Skip to content
  • EN
    • TH
    • CN
    • AR
  • EN
    • TH
    • CN
    • AR
  • About Us
  • Medical Center
  • Doctors
  • Room
  • Health Guru
    • Knowledge
    • Doctor’s Health Insights
  • Package
  • Contact Us
Menu
  • About Us
  • Medical Center
  • Doctors
  • Room
  • Health Guru
    • Knowledge
    • Doctor’s Health Insights
  • Package
  • Contact Us

Day: May 12, 2019

ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสซิกา

ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้ซิกา Zika virus disease ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ความรู้ทั่วไป – เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika Virus-ZIKV) เมื่อปี พ.ศ. 2490 ในป่าซิกา ประเทศยูกันดา – มียุงลายเป็นพาหะนำโรค – ช่วงปี พ.ศ. 2556 – 2558 พบรายงานการระบาดของโรคไข้ซิกาในประเทศบราซิล เฟรนช์โปลินีเซีย เอลซัลวาดอร์ เวเนซุเอลา และซูรินาม  ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิดในทารกแรกเกิด  และอาการอักเสบของเส้นประสาท GBS (Guillain – Barre Syndrome) ในดินแดนที่มีการระบาด สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา (ณ วันที่ 31 ส.ค.2559) ที่มา: องค์การอนามัยโลก ระยะฟักตัว – มีระยะฟักตัว 4 – 7 วัน อาการและอาการแสดง – มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นแดงแบบ maculopapular ที่บริเวณลำตัว  แขนขา  เยื่อบุตาอักเสบตาแดง (แต่ไม่มีขี้ตา) ปวดข้อ  อ่อนเพลีย  อาจจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต  และอุจจาระร่วงการดูแลรักษา – ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน หรือยารักษาเฉพาะ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาได้โดยปฏิบัติ ดังนี้การป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไว้รัสซิกา

Read More »

กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น

กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น ความเสื่อมของกลุ่มเนื้อเยื่อกระดูกและข้อ อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วัย 30 ปีต้นๆ แต่กว่าจะปรากฏอาการก็ต้องใช้เวลาอีกระยะ เราจะนิยามเป็นโรคก็ต่อเมื่ออาการเกิดขึ้น เมื่อกระบวนการเสริมสร้างซ่อมแซมน้อยกว่ากระบวนการทำลาย อาการเริ่มแรกของข้อเสื่อมคืออาการข้อฝืดหรือติดขัด ในระยะหลังๆ จึงมีอาการปวดและบวมผิดรูป ส่วนในการเสื่อมของกระดูกบางเนื่องจากมวลกระดูกลดลงเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีอาการ แต่จะแสดงอาการเมื่อกระดูกหักเอง หรือหักง่ายในวัยชรา อาการปวดกระดูกและข้อ อาจจะเกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่สะสมเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากการสะสมความเครียด และการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง พบบ่อยในผู้ที่ทำงานออฟฟิศและไม่ดูแลตัวเอง ถือเป็นส่วนสำคัญของโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)  สาเหตุการเกิดโรค ในส่วนของเนื้อกระดูก เกิดจาภาวะขาดสมดุลของแคลเซียมทีละน้อยเป็นเวลานาน ปัจจัยที่ทำให้เกิดมากขึ้นได้แก่ ภาวะเป็นกรด เช่น การดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ สูบบุหรี่ และรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีโซเดียมมากเกินไป ส่วนที่ข้อนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสื่อมมากขึ้นได้แก่ การใช้งานหนักเกินไป การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่ใช้ข้อมากๆ ปัจจัยสำคัญที่แก้ไขไม่ได้คือพันธุกรรม สาเหตุการเกิดโรค สาเหตุการเกิดโรคในส่วนของกระดูกจะเกิดจากภาวะการสูญเสียแคลเซียม ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายมีภาวะเป็นกรดมากไป เช่น การดื่มน้ำอัลม ชา กาแฟ ชอบทานเนื้อสัตว์ ทานโซเดียมมากไป และสูบบุหรี่ ส่วนอาการที่ข้อนั้นอาการเสื่อมจะเกิดขึ้นจากที่ใช้งานหนัก เช่น การเล่นกีฬาที่ใช้ข้อมากๆ ใช้ข้อส่วนหนึ่งส่วนใดมากเกินไป และขาดการดูแล ข้อบ่งชี้การเกิดโรค อาการเสื่อมของข้อ สังเกตง่ายๆ จากอาการฝืดของส่วนๆ นั้น เมื่ออยู่ในอิริยาบถเดียวนานๆ พอเปลี่ยนอิริยาบถแล้ว จะต้องอยู่นิ่งๆ สักพักก่อนจะเคลื่อนไหวได้ เช่น นั่งนานๆ แล้วเมื่อจะยืนตรงจะทำในทันทีไม่ได้ ต้องค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ในบางรายที่เป็นมากจะเริ่มมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ทางการแพทย์เรียกว่า Stiffness หรืออาการข้อฝืด ซึ่งเกิดจากการที่น้ำหล่อลื่นในข้อเสื่อมคุณภาพ ส่วนอาการกระดูกบางนั้น ไม่มีอาการบ่งชี้ ต้องใช้การตรวจของแพทย์เท่านั้น การดูแลป้องกัน พลเอก นพ.สหชาติ พิพิธกุล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า อาการเสื่อมของกระดูกและข้อนั้น สามารถดูแลได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การออกกำลังกายที่มีการทิ้งน้ำหนัก เช่น วิ่งเหยาะๆ หรือแอโรบิค จะช่วยให้กระดูกและข้อแข็งแรง โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่พบในคนไข้คือ ขาดการดูแลร่างกายและมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรค การรักษาทางการแพทย์ โดยปกติผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ข้อฝืด ข้อติด ควรจะมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ ซึ่งแพทย์จะได้พิจารณาอาการเจ็บป่วย และพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เพื่อปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม อาจต้องออกกำลังกายด้วยท่าเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อพยุงข้อต่อ แต่ในบางรายที่เป็นมาก แพทย์อาจพิจารณา การทำกายภาพบำบัด และให้ยาร่วมด้วย ทั้งยารับประทาน และยาฉีดที่ข้อโดยตรง ในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก จนไม่สามารถฟื้นฟูได้ อาจจะต้องทำการรอผ่าตัดเปลี่ยนข้อ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พลเอก นพ.สหชาติ พิพิธกุล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

สมองเสื่อม ออกกำลังกายสมองช่วยได้

สมองเสื่อมเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติคนวัยนี้จะมีโรคประจำตัวบ้าง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน บางทีก็มีเส้นเลือดในสมองที่เปลี่ยนไป เส้นเลือดอุดตันเลือดเลี้ยงไม่พอ สมองก็จะทำงานไม่ได้ดีเท่าเดิม สมองเสื่อม ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่เป็น ความคิดและอารมณ์ ด้วย จึงแสดงออกมาด้วยอาการซึมเศร้าก็มี เพราะสมองที่เสื่อมเป็นส่วนของการแสดงอารมณ์ ขณะที่คนปกติ สมองก็จะเสื่อมไปตามวัยอยู่แล้ว แต่ผู้สูงอายุจะมีความเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป ทั้งความเสื่อมตามธรรมชาติ และอาการเจ็บป่วยตามช่วงวัย ข้อบ่งชี้การเกิดโรค สมองเสื่อมเป็นโรคที่แสดงการบ่งชี้ได้หลายแบบ เช่น อาการอารมณ์แปรปรวน ความคิดไม่เฉียบแหลมเท่าเดิม สมองที่ไม่ดีเท่าเดิม ก็จะเสียความมั่นใจไป ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ หรือความจำไม่ดี หลงหลงลืมลืม อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่ญาติจะพามา สามีภรรยาพามา เพราะเขาผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นมากๆ จะทำให้หลงผิดคิดไปว่า จะมีคนมาทำร้าย เป็นต้น การดูแลป้องกัน กลุ่มนี้บางทีเกษียณแล้วใช้ความคิดความจำน้อยลง ก็ทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้นกว่าปกติ ผิดกับในช่วงวัยทำงานที่สมองได้ทำงานอยู่เสมอ ฉะนั้นการป้องกันจึงอยู่ที่การหมั่นใช้สมองอยู่เสมอ รวมถึงการเข้าสังคม จะช่วยส่งเสริมให้สมองได้มีการใช้งานอยู่เสมอ และการมีสังคมจะช่วยเรื่องโรคเครียด โรคซึมเศร้าด้วย การรักษาทางการแพทย์ “การออกกำลังกายสมอง” โรคสมองเสื่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถใช้ยาช่วยรักษา เพื่อชะลอการเสื่อมของสมองให้ช้าลง ทำให้อาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ นอกจากนี้ในการรักษา อาจจะใช้การฝึกกระตุ้นความคิด ด้วยการเล่นเกมส์ต่างๆ “การเล่นทายอักษร การใบ้คำ การลบเลข” การรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากสมองที่เสื่อม เราไม่สามารถทำให้กับมาปกติได้อีก ฉะนั้นในการดูแลทางการแพทย์จึงมุ่งเน้นไปที่การประคองไม่ให้แย่ลงกว่าเดิม รวมถึงการรักษาตามอาการของโรค เช่น มีอาการหลงผิด หรือซึมเศร้า ก็ให้ยาแก้ไขไปตามอาการ  เกร็ดความรู้ “อาการทางจิตนั้น บ่อยครั้งเรามักพบว่า ไม่ได้เป็นอาการป่วยที่เกิดขึ้นแบบแปลกแยก แต่มักมาควบกับอาการทางร่างกายหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฉะนั้นในการดูแลให้ได้ผล จึงต้องใช้การรักษาแบบผสมผสานในรูปแบบของทีมแพทย์ เช่น อายุรแพทย์ จิตแพทย์ แพทย์กายภาพ เป็นต้น ซึ่งการรักษาด้วยทีมแพทย์แบบบูรณาการนั้น จำเป็นจะต้องใช้ทีมแพทย์จำนวนมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่คนไข้ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ” สุขภาพใจที่ดี การทำใจให้สงบเป็นสิ่งที่ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ทำได้ เนื่องจากสภาพร่างกาย และการใช้ชีวิตที่ช้าลงตามอายุที่มากขึ้น ดังนั้นเพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจดี ก็ย่อมทำให้มีความสุขตามไปด้วย การมีสุขภาพใจดี เริ่มด้วยการได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ลูกหลาน ที่ช่วยดูแลเอาใจใส่ การพบปะเพื่อนเก่า หรือการหาเพื่อนใหม่ที่วัยใกล้กันเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้การเข้าวัด หรือหาที่สงบเพื่อฟังเทศน์ นั่งสมาธิก็ทำให้จิตใจเบิกบานได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญข้อหนึ่งของผู้สูงวัยคือ ความโดดเดี่ยว ความเหงา เพราะไม่ได้ทำงานจึงไม่ค่อยได้พบปะกับผู้อื่น ในขณะที่ลูกหลานก็ต้องทำงานหรือทำธุรกิจของตนเอง ดังนั้นการเข้าหากลุ่มสังคม เพื่อมีโอกาสได้พบปะเพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยมีเครือข่ายผู้สูงอายุของหน่วยงานต่างๆ กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้

Read More »

สุขภาพจิตเติมเต็มได้ด้วยการออกกำลังกาย

ปัญหาสุขภาพจิต และสมองเสื่อม เป็นหนึ่งในอาการทางจิตของคนในวัยสูงอายุ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพความเสื่อมของร่างกายและความเครียดในการใช้ชีวิต ส่งผลให้เกิดอาการทางจิตต่างๆ ตั้งแต่ อาการระยะแรกเริ่ม คือ ความเครียด กระวนกระวาย ซึมเศร้า จนถึงขั้นเป็นโรคจิตแบบสมบูรณ์แบบ ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับวัยทำงานเช่นกัน แต่ด้วยสภาวะความเครียดที่น้อยกว่า การผ่อนคลาย และสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ทำให้อาการเหล่านั้นไม่แสดงออกมา จนเมื่ออายุมากขึ้น สารเคมีในสมองผิดปกติ อาการเครียดแบบเดิมๆ ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่อาการทางจิตได้ ขณะที่วัยสูงอายุ ยังมีสาเหตุที่กระทบกระเทือนจิตใจได้มาก เช่น การจากไปของคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ก็ทำให้เกิดความเครียดที่นำไปสู่อาการทางจิตได้ในที่สุด ข้อบ่งชี้การเกิดโรค อาการทางจิตสามารถสังเกตได้ง่ายโดยคนรอบข้าง จากความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นการแสดงออกที่ผิดปกติไปจากนิสัยเดิมๆ นอกจาก 2 ข้อข้างต้น บางครั้งคนไข้จะรู้สึกว่าการดำรงชีวิตของตนเองเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม ซึ่งถ้าทราบอาการแล้วก็สามารถมาพบแพทย์ได้ การดูแลป้องกัน  ในทางการแพทย์จะวัดระดับอาการทางจิตโดยพิจารณาจากระยะเวลา 2 สัปดาห์ ถ้าคนไข้มีอาการเครียด ซึมเศร้า อย่างสังเกตได้ ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง ก็ควรจะผ่อนคลายอิริยาบถจากสิ่งที่ทำอยู่ พักจากงานที่ทำอันเป็นสาเหตุของความเครียด หรือหาเวลาว่างไปออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยปลดปล่อยความเครียดออกมา ทำให้จิตใจกลับไปสู่ภาวะปกติ ส่วนในการป้องกันนั้น เราสามารถป้องกันได้ โดยระวังไม่ให้เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ โดยการสำรวจตัวเองเป็นหลักว่า เรามีสติ มีอารมณ์อย่างไร และหมั่นตรวจสอบความคิดของตัวเองอยู่เสมอ ส่วนด้านกายภาพนั้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยได้มาก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกประการหนึ่งที่สำคัญ พนักงานประจำจะเผชิญกับความเครียดอยู่แสมอ ฉะนั้นต้องมีวิธีในการปลดปล่อยความเครียด ถ้าไม่ระบายออกก็จะเป็นโรคได้ ซึ่งบ่อยครั้งคนไข้ไม่รู้สึกตัว ฉะนั้นการออกกำลังกายจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ไม่ว่าเครียดหรือไม่เครียดก็ต้องออกกำลังกาย ปกติความเครียดมีแบบที่แสดงอาการอย่างรุนแรง และความเครียดสะสม ซึ่งในแบบการสะสมนั้น สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกาย ผ่อนคลายตัวเอง เช่น การทำสติ ซึ่งเป็นการปล่อยความเครียดตลอดเวลา การออกกำลังกายเป็นการปลดปล่อยความเครียดทุกวัน ถ้าเรามีสติความเครียดจะไม่สะสม แต่เราไม่สามารถมีสติได้ตลอดเวลา การรักษาทางการแพทย์ ถ้าคนไข้มีความผิดปกติทางจิตใจนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่ามีอาการทางจิต และควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษา ซึ่งในการรักษานั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การรักษาทางชีวภาพ เช่น การใช้ยาผ่อนคลาย และส่วนที่สองคือ การพูดคุยเพื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหา และปรับปรุงสภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นเหตุของปัญหา รวมถึงการทำจิตบำบัด ซึ่งในการพูดคุย เพื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหานั้น เป็นส่วนสำคัญของการรักษาที่ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

โรคไต ภัยเงียบใกล้ตัว

โรคไต หรือ โรคที่ผิดปกติทางไต เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของ Metabolic Syndrome ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต โรคอ้วน และโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ซึ่งทุกโรคมีผลกระทบโดนตรงต่อไตและเป็นบ่อเกิดของโรคไตวายในที่สุด สาเหตุของการเกิดโรค สาเหตุการเกิดโรคไตมีมากมาย แต่สาเหตุที่พบมากที่สุดมี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงนานๆ จะทำให้เส้นเลือดในร่างกายเสียไป2.โรคความดันโลหิตสูง ความดันสูงนานๆ ทำให้เส้นเลือดที่ไตเสีย ในที่สุดก็เป็นโรคไตวาย3.การอักเสบของไต ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติทำลายไต ทำให้เกิดไตวาย 4.เป็นนิ่วอุดตัน โรคเก๊าท์5.เส้นเลือดอักเสบบางชนิด และไขมันอุดตันเส้นเลือดก็ทำให้ไตเสียได้6.ติดเชื้อทำให้ไตอักเสบนานๆ7.ยาและสารเคมีบางชนิดทำให้ไตเสีย การดูแลป้องกัน การดูแลป้องกันโรคที่เกี่ยวกับไตนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง ลดอาหารจำพวกแป้ง ทางผักผลไม้ ทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว ทานปลา และควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ควรลดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังควรที่จะตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ตรวจเช็คเบาหวาน และเช็คความดันโลหิต ไขมันในเลือด การรักษาทางการแพทย์ การรักษาทางการแพทย์มีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ 1.ใช้เครื่องฟอกเลือดหรือไตเทียม เพื่อเอาของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง2.การล้างช่องท้องเพื่อให้เลือดสะอาด3.การเปลี่ยนไต โดยอาไตจากคนอื่นมาข้างหนึ่ง ปลูกเข้าไปในช่องท้อง การบริจาคไต 1 ข้างให้ญาติพี่น้องไม่มีผลต่อสุขภาพของผู้บริจาค ซึ่งการบริจาคไตมีมามากกว่า 50 แล้ว เกร็ดความรู้ การบริจาคไตจากผู้ที่เสียชีวิตแล้ว เป็นสิ่งที่ได้บุญกุศลที่สุด ในประเทศไทย สภากาชาดไทยจะเป็นผู้รับบริจาค และจะเป็นผู้คัดสรรไตบริจาคนี้ให้กับผู้ป่วยโรคไตด้วยความยุติธรรม ตามอันดับความเหมือนของเนื้อเยื่อและตามระยะเวลาที่รอคอยแก่ผู้รับ การผ่าตัดเปลี่ยนไต ต้องอาศัยความพร้อมของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลร่วม 10 คน ได้แก่ แพทย์ผ่าตัดไต แพทย์ผ่าตัดท่อปัสสาวะ แพทย์ผ่าตัดเส้นเลือดไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื้อเยื่อ แพทย์ดมยาสลบ แพทย์โรคหัวใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตควรเลือกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมของทีมแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะไตที่ได้รับบริจาคอาจได้รับมาจกสภากาชาดไทยเมื่อใดก็ได้ ข้อมูลจาก : สถาบันเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

มะเร็ง โรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ

มะเร็งโรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ มะเร็ง หรือ เนื้องอกร้าย เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย กล่าวคือจะมีการแบ่งตัวของเซลล์อย่างควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตามตำแหน่งที่เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ความผิดปกติของเซลล์มะเร็งนั้น อาจจะเกิดขึ้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นและแสดงอาการพื้นฐาน และอาการบกพร่องของอวัยวะนั้นๆ เช่น น้ำหนักตัวลดผิดปกติ ระบบการทำงานผิดปกติไปจากเดิม ชนิดของมะเร็งแบ่งประเภทได้ 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.Carcinoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุต่างๆ พบมะเร็งชนิดนี้ได้กว่า 85% และผู้สูงอายุมักจะเป็นมะเร็งชนิดนี้มากที่สุด2.Sarcoma มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น ไขมัน กล้ามเนื้อ3.Lymphoma มะเร็งที่พัฒนาขึ้นจากต่อมน้ำเหลือง4.Leukemias มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก5.Melanoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผิวหนัง สาเหตุการเกิดโรค 90% ของสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น วิถีการดำเนินชีวิต ปัจจัยทางเศรษฐกิจและมลพิษ ยาสูบ อาหารและโรคอ้วน การติดเชื้อ การสัมผัสกับรังสี ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย ส่วนอีก 10% เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ ข้อบ่งชี้ของการเกิดโรค มะเร็ง เป็นโรคที่ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ข้อบ่งชี้ของโรคจะแสดงออกเมื่อมีความผิดปกติของก้อนเนื้อ เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีการเกิดเป็นแผลหลุมอย่างต่อเนื่อง จนกระทบกับการทำงานของอวัยวะ และสุขภาพ โดยในระยะที่แสดงอาการจะมีข้อบ่งชี้หลายประการ เช่น น้ำหนักตัวลดผิดปกติ เป็นไข้ และเหนื่อยง่าย  อย่างไรก็ตามเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นกับระบบต่างๆ จะส่งผลกับระบบการทำงานและแสดงอาการออกมาชัดเจน – มะเร็งที่ปอด สามารถก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดลม ทำให้ไอเรื้อรัง หรือเหนื่อยง่ายขึ้น- มะเร็งที่หลอดอาหาร ทำให้หลอดอาหารตีบตัน ทำให้มีอาการกลืนลำบาก กลืนติด- มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ อาจนำไปสู่การตีบของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายไม่สะดวก มีเลือดออก- มะเร็งอัณฑะ อาจตรวจพบว่ามีก้อนที่อัณฑะ อย่างไรก็ตามในระยะแรกของการเกิดเซลล์มะเร็ง จะแสดงอาการผิดปกติน้อยมากจนถึงไม่มีอาการเลย การจะทราบว่าเป็นโรคหรือไม่ จะทราบได้จากการตรวจทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน การตรวจคัดกรองมะเร็งแต่ละประภทได้มีการพัฒนาไปมากทำให้สามารถทราบอาการป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ นำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น การดูแลป้องกัน ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่วนหนึ่งของปัจจัยแวดล้อมในการเกิดมะเร็งนี้สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งจึงถือว่าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยกว่า 30% ของมะเร็งที่ทำให้เสียชีวิต สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง เช่น การสูบบุหรี่ การมีน้ำหนักเกิน โรคอ้วน การดื่มแอลกอฮอล์ การไม่ออกกำลังกาย การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การหลีกเลี่ยงสารเคมี และสารพิษต่างๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางด้านพันธุกรรมก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง  การรักษาทางการแพทย์ การดูแลป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว จะมีแนวทางการรักษาหลักๆ อยู่ 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาต่างๆ เช่น ยาเคมีบำบัด ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด รวมถึงยาต้านฮอร์โมน และการใช้รังสีบำบัด ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคมะเร็ง และความแข็งแรงของผู้ป่วย เกร็ดความรู้ การรักษามะเร็งให้ได้ผลดีนั้นคนไข้จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาแบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละด้าน ทั้งศัลยแพทย์ผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสี และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระบบเฉพาะ เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น  การคัดเลือกโรงพยาบาลที่เหมาะสมนอกจากต้องพิจารณาถึงมาตราฐานการรักษาในระดับสากลแล้ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ก็เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการรักษา ข้อมูลโดย : อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »
Page1 Page2

ความรู้เกี่ยวกับโรคติดเชื้อไวรัสซิกา

ความรู้เกี่ยวกับโรคไข้ซิกา Zika virus disease ที่มา: กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ความรู้ทั่วไป – เกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา (Zika Virus-ZIKV) เมื่อปี พ.ศ. 2490 ในป่าซิกา ประเทศยูกันดา – มียุงลายเป็นพาหะนำโรค – ช่วงปี พ.ศ. 2556 – 2558 พบรายงานการระบาดของโรคไข้ซิกาในประเทศบราซิล เฟรนช์โปลินีเซีย เอลซัลวาดอร์ เวเนซุเอลา และซูรินาม  ซึ่งอาจมีความเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของภาวะศีรษะเล็กแต่กำเนิดในทารกแรกเกิด  และอาการอักเสบของเส้นประสาท GBS (Guillain – Barre Syndrome) ในดินแดนที่มีการระบาด สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา (ณ วันที่ 31 ส.ค.2559) ที่มา: องค์การอนามัยโลก ระยะฟักตัว – มีระยะฟักตัว 4 – 7 วัน อาการและอาการแสดง – มีไข้ ปวดศีรษะ มีผื่นแดงแบบ maculopapular ที่บริเวณลำตัว  แขนขา  เยื่อบุตาอักเสบตาแดง (แต่ไม่มีขี้ตา) ปวดข้อ  อ่อนเพลีย  อาจจะมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต  และอุจจาระร่วงการดูแลรักษา – ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน หรือยารักษาเฉพาะ ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง สามารถรักษาได้โดยปฏิบัติ ดังนี้การป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคติดเชื้อไว้รัสซิกา

Read More »

กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น

กระดูกและข้อ โรคที่ต้องดูแลตั้งแต่วัยรุ่น ความเสื่อมของกลุ่มเนื้อเยื่อกระดูกและข้อ อาจเกิดขึ้นตั้งแต่วัย 30 ปีต้นๆ แต่กว่าจะปรากฏอาการก็ต้องใช้เวลาอีกระยะ เราจะนิยามเป็นโรคก็ต่อเมื่ออาการเกิดขึ้น เมื่อกระบวนการเสริมสร้างซ่อมแซมน้อยกว่ากระบวนการทำลาย อาการเริ่มแรกของข้อเสื่อมคืออาการข้อฝืดหรือติดขัด ในระยะหลังๆ จึงมีอาการปวดและบวมผิดรูป ส่วนในการเสื่อมของกระดูกบางเนื่องจากมวลกระดูกลดลงเรื่อยๆ ซึ่งไม่มีอาการ แต่จะแสดงอาการเมื่อกระดูกหักเอง หรือหักง่ายในวัยชรา อาการปวดกระดูกและข้อ อาจจะเกิดจากการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อที่สะสมเรื้อรัง ซึ่งมักเกิดจากการสะสมความเครียด และการใช้งานที่ไม่ถูกต้อง พบบ่อยในผู้ที่ทำงานออฟฟิศและไม่ดูแลตัวเอง ถือเป็นส่วนสำคัญของโรคออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome)  สาเหตุการเกิดโรค ในส่วนของเนื้อกระดูก เกิดจาภาวะขาดสมดุลของแคลเซียมทีละน้อยเป็นเวลานาน ปัจจัยที่ทำให้เกิดมากขึ้นได้แก่ ภาวะเป็นกรด เช่น การดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ สูบบุหรี่ และรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีโซเดียมมากเกินไป ส่วนที่ข้อนั้นปัจจัยที่ทำให้เกิดการเสื่อมมากขึ้นได้แก่ การใช้งานหนักเกินไป การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาที่ใช้ข้อมากๆ ปัจจัยสำคัญที่แก้ไขไม่ได้คือพันธุกรรม สาเหตุการเกิดโรค สาเหตุการเกิดโรคในส่วนของกระดูกจะเกิดจากภาวะการสูญเสียแคลเซียม ซึ่งเป็นผลจากการที่ร่างกายมีภาวะเป็นกรดมากไป เช่น การดื่มน้ำอัลม ชา กาแฟ ชอบทานเนื้อสัตว์ ทานโซเดียมมากไป และสูบบุหรี่ ส่วนอาการที่ข้อนั้นอาการเสื่อมจะเกิดขึ้นจากที่ใช้งานหนัก เช่น การเล่นกีฬาที่ใช้ข้อมากๆ ใช้ข้อส่วนหนึ่งส่วนใดมากเกินไป และขาดการดูแล ข้อบ่งชี้การเกิดโรค อาการเสื่อมของข้อ สังเกตง่ายๆ จากอาการฝืดของส่วนๆ นั้น เมื่ออยู่ในอิริยาบถเดียวนานๆ พอเปลี่ยนอิริยาบถแล้ว จะต้องอยู่นิ่งๆ สักพักก่อนจะเคลื่อนไหวได้ เช่น นั่งนานๆ แล้วเมื่อจะยืนตรงจะทำในทันทีไม่ได้ ต้องค่อยๆ ยืดตัวขึ้น ในบางรายที่เป็นมากจะเริ่มมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ทางการแพทย์เรียกว่า Stiffness หรืออาการข้อฝืด ซึ่งเกิดจากการที่น้ำหล่อลื่นในข้อเสื่อมคุณภาพ ส่วนอาการกระดูกบางนั้น ไม่มีอาการบ่งชี้ ต้องใช้การตรวจของแพทย์เท่านั้น การดูแลป้องกัน พลเอก นพ.สหชาติ พิพิธกุล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า ให้ข้อมูลว่า อาการเสื่อมของกระดูกและข้อนั้น สามารถดูแลได้ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การออกกำลังกายที่มีการทิ้งน้ำหนัก เช่น วิ่งเหยาะๆ หรือแอโรบิค จะช่วยให้กระดูกและข้อแข็งแรง โดยพฤติกรรมส่วนใหญ่ที่พบในคนไข้คือ ขาดการดูแลร่างกายและมีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดโรค การรักษาทางการแพทย์ โดยปกติผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการ ข้อฝืด ข้อติด ควรจะมาพบแพทย์แต่เนิ่นๆ ซึ่งแพทย์จะได้พิจารณาอาการเจ็บป่วย และพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง เพื่อปรับพฤติกรรมให้เหมาะสม อาจต้องออกกำลังกายด้วยท่าเฉพาะ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อพยุงข้อต่อ แต่ในบางรายที่เป็นมาก แพทย์อาจพิจารณา การทำกายภาพบำบัด และให้ยาร่วมด้วย ทั้งยารับประทาน และยาฉีดที่ข้อโดยตรง ในรายที่มีปัญหาค่อนข้างมาก จนไม่สามารถฟื้นฟูได้ อาจจะต้องทำการรอผ่าตัดเปลี่ยนข้อ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น พลเอก นพ.สหชาติ พิพิธกุล ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

สมองเสื่อม ออกกำลังกายสมองช่วยได้

สมองเสื่อมเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากความเสื่อมของร่างกาย โดยปกติคนวัยนี้จะมีโรคประจำตัวบ้าง เช่น เบาหวาน ความดัน ไขมัน บางทีก็มีเส้นเลือดในสมองที่เปลี่ยนไป เส้นเลือดอุดตันเลือดเลี้ยงไม่พอ สมองก็จะทำงานไม่ได้ดีเท่าเดิม สมองเสื่อม ไม่ใช่จำไม่ได้ แต่เป็น ความคิดและอารมณ์ ด้วย จึงแสดงออกมาด้วยอาการซึมเศร้าก็มี เพราะสมองที่เสื่อมเป็นส่วนของการแสดงอารมณ์ ขณะที่คนปกติ สมองก็จะเสื่อมไปตามวัยอยู่แล้ว แต่ผู้สูงอายุจะมีความเสื่อมมากกว่าคนทั่วไป ทั้งความเสื่อมตามธรรมชาติ และอาการเจ็บป่วยตามช่วงวัย ข้อบ่งชี้การเกิดโรค สมองเสื่อมเป็นโรคที่แสดงการบ่งชี้ได้หลายแบบ เช่น อาการอารมณ์แปรปรวน ความคิดไม่เฉียบแหลมเท่าเดิม สมองที่ไม่ดีเท่าเดิม ก็จะเสียความมั่นใจไป ส่งผลให้เกิดโรคซึมเศร้าได้ หรือความจำไม่ดี หลงหลงลืมลืม อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่ญาติจะพามา สามีภรรยาพามา เพราะเขาผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นมากๆ จะทำให้หลงผิดคิดไปว่า จะมีคนมาทำร้าย เป็นต้น การดูแลป้องกัน กลุ่มนี้บางทีเกษียณแล้วใช้ความคิดความจำน้อยลง ก็ทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้นกว่าปกติ ผิดกับในช่วงวัยทำงานที่สมองได้ทำงานอยู่เสมอ ฉะนั้นการป้องกันจึงอยู่ที่การหมั่นใช้สมองอยู่เสมอ รวมถึงการเข้าสังคม จะช่วยส่งเสริมให้สมองได้มีการใช้งานอยู่เสมอ และการมีสังคมจะช่วยเรื่องโรคเครียด โรคซึมเศร้าด้วย การรักษาทางการแพทย์ “การออกกำลังกายสมอง” โรคสมองเสื่อมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถใช้ยาช่วยรักษา เพื่อชะลอการเสื่อมของสมองให้ช้าลง ทำให้อาการดีขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่สามารถทำให้หายขาดได้ นอกจากนี้ในการรักษา อาจจะใช้การฝึกกระตุ้นความคิด ด้วยการเล่นเกมส์ต่างๆ “การเล่นทายอักษร การใบ้คำ การลบเลข” การรักษาทางการแพทย์ เนื่องจากสมองที่เสื่อม เราไม่สามารถทำให้กับมาปกติได้อีก ฉะนั้นในการดูแลทางการแพทย์จึงมุ่งเน้นไปที่การประคองไม่ให้แย่ลงกว่าเดิม รวมถึงการรักษาตามอาการของโรค เช่น มีอาการหลงผิด หรือซึมเศร้า ก็ให้ยาแก้ไขไปตามอาการ  เกร็ดความรู้ “อาการทางจิตนั้น บ่อยครั้งเรามักพบว่า ไม่ได้เป็นอาการป่วยที่เกิดขึ้นแบบแปลกแยก แต่มักมาควบกับอาการทางร่างกายหลายอย่าง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ฉะนั้นในการดูแลให้ได้ผล จึงต้องใช้การรักษาแบบผสมผสานในรูปแบบของทีมแพทย์ เช่น อายุรแพทย์ จิตแพทย์ แพทย์กายภาพ เป็นต้น ซึ่งการรักษาด้วยทีมแพทย์แบบบูรณาการนั้น จำเป็นจะต้องใช้ทีมแพทย์จำนวนมาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่คนไข้ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการ” สุขภาพใจที่ดี การทำใจให้สงบเป็นสิ่งที่ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ทำได้ เนื่องจากสภาพร่างกาย และการใช้ชีวิตที่ช้าลงตามอายุที่มากขึ้น ดังนั้นเพื่อสุขภาพกาย สุขภาพใจดี ก็ย่อมทำให้มีความสุขตามไปด้วย การมีสุขภาพใจดี เริ่มด้วยการได้รับความอบอุ่นจากครอบครัว ลูกหลาน ที่ช่วยดูแลเอาใจใส่ การพบปะเพื่อนเก่า หรือการหาเพื่อนใหม่ที่วัยใกล้กันเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้การเข้าวัด หรือหาที่สงบเพื่อฟังเทศน์ นั่งสมาธิก็ทำให้จิตใจเบิกบานได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่สำคัญข้อหนึ่งของผู้สูงวัยคือ ความโดดเดี่ยว ความเหงา เพราะไม่ได้ทำงานจึงไม่ค่อยได้พบปะกับผู้อื่น ในขณะที่ลูกหลานก็ต้องทำงานหรือทำธุรกิจของตนเอง ดังนั้นการเข้าหากลุ่มสังคม เพื่อมีโอกาสได้พบปะเพื่อนในวัยใกล้เคียงกัน จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ โดยมีเครือข่ายผู้สูงอายุของหน่วยงานต่างๆ กระจายอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้

Read More »

สุขภาพจิตเติมเต็มได้ด้วยการออกกำลังกาย

ปัญหาสุขภาพจิต และสมองเสื่อม เป็นหนึ่งในอาการทางจิตของคนในวัยสูงอายุ ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพความเสื่อมของร่างกายและความเครียดในการใช้ชีวิต ส่งผลให้เกิดอาการทางจิตต่างๆ ตั้งแต่ อาการระยะแรกเริ่ม คือ ความเครียด กระวนกระวาย ซึมเศร้า จนถึงขั้นเป็นโรคจิตแบบสมบูรณ์แบบ ซึ่งกลุ่มอาการเหล่านี้เป็นกลุ่มอาการที่เกิดกับวัยทำงานเช่นกัน แต่ด้วยสภาวะความเครียดที่น้อยกว่า การผ่อนคลาย และสภาพร่างกายที่สมบูรณ์ทำให้อาการเหล่านั้นไม่แสดงออกมา จนเมื่ออายุมากขึ้น สารเคมีในสมองผิดปกติ อาการเครียดแบบเดิมๆ ก็ส่งผลให้เกิดความเครียดจนนำไปสู่อาการทางจิตได้ ขณะที่วัยสูงอายุ ยังมีสาเหตุที่กระทบกระเทือนจิตใจได้มาก เช่น การจากไปของคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัว ก็ทำให้เกิดความเครียดที่นำไปสู่อาการทางจิตได้ในที่สุด ข้อบ่งชี้การเกิดโรค อาการทางจิตสามารถสังเกตได้ง่ายโดยคนรอบข้าง จากความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ เช่น อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย ร้องไห้ง่าย อาการต่างๆเหล่านี้จะเป็นการแสดงออกที่ผิดปกติไปจากนิสัยเดิมๆ นอกจาก 2 ข้อข้างต้น บางครั้งคนไข้จะรู้สึกว่าการดำรงชีวิตของตนเองเปลี่ยนแปลงไป เช่น ทำงานไม่ได้ ไม่มีสมาธิ ไม่มีประสิทธิภาพเท่าเดิม ซึ่งถ้าทราบอาการแล้วก็สามารถมาพบแพทย์ได้ การดูแลป้องกัน  ในทางการแพทย์จะวัดระดับอาการทางจิตโดยพิจารณาจากระยะเวลา 2 สัปดาห์ ถ้าคนไข้มีอาการเครียด ซึมเศร้า อย่างสังเกตได้ ทั้งจากตัวเองและคนรอบข้าง ก็ควรจะผ่อนคลายอิริยาบถจากสิ่งที่ทำอยู่ พักจากงานที่ทำอันเป็นสาเหตุของความเครียด หรือหาเวลาว่างไปออกกำลังกาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยปลดปล่อยความเครียดออกมา ทำให้จิตใจกลับไปสู่ภาวะปกติ ส่วนในการป้องกันนั้น เราสามารถป้องกันได้ โดยระวังไม่ให้เครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ โดยการสำรวจตัวเองเป็นหลักว่า เรามีสติ มีอารมณ์อย่างไร และหมั่นตรวจสอบความคิดของตัวเองอยู่เสมอ ส่วนด้านกายภาพนั้น การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยได้มาก ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ อีกประการหนึ่งที่สำคัญ พนักงานประจำจะเผชิญกับความเครียดอยู่แสมอ ฉะนั้นต้องมีวิธีในการปลดปล่อยความเครียด ถ้าไม่ระบายออกก็จะเป็นโรคได้ ซึ่งบ่อยครั้งคนไข้ไม่รู้สึกตัว ฉะนั้นการออกกำลังกายจะเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด ไม่ว่าเครียดหรือไม่เครียดก็ต้องออกกำลังกาย ปกติความเครียดมีแบบที่แสดงอาการอย่างรุนแรง และความเครียดสะสม ซึ่งในแบบการสะสมนั้น สามารถป้องกันได้ด้วยการออกกำลังกาย ผ่อนคลายตัวเอง เช่น การทำสติ ซึ่งเป็นการปล่อยความเครียดตลอดเวลา การออกกำลังกายเป็นการปลดปล่อยความเครียดทุกวัน ถ้าเรามีสติความเครียดจะไม่สะสม แต่เราไม่สามารถมีสติได้ตลอดเวลา การรักษาทางการแพทย์ ถ้าคนไข้มีความผิดปกติทางจิตใจนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ให้สันนิษฐานเบื้องต้นว่ามีอาการทางจิต และควรเข้ามาปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการรักษา ซึ่งในการรักษานั้น จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ การรักษาทางชีวภาพ เช่น การใช้ยาผ่อนคลาย และส่วนที่สองคือ การพูดคุยเพื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหา และปรับปรุงสภาพสังคม และสิ่งแวดล้อมที่เป็นต้นเหตุของปัญหา รวมถึงการทำจิตบำบัด ซึ่งในการพูดคุย เพื่อเข้าใจสาเหตุของปัญหานั้น เป็นส่วนสำคัญของการรักษาที่ทำให้การรักษาได้ผลดีขึ้น พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวช โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

โรคไต ภัยเงียบใกล้ตัว

โรคไต หรือ โรคที่ผิดปกติทางไต เป็นหนึ่งในโรคร้ายที่มีอัตราผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามอัตราการเพิ่มขึ้นของ Metabolic Syndrome ที่เป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ อัมพาต โรคอ้วน และโรคไขมันอุดตันเส้นเลือด ซึ่งทุกโรคมีผลกระทบโดนตรงต่อไตและเป็นบ่อเกิดของโรคไตวายในที่สุด สาเหตุของการเกิดโรค สาเหตุการเกิดโรคไตมีมากมาย แต่สาเหตุที่พบมากที่สุดมี 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.โรคเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูงนานๆ จะทำให้เส้นเลือดในร่างกายเสียไป2.โรคความดันโลหิตสูง ความดันสูงนานๆ ทำให้เส้นเลือดที่ไตเสีย ในที่สุดก็เป็นโรคไตวาย3.การอักเสบของไต ร่างกายสร้างภูมิต้านทานที่ผิดปกติทำลายไต ทำให้เกิดไตวาย 4.เป็นนิ่วอุดตัน โรคเก๊าท์5.เส้นเลือดอักเสบบางชนิด และไขมันอุดตันเส้นเลือดก็ทำให้ไตเสียได้6.ติดเชื้อทำให้ไตอักเสบนานๆ7.ยาและสารเคมีบางชนิดทำให้ไตเสีย การดูแลป้องกัน การดูแลป้องกันโรคที่เกี่ยวกับไตนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร เช่น เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารไขมันสูง ลดอาหารจำพวกแป้ง ทางผักผลไม้ ทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว ทานปลา และควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ควรลดสูบบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ ยังควรที่จะตรวจเช็คร่างกายสม่ำเสมอ ตรวจเช็คเบาหวาน และเช็คความดันโลหิต ไขมันในเลือด การรักษาทางการแพทย์ การรักษาทางการแพทย์มีอยู่ 3 วิธี ได้แก่ 1.ใช้เครื่องฟอกเลือดหรือไตเทียม เพื่อเอาของเสียออกจากร่างกาย ต้องทำอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง2.การล้างช่องท้องเพื่อให้เลือดสะอาด3.การเปลี่ยนไต โดยอาไตจากคนอื่นมาข้างหนึ่ง ปลูกเข้าไปในช่องท้อง การบริจาคไต 1 ข้างให้ญาติพี่น้องไม่มีผลต่อสุขภาพของผู้บริจาค ซึ่งการบริจาคไตมีมามากกว่า 50 แล้ว เกร็ดความรู้ การบริจาคไตจากผู้ที่เสียชีวิตแล้ว เป็นสิ่งที่ได้บุญกุศลที่สุด ในประเทศไทย สภากาชาดไทยจะเป็นผู้รับบริจาค และจะเป็นผู้คัดสรรไตบริจาคนี้ให้กับผู้ป่วยโรคไตด้วยความยุติธรรม ตามอันดับความเหมือนของเนื้อเยื่อและตามระยะเวลาที่รอคอยแก่ผู้รับ การผ่าตัดเปลี่ยนไต ต้องอาศัยความพร้อมของทีมแพทย์ในโรงพยาบาลร่วม 10 คน ได้แก่ แพทย์ผ่าตัดไต แพทย์ผ่าตัดท่อปัสสาวะ แพทย์ผ่าตัดเส้นเลือดไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคไต แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเนื้อเยื่อ แพทย์ดมยาสลบ แพทย์โรคหัวใจ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคติดเชื้อ ดังนั้นผู้ป่วยที่ต้องผ่าตัดเปลี่ยนไตควรเลือกโรงพยาบาลที่มีความพร้อมของทีมแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง เพราะไตที่ได้รับบริจาคอาจได้รับมาจกสภากาชาดไทยเมื่อใดก็ได้ ข้อมูลจาก : สถาบันเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »

มะเร็ง โรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ

มะเร็งโรคที่ใครก็ไม่อยากเจอ มะเร็ง หรือ เนื้องอกร้าย เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเซลล์ในร่างกาย กล่าวคือจะมีการแบ่งตัวของเซลล์อย่างควบคุมไม่ได้จนกลายเป็นก้อนเนื้อร้ายที่มีขนาดใหญ่ขึ้นจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของอวัยวะในส่วนต่างๆ ของร่างกาย ตามตำแหน่งที่เกิดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง ความผิดปกติของเซลล์มะเร็งนั้น อาจจะเกิดขึ้ในส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายโดยที่ผู้ป่วยไม่รู้ตัว จนกระทั่งก้อนมะเร็งใหญ่ขึ้นและแสดงอาการพื้นฐาน และอาการบกพร่องของอวัยวะนั้นๆ เช่น น้ำหนักตัวลดผิดปกติ ระบบการทำงานผิดปกติไปจากเดิม ชนิดของมะเร็งแบ่งประเภทได้ 5 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.Carcinoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เยื่อบุต่างๆ พบมะเร็งชนิดนี้ได้กว่า 85% และผู้สูงอายุมักจะเป็นมะเร็งชนิดนี้มากที่สุด2.Sarcoma มะเร็งที่เกิดจากเนื้อเยื่อของร่างกาย เช่น ไขมัน กล้ามเนื้อ3.Lymphoma มะเร็งที่พัฒนาขึ้นจากต่อมน้ำเหลือง4.Leukemias มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก5.Melanoma มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดสีที่ผิวหนัง สาเหตุการเกิดโรค 90% ของสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งเนื่องมาจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น วิถีการดำเนินชีวิต ปัจจัยทางเศรษฐกิจและมลพิษ ยาสูบ อาหารและโรคอ้วน การติดเชื้อ การสัมผัสกับรังสี ความเครียด และการขาดการออกกำลังกาย ส่วนอีก 10% เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ ข้อบ่งชี้ของการเกิดโรค มะเร็ง เป็นโรคที่ไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า ข้อบ่งชี้ของโรคจะแสดงออกเมื่อมีความผิดปกติของก้อนเนื้อ เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้นหรือมีการเกิดเป็นแผลหลุมอย่างต่อเนื่อง จนกระทบกับการทำงานของอวัยวะ และสุขภาพ โดยในระยะที่แสดงอาการจะมีข้อบ่งชี้หลายประการ เช่น น้ำหนักตัวลดผิดปกติ เป็นไข้ และเหนื่อยง่าย  อย่างไรก็ตามเซลล์มะเร็งที่เกิดขึ้นกับระบบต่างๆ จะส่งผลกับระบบการทำงานและแสดงอาการออกมาชัดเจน – มะเร็งที่ปอด สามารถก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดลม ทำให้ไอเรื้อรัง หรือเหนื่อยง่ายขึ้น- มะเร็งที่หลอดอาหาร ทำให้หลอดอาหารตีบตัน ทำให้มีอาการกลืนลำบาก กลืนติด- มะเร็งที่ลำไส้ใหญ่ อาจนำไปสู่การตีบของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายไม่สะดวก มีเลือดออก- มะเร็งอัณฑะ อาจตรวจพบว่ามีก้อนที่อัณฑะ อย่างไรก็ตามในระยะแรกของการเกิดเซลล์มะเร็ง จะแสดงอาการผิดปกติน้อยมากจนถึงไม่มีอาการเลย การจะทราบว่าเป็นโรคหรือไม่ จะทราบได้จากการตรวจทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน การตรวจคัดกรองมะเร็งแต่ละประภทได้มีการพัฒนาไปมากทำให้สามารถทราบอาการป่วยได้ตั้งแต่เนิ่นๆ นำไปสู่การรักษาที่มีประสิทธิภาพในมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นต้น การดูแลป้องกัน ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคมะเร็งเกิดจากปัจจัยเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่วนหนึ่งของปัจจัยแวดล้อมในการเกิดมะเร็งนี้สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งจึงถือว่าเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยกว่า 30% ของมะเร็งที่ทำให้เสียชีวิต สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงจากปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง เช่น การสูบบุหรี่ การมีน้ำหนักเกิน โรคอ้วน การดื่มแอลกอฮอล์ การไม่ออกกำลังกาย การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ การหลีกเลี่ยงสารเคมี และสารพิษต่างๆ อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางด้านพันธุกรรมก็อาจเป็นอีกสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็ง  การรักษาทางการแพทย์ การดูแลป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็ง อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งแล้ว จะมีแนวทางการรักษาหลักๆ อยู่ 3 วิธี ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาต่างๆ เช่น ยาเคมีบำบัด ยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด รวมถึงยาต้านฮอร์โมน และการใช้รังสีบำบัด ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์มะเร็ง ระยะของโรคมะเร็ง และความแข็งแรงของผู้ป่วย เกร็ดความรู้ การรักษามะเร็งให้ได้ผลดีนั้นคนไข้จำเป็นจะต้องได้รับการรักษาแบบบูรณาการ โดยทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในแต่ละด้าน ทั้งศัลยแพทย์ผ่าตัด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสี และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในระบบเฉพาะ เช่น ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ เป็นต้น  การคัดเลือกโรงพยาบาลที่เหมาะสมนอกจากต้องพิจารณาถึงมาตราฐานการรักษาในระดับสากลแล้ว ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และเทคโนโลยีการรักษาที่ทันสมัย ก็เป็นปัจจัยสำคัญของความสำเร็จในการรักษา ข้อมูลโดย : อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคมะเร็ง โรงพยาบาลพระรามเก้า

Read More »
Page1 Page2
Facebook-f Youtube Instagram
  • 1270
  • About Us
  • Medical center
  • Doctors
  • Make an Appointment
  • Knowledge
  • Package
  • News & Events
  • Privacy Policy
  • Investor
  • Sustainability
  • Work with Us
  • Contact Us
  • Terms and Conditions

Copyright © 2025. All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • Medical Center
  • แพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
  • About Us
  • Medical Center
  • Doctors
  • Room
  • Health Guru
    • Knowledge
    • Doctor’s Health Insights
  • Package
  • Contact Us