บทความสุขภาพ

Knowledge

หัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณเตือนที่อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวาย

หัวใจเป็นอวัยวะที่สำคัญและทำงานหนักตลอดเวลา โดยเฉลี่ยแล้วหัวใจต้องเต้นเฉลี่ยวันละประมาณ 100,000 ครั้ง ปัจจุบันโรคหัวใจเป็นโรคที่ใกล้เราตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เราคงเคยได้ยินข่าวการเสียชีวิตของคนใกล้ตัวหรือคนที่รู้จักด้วยสาเหตุจากโรคหัวใจ หรือกรณีการหมดสติของนักกีฬาในระหว่างการแข่งขัน ซึ่งมีสาเหตุจากหัวใจเต้นผิดจังหวะ


ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (cardiac arrhythmia) ถือว่าเป็นโรคหัวใจแบบหนึ่ง ที่มีการกล่าวถึงอย่างมากในปัจจุบันภาวะหัวใจที่เต้นผิดจังหวะนั้น ส่งผลให้เกิดการบีบตัวของหัวใจที่ผิดปกติตามมา หากรุนแรงและปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้ ดังนั้นการดูแลสุขภาพหัวใจจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง


โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ คืออะไร?


ในขณะที่เรากำลังพัก หัวใจจะเต้น 60 – 100 ครั้ง/นาที และมีจังหวะสม่ำเสมอ โดยในภาวะปกติ หัวใจอาจเต้นเร็วกว่า 100 ครั้ง/นาทีได้ เช่น ตอนออกกำลังกาย ตอนตื่นเต้น ตกใจ และอาจเต้นช้ากว่า 60 ครั้ง/นาที ในขณะที่เรากำลังนอนหลับ นั่งสมาธิ เป็นต้น


โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ (cardiac arrhythmia) คือ ภาวะที่หัวใจเต้นผิดไปจากปกติ (ปกติคือ 60 – 100 ครั้ง/นาที) แบ่งได้เป็น


  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบช้า คือ อัตราเต้นของหัวใจน้อยกว่า 60 ครั้ง/นาที
  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบเร็ว คือ อัตราเต้นของหัวใจมากกว่า 100 ครั้ง/นาที
  • หัวใจเต้นผิดปกติแบบไม่สม่ำเสมอ คือจังหวะการเต้นไม่สม่ำเสมอ มีการหยุด สะดุด หรืออาจเต้นเร็วสลับช้า

โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ มีอาการอย่างไร ?



สาเหตุของหัวใจเต้นผิดจังหวะ


สาเหตุของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจะแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับโรคประจำตัว และความเสี่ยงของผู้ป่วยแต่ละคน สาเหตุสำคัญของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่


  • โรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด โรคลิ้นหัวใจตีบหรือรั่ว
  • โรคไทรอยด์เป็นพิษ
  • ภาวะนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ (obstructive sleep apnea; OSA) ภาวะไม่สมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย (electrolyte imbalance)
  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มชูกำลัง
  • การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ยาบางชนิด เช่น ยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของซูโดอีเฟดรีน ยาลดน้ำหนักที่มีส่วนผสมของไซบูทรามีน
  • ยาเสพติดที่มีส่วนประกอบของแอมเฟตามีน
  • พันธุกรรม
  • ความเครียด

หัวใจเต้นผิดจังหวะ อันตรายแค่ไหน ?


โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะมีทั้งแบบรุนแรง และแบบไม่รุนแรง


  • หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบรุนแรง อาจทำให้เสียชีวิตแบบทันทีทันใดได้ โดยจะมักพบในผู้ป่วยที่มีโรคทางหัวใจอยู่เดิม ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มนี้ต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะแบบไม่รุนแรง แบบนี้อาจจะไม่อันตรายถึงชีวิดแต่ก็จะมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น อาจมีใจสั่นหรือเป็นลมหมดสติในขณะทำงาน หรือในขณะขับรถ ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ หรือในผู้ป่วยบางคนอาจมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในหัวใจซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคอัมพฤกษ์อัมพาต

ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนี้หากปล่อยไว้ ไม่รักษา จะทำให้เกิดภาวะหัวใจวายตามมาได้ ดังนั้นหากสงสัยว่ามีอาการของโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป


การวินิจฉัยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ


  • การซักประวัติ เช่น ประวัติโรคประจำตัว การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด ยาลดน้ำหนัก การดื่มชา กาแฟ หรือน้ำอัดลม
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (electrocardiogram; EKG) ขณะที่มีอาการ
  • การติดเครื่องบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบต่อเนื่อง (holter monitoring) เพื่อบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจต่อเนื่องเป็นเวลา 1 – 2 วัน เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการบ่อย เกือบทุกวัน แต่ครั้งละสั้น ๆ
  • การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (exercise stress test; EST) เพื่อประเมินการเต้นผิดจังหวะของหัวใจขณะออกกำลังกาย
  • การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram) เพื่อประเมินโครงสร้าง และการทำงานของหัวใจที่อาจสัมพันธ์กับการเต้นผิดจังหวะ
  • การตรวจระบบไฟฟ้าภายในหัวใจ (cardiac electrophysiology study) โดยแพทย์จะใส่สายตรวจสวนหัวใจเข้าไปตรวจเช็กวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติในหัวใจ ซึ่งจะทำในห้องตรวจสวนหัวใจ ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจพบภาวะหัวใจเต้นผิดปกติจากการตรวจที่กล่าวไปข้างต้น

การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ


การรักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะจะแตกต่างกันตามแต่ละประเภท และความรุนแรงของโรค ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ จะพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมที่สุดให้ผู้ป่วย แนวทางการรักษา ได้แก่


  • การให้ยาควบคุมจังหวะของหัวใจ
  • การใช้ไฟฟ้ากระตุกหัวใจเพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นเป็นจังหวะปกติ
  • การใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) เพื่อกระตุ้นให้หัวใจทำงานตามจังหวะที่กำหนดไว้
  • การจี้ทำลายวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (ablation therapy) โดยแพทย์จะใช้สายตรวจสวนหัวใจเข้าไปจี้ทำลายวงจรไฟฟ้าที่ผิดปกติ มักจะทำร่วมกับการตรวจระบบไฟฟ้าภายในหัวใจ (cardiac electrophysiology study) ที่กล่าวไปข้างต้น
  • การใส่เครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจอัตโนมัติ (automated implantable cardioverter-defibrillator; AICD) เป็นอุปกรณ์ที่จะฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอก โดยเครื่องนี้จะตรวจจับสัญญาณไฟฟ้าหัวใจตลอดเวลา และจะปล่อยไฟฟ้ากระตุกหัวใจทันทีที่มีหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะชนิดอันตราย เพื่อให้หัวใจกลับมาเต้นในจังหวะปกติ และเครื่องนี้ยังสามารถทำงานกระตุ้นหัวใจ ในกรณีที่หัวใจเต้นช้ากว่าปกติได้ด้วย

การป้องกันโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ


  • ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นหัวใจ เช่น ชา กาแฟ (ที่มากเกินไป) และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ สม่ำเสมอ
  • ลดปัจจัยเสี่ยงของโรคทางหัวใจและหลอดเลือด
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ
  • หากมีโรคประจำตัว ควรติดตามการรักษากับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ

สรุป


หัวใจเต้นผิดจังหวะเป็นโรคหัวใจแบบหนึ่งซึ่งหากเป็นชนิดที่รุนแรงอาจทำให้เกิดการเสียชีวิตอย่างฉับพลันได้ และแม้ว่าชนิดแบบไม่รุนแรงอาจไม่ได้ทำให้เสียชีวิตแบบฉับพลัน แต่ก็มีผลกระทบต่อการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน และเป็นสาเหตุของโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้


ดังนั้นหากสงสัยหรือมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม และป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย เช่น ภาวะหัวใจวาย หรือหัวใจล้มเหลวตามมาภายหลัง


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (3)

ดูทั้งหมด

แพ็กเกจตรวจสมรรถภาพร่างกาย ระบบหัวใจ และปอด (9 Healthy Heart: VO2 MAX)

แพ็กเกจตรวจสมรรถภาพร่างกาย ระบบหัวใจ และปอด (9 Healthy Heart: VO2 MAX)

แพ็กเกจตรวจสมรรถภาพร่างกาย ระบบหัวใจ และปอด (9 Healthy Heart: VO2 MAX)

฿ 9,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจพร้อมตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงหัวใจ (9 Healthy Heart: CAC)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจพร้อมตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงหัวใจ (9 Healthy Heart: CAC)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพหัวใจพร้อมตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดแดงหัวใจ (9 Healthy Heart: CAC)

฿ 8,900

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

฿ 4,500

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital