวิดแต่ก็จะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อาจมีใจสั่นหรือเป็นลมหมดสติในขณะทำงาน หรือในขณะขับรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือในผู้ป่วยบางคนอาจมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคอัมพฤกษ์อัมพาต 

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่รักษา จะทำให้เกิดภาวะหัวใจวายตามมาได้ ดังนั้นหากสงสัยว่ามีอาการของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป

> กลับสู่สารบัญ

การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • การซักประวัติ เช่น ประวัติโรคประจำตัว การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด ยาลดน้ำหนัก การดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram; EKG) ขณะที่มีอาการ
  • การติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบต่อเนื่อง (holter monitoring) เพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจต่อเนื่องเป็นเวลา 1 – 2 วัน เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการบ่อย เกือบทุกวัน แต่ครั้งละสั้น ๆ
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test; EST) เพื่อประเมินการเต้นผิดจังหวะของหัวใจขณะออกกำลังกาย
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram) เพื่อประเมินโครงสร้าง และการทำงานของหัวใจที่อาจสัมพันธ์กับการเต้นผิดจังหวะ
  • การตรวจระบบไฟฟ้าภายในหัวใจ (cardiac electrophysiology study) โดยแพทย์จะใส่สายตรวจสวนหัวใจเข้าไปตรวจเช็กวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติในหัวใจ ซึ่งจะทำในห้องตรวจสวนหัวใจ ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจพบภาวะหัวใจเต้นผิดปกติจากการตรวจที่กล่าวไปข้างต้น

> กลับสู่สารบัญ

การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

การรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะจะแตกต่างกันตามแต่ละประเภท และความรุนแรงของโรค  ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้ผู้ป่วย แนวทางการรักษา ได้แก่

  • การให้ยาควบคุมจังหวะของหัวใจ
  • การใช้ไฟฟ้ากระตุกหัวใจเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ
  • การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) เพื่อกระตุ้นให้หัวใจทำงานตามจังหวะที่กำหนดไว้
  • การจี้ทำลายวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (ablation therapy) โดยแพทย์จะใช้สายตรวจสวนหัวใจเข้าไปจี้ทำลายวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติ มักจะทำร่วมกับการตรวจระบบไฟฟ้าภายในหัวใจ (cardiac electrophysiology study) ที่กล่าวไปข้างต้น
  • การใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (automated implantable cardioverter-defibrillator; AICD) เป็นอุปกรณ์ที่จะฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก โดยเครื่องนี้จะตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าหัวใจตลอดเวลา และจะปล่อยไฟฟ้ากระตุกหัวใจทันทีที่มีหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะชนิดอันตราย เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ และเครื่องนี้ยังสามารถทำงานกระตุ้นหัวใจ ในกรณีที่หัวใจเต้นช้ากว่าปกติได้ด้วย

> กลับสู่สารบัญ

การป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นหัวใจ เช่น ชา กาแฟ (ที่มากเกินไป) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
  • ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคทางหัวใจและหลอดเลือด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ
  • หากมีโรคประจำตัว ควรติดตามการรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นโรคหัวใจแบบหนึ่งซึ่งหากเป็นชนิดที่รุนแรงอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้ และแม้ว่าชนิดแบบไม่รุนแรงอาจไม่ได้ทำให้เสียชีวิตแบบฉับพลัน แต่ก็มีผลกระทบต่อการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ 

ดังนั้นหากสงสัยหรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น ภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลวตามมาภายหลัง

คลิกดูแพ็กเกจที่เกี่ยวข้องที่นี่

แพ็กเกจตรวจสมรรถภาพร่างกาย ระบบหัวใจ และปอด (9 Healthy Heart: VO2 MAX)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจพร้อมตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงหัวใจ (9 Healthy Heart: CAC)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจและทดสอบสมรรถภาพหัวใจโดยการวิ่งสายพาน (9 Healthy Heart: EST)

รายละเอียด

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

รายละเอียด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

สนใจนัดหมาย

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

 

ศูนย์แพทย์

บทความอื่นๆ

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา