Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 9 พฤษภาคม 2025
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว (Heart Failure) เป็นภาวะที่หลายคนอาจยังไม่เข้าใจถึงความรุนแรง และมักมองข้ามสัญญาณเตือนสำคัญที่อาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหัวใจ ภาวะนี้เกิดขึ้นเมื่อหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้อย่างเพียงพอ ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานผิดปกติ หากไม่เฝ้าระวังและรักษาอย่างถูกต้อง จะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างรุนแรง

บทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ สาเหตุ การวินิจฉัย และการรักษาหัวใจล้มเหลว เพื่อช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและดูแลสุขภาพหัวใจได้อย่างถูกต้อง

สารบัญบทความ

  • หัวใจล้มเหลวคืออะไร?
  • หัวใจล้มเหลวแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?
  • หัวใจล้มเหลว มีอาการอย่างไร?
  • สาเหตุของหัวใจล้มเหลว
  • หัวใจล้มเหลววินิจฉัยอย่างไร?
  • การรักษาหัวใจล้มเหลว
  • การป้องกันหัวใจล้มเหลว
  • สรุป

หัวใจล้มเหลวคืออะไร?

หัวใจล้มเหลว (Heart Failure) เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ ภาวะนี้อาจเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือสูญเสียความสามารถในการทำงานตามปกติ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทั้งในขณะที่หัวใจบีบตัว (systolic heart failure) หรือหัวใจคลายตัว (diastolic heart failure)

หัวใจล้มเหลวแบ่งออกเป็นกี่ประเภท?

  • หัวใจล้มเหลวด้านซ้าย (Left-sided Heart Failure)เกิดจากการที่หัวใจห้องล่างซ้ายไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้เพียงพอ ทำให้เลือดคั่งในปอด ผู้ป่วยจะมีอาการหายใจลำบาก น้ำท่วมปอด
  • หัวใจล้มเหลวด้านขวา (Right-sided Heart Failure):เกิดจากการที่หัวใจห้องล่างขวาไม่สามารถส่งเลือดไปปอดได้เพียงพอ ส่งผลให้เกิดการคั่งของเลือดในส่วนล่างของร่างกาย เช่น ขาและหน้าท้อง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการขาบวม ท้องบวม
  • หัวใจล้มเหลวทั้งสองด้าน (Biventricular Heart Failure):เกิดจากการที่หัวใจทั้งสองด้านสูบฉีดเลือดผิดปกติ ทำให้มีน้ำคั่งทั่วร่างกาย 

หัวใจล้มเหลว มีอาการอย่างไร?

อาการของหัวใจล้มเหลวเกิดจากการที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายได้เพียงพอ ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบไหลเวียนโลหิตและการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ โดยอาการที่พบได้บ่อยของหัวใจล้มเหลว ได้แก่

  1. เหนื่อยง่ายผิดปกติ
    • รู้สึกเหนื่อยง่ายขึ้นหรือเหนื่อยมากกว่าปกติขณะทำกิจกรรมที่เคยทำได้ เช่น เดินขึ้นบันได หรือออกกำลังกายเบา ๆ
  2. หายใจลำบาก
    • รู้สึกหายใจไม่อิ่ม โดยเฉพาะเมื่อออกแรงหรือเมื่อนอนราบ
    • อาจตื่นกลางดึกด้วยอาการหายใจติดขัด (Paroxysmal Nocturnal Dyspnea)
  3. บวมตามร่างกาย
    • ข้อเท้าและขาบวมเนื่องจากการคั่งของของเหลวในร่างกาย
    • หน้าท้องบวมจากการคั่งน้ำในช่องท้อง
  4. น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • ซึ่งเกิดจากการสะสมของของเหลวในร่างกาย โดยไม่มีการเพิ่มของไขมันหรือกล้ามเนื้อ
  5. ใจสั่นหรือหัวใจเต้นผิดปกติ
    • รู้สึกหัวใจเต้นเร็วหรือแรงผิดปกติ บางครั้งอาจเต้นไม่สม่ำเสมอ
  6. อ่อนเพลียและไม่มีแรง
    • เนื่องจากเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อไม่เพียงพอ
  7. เบื่ออาหารและคลื่นไส้
    • การคั่งของของเหลวในช่องท้องอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ

สาเหตุของหัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลวเกิดจากหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้ 

จากโรคหัวใจโดยตรง

  • โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease): หลอดเลือดหัวใจที่อุดตันทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ส่งผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดได้ไม่เต็มที่
  • โรคกล้ามเนื้อหัวใจผิดปกติ (Cardiomyopathy): กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรงหรือหนาผิดปกติ อาจเกิดจากพันธุกรรม การติดเชื้อ หรือการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • โรคลิ้นหัวใจผิดปกติ (Valvular Heart Disease): ลิ้นหัวใจตีบหรือรั่วทำให้เลือดไหลย้อนกลับ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia): หัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ ซึ่งทำให้การทำงานของหัวใจผิดปกติ

โรคหรือภาวะอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อหัวใจ

  • ความดันโลหิตสูง (Hypertension): ความดันโลหิตสูงทำให้หัวใจต้องทำงานหนักเพื่อสูบฉีดเลือด ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจหนาขึ้นและการทำงานของหัวใจแย่ลง
  • โรคเบาหวาน (Diabetes): ระดับน้ำตาลในเลือดสูงส่งผลต่อหลอดเลือดและหัวใจ โดยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจล้มเหลว
  • โรคปอดเรื้อรัง (Chronic Lung Diseases): เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ทำให้การไหลเวียนเลือดระหว่างหัวใจและปอดผิดปกติ
  • โรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease): การทำงานผิดปกติของไตทำให้ของเหลวคั่งในร่างกายเพิ่มภาระให้หัวใจ

พฤติกรรมและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ

  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำให้หลอดเลือดอักเสบ ทำให้หลอดเลือดหัวใจตีบ ลดการไหลเวียนเลือดไปยังหัวใจ ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักขึ้น
  • การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป: แอลกอฮอล์ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแอ (Alcoholic Cardiomyopathy) และส่งผลต่อการทำงานของหัวใจ
  • การใช้สารเสพติด: สารเสพติดส่งผลของการทำงานของหัวใจ และทำให้เกิดปัญหาการไหลเวียนเลือด
  • ความเครียดเรื้อรัง: ความเครียดมีผลต่อระบบประสาทและฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ

หัวใจล้มเหลววินิจฉัยอย่างไร?

การวินิจฉัยหัวใจล้มเหลวต้องอาศัยการประเมินอาการจากผู้ป่วย การตรวจร่างกาย และการทดสอบต่าง ๆ เช่น

  • ประเมินอาการและประวัติการเจ็บป่วย: โดยผู้ป่วยมักมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม หรืออาการผิดปกติที่หัวใจ เช่น เจ็บหน้าอก
  • การตรวจร่างกาย: การฟังเสียงหัวใจเพื่อหาสัญญาณผิดปกติ เช่น เสียงน้ำในปอด หรือตรวจหาอาการบวมตามแขนขา 
  • การตรวจเลือด: เช่น การตรวจระดับ BNP หรือ N-terminal proBNP ที่สูงสามารถบ่งบอกถึงภาวะหัวใจล้มเหลวได้
  • เอกซเรย์ปอด: เพื่อดูน้ำในปอดหรือขนาดหัวใจที่ขยายใหญ่ 
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG): เพื่อหาความผิดปกติในการเต้นของหัวใจ
  • การตรวจอัลตราซาวด์หัวใจ (Echocardiogram): เป็นการตรวจที่สำคัญในการประเมินการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและลิ้นหัวใจ รวมถึงการไหลเวียนของเลือด
  • การตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติม: ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาให้ตรวจ MRI หรือ CT Scan เพื่อภาพที่หัวใจและหลอดเลือดชัดเจนมากขึ้น หรืออาจพิจารณาให้ตรวจสมรรถภาพการออกกำลังกายเพื่อประเมินดูระดับความรุนแรงของโรค

การรักษาหัวใจล้มเหลว

การรักษาหัวใจล้มเหลวจะเน้นการควบคุมอาการ ลดภาระการทำงานของหัวใจ และรักษาสาเหตุของโรค วิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสภาพของผู้ป่วย ซึ่งแนวทางการรักษามีดังนี้

  • การใช้ยา เช่น
    • ยาขับปัสสาวะ (Diuretics): เพื่อลดภาวะน้ำคั่งในร่างกายและลดอาการบวม
    • ยาควบคุมความดันโลหิต (ACE inhibitors, ARB, Beta-blockers): ช่วยลดความดันโลหิตและลดภาระการทำงานของหัวใจ
    • ยารักษาการเต้นผิดจังหวะ (Anti-arrhythmic drugs): ใช้เพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ
    • ยาลดภาระการทำงานของหัวใจ (Aldosterone antagonists): ช่วยลดการกักเก็บน้ำและเกลือในร่างกาย

อย่างไรก็ตามการใช้ยาในผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ดังนั้นผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวไม่ควรปรับยาเอง

  • การปรับพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต:
    • ควบคุมอาหาร: ลดการบริโภคเกลือและไขมันสูง ซึ่งช่วยลดภาระของหัวใจ
    • การออกกำลังกาย: ออกกำลังกายเบา ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อเพิ่มสมรรถภาพร่างกาย
    • การเลิกสูบบุหรี่และการดื่มแอลกอฮอล์: การหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลวที่รุนแรงขึ้น
  • การใช้เครื่องช่วยการทำงานของหัวใจ เช่น
    • เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker): ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นช้า
    • เครื่องกระตุ้นหัวใจ (CRT): ช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจบีบตัวประสานกันดีขึ้น
    • เครื่องช่วยการทำงานของหัวใจ (ICD): สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง หรือหัวใจหยุดเต้น
    • หัวใจเทียม (VADs): ใช้ในกรณีที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้เพียงพอ 
  • การผ่าตัดและปลูกถ่ายหัวใจ
    • การผ่าตัดลิ้นหัวใจ: ใช้ในกรณีที่มีภาวะลิ้นหัวใจรั่วหรือลิ้นหัวใจตีบ
    • การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (CABG): ใช้ในผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดหัวใจตีบ
    • การปลูกถ่ายหัวใจ (Heart Transplantation): ใช้ในกรณีที่หัวใจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติและไม่ได้ผลจากการรักษาอื่น ๆ

การรักษาหัวใจล้มเหลวจำเป็นต้องมีการประเมินและการจัดการอย่างรอบคอบ เพื่อให้เหมาะสมกับความรุนแรงของโรคและสภาพของผู้ป่วย เพื่อให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น และลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ 

การป้องกันหัวใจล้มเหลว

การป้องกันหัวใจล้มเหลวสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคและส่งเสริมสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง ซึ่งสามารถทำได้โดย

  • ดูแลสุขภาพหัวใจ
    • ควบคุมความดันโลหิตและระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    • รักษาระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    • เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ส่งผลเสียต่อหัวใจและหลอดเลือด
    • ลดการบริโภคแอลกอฮอล์หรือดื่มในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์
  • ปรับปรุงการรับประทานอาหาร
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีโซเดียม (เกลือ) สูง
    • เพิ่มการบริโภคผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนไขมันต่ำ
  • การออกกำลังกาย
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็วหรือว่ายน้ำ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำ
    • ตรวจหัวใจและตรวจสุขภาพทั่วไปตามคำแนะนำของแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
  • จัดการความเครียด
    • ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิหรือโยคะ เพื่อควบคุมความดันโลหิตและส่งเสริมสุขภาพหัวใจ

สรุป

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และเบาหวาน การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรงได้

การป้องกันหัวใจล้มเหลวทำได้โดยปรับพฤติกรรมสุขภาพ เช่น ควบคุมอาหาร ลดเกลือ ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และเลิกสูบบุหรี่ หากคุณมีความเสี่ยงหรือสงสัยว่ามีอาการที่อาจเกี่ยวข้องกับภาวะนี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการดูแลที่เหมาะสม และเป็นการส่งเสริมสุขภาพหัวใจและคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง

  • แพ็กเกจตรวจคัดกรองอาการใจสั่น พร้อมติดเครื่อง Holter Monitoring
  • แพ็กเกจตรวจคัดกรองอาการใจสั่น พร้อมติดเครื่อง EVENT Recorder
  • โปรแกรมตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจโดยการวิ่งสายพาน (Exercise Stress Test)
  • โปรแกรมตรวจคัดกรองหลอดเลือดหัวใจและตรวจสมรรถภาพการทำงานของหัวใจ (Calcium Score & Exercise Stress Test)
  • โปรแกรมตรวจสุขภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อน (Echocardiogram)
  • โปรแกรมตรวจแคลเซียมในหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Calcium Score)
  • แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

บทความล่าสุด

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

 

ศูนย์แพทย์

สถาบันหัวใจและหลอดเลือด_1-1

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา