Skip to content
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • TH
    • EN
    • CN
    • AR
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา
Menu
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา

แน่นหน้าอก สัญญาณเตือนภัยจากหัวใจที่ไม่ควรละเลย

บทความ

โรงพยาบาลพระรามเก้า

  • วันที่โพสต์ 14 พฤศจิกายน 2024
แน่นหน้าอก

อาการแน่นหน้าอกเป็นหนึ่งในอาการที่เตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการแน่นหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ การรู้จักสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับอาการนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถรับมือได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทันท่วงที  ในบทความนี้จะกล่าวถึงสาเหตุ อาการ วิธีการดูแลสุขภาพหัวใจ รวมถึงคำถามที่ถูกถามบ่อยเกี่ยวกับอาการแน่นหน้าอกที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ

สารบัญ

  • อาการแน่นหน้าอกคืออะไร?
  • สาเหตุของอาการแน่นหน้าอก
  • อาการแน่นหน้าอกแบบไหนควรไปหาหมอ?
  • แน่นหน้าอก เป็นโรคหัวใจหรือไม่?
  • วิธีการดูแลสุขภาพหัวใจ
  • คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
  • สรุป

อาการแน่นหน้าอกคืออะไร?

แน่นหน้าอก (Chest tightness) คืออาการที่รู้สึกเหมือนมีแรงกดหรือการบีบที่บริเวณหน้าอก อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ร้ายแรง เช่น แก๊สในกระเพาะอาหาร หรืออาการเครียด แต่ในบางกรณี อาการแน่นหน้าอกอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจหรือภาวะหัวใจขาดเลือด (Angina) ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจลดลงหรือหายไป อาการเจ็บหน้าอกมักมีลักษณะดังต่อไปนี้

  • ความรู้สึกแน่นหรือกดทับ : ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับที่หน้าอก อาจมีอาการเสริมอื่น ๆเช่น เจ็บหรือแน่น
  • ความรู้สึกอึดอัด: อาจมีความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกหรือหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรม ออกแรง หรืออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเครียด
  • มีอาการเจ็บร้าวไปยังบริเวณอื่น: อาการแน่นหน้าอกอาจเจ็บร้าว และแผ่ไปยังแขน คอ หลัง หรือกราม ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ และควรรีบไปพบแพทย์

> กลับสู่สารบัญ




สาเหตุของอาการแน่นหน้าอก

  1. โรคหลอดเลือดหัวใจ: เกิดจากการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปยังหัวใจ โดยอาจเกิดจากการสะสมของคราบไขมัน (Plaque) ที่เรียกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) ซึ่งเป็นโรคที่อันตราย อาจทำให้เสียชีวิตได้
  2. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ: อาจเกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งส่งผลให้มีอาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก โดยโรคกล้ามเนื้อหัวใจนี้อาจเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงหรือการติดเชื้อที่กล้ามเนื้อหัวใจ
  3. โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในหน้าอกฉีกขาด: มักพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงร้าวทะลุหลัง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์
  4. โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด: มักเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขา แล้วหลุดออกไหลไปตามหลอดเลือดมาอุดหลอดเลือดของปอด มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกและเหนื่อย
  5. ความเครียดและความวิตกกังวล: อาการเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความรู้สึกแน่นหน้าอกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพนิค (Panic Attack)
  6. ปัญหาของทางเดินหายใจ: เช่น หอบหืดหรือโรคปอด อาการเช่นนี้อาจทำให้หายใจลำบากและรู้สึกแน่นหน้าอกได้
  7. ปัญหาที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร: เช่น กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease) หรือแผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้รู้สึกเจ็บแสบหน้าอกร่วมด้วยได้
  8. อาการบาดเจ็บที่หน้าอก: เช่น จากอุบัติเหตุที่ทำให้มีกระดูกซี่โครงหัก หรือบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกก็อาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกได้

> กลับสู่สารบัญ

อาการแน่นหน้าอกแบบไหนควรไปหาหมอ?

แน่นหน้าอกเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะโรคหัวใจ การทราบว่าเมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปแล้วหากมีอาการแน่นหน้าอกและมีอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที

  1. อาการเจ็บหน้าอกที่รุนแรง
    หากรู้สึกเจ็บแน่นหรือมีแรงกดที่หน้าอกอย่างรุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการนี้อาจเกิดจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย และอาจมีอาการเหนื่อยหรือรู้สึกอ่อนเพลีย
  2. การเจ็บที่บริเวณแขน คอ หรือกราม
    หากมีอาการเจ็บที่บริเวณแขนซ้าย คอ หรือกราม อาจแสดงถึงปัญหาโรคหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย อาการเจ็บในบริเวณเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายและควรรีบไปโรงพยาบาลทันที
  3. เหงื่อออกมากและหายใจลำบาก
    หากมีอาการเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับรู้สึกหายใจไม่สะดวกหรือหายใจลำบาก ควรรีบไปโรงพยาบาล เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ
  4. คลื่นไส้หรืออาเจียน
    ความรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนที่เกิดขึ้นพร้อมกับอาการแน่นหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของการขาดเลือดไปยังหัวใจหรือภาวะหัวใจวาย ซึ่งควรไปพบแพทย์ทันที
  5. อาการเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
    อาการแน่นหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นหลังจากการออกกำลังกายหรือในภาวะที่มีความเครียด ควรไปพบแพทย์ในทันที การรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างกะทันหันอาจเป็นอาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน
  6. มีประวัติของโรคหัวใจ
    หากมีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจ ไม่ควรละเลยอาการแน่นหน้าอกและไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด
  7. อาการไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่นาที
    หากอาการแน่นหน้าอกไม่ดีขึ้นภายใน 5–10 นาที อาจเป็นสัญญาณเตือนที่อันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
  8. มีอาการเสริมอื่น ๆ
    หากมีอาการเสริมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนหัว รู้สึกเบลอ มึนงง หรืออ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจตามมาด้วยอาการ วูบ หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

> กลับสู่สารบัญ

แน่นหน้าอก เป็นโรคหัวใจหรือไม่?

อาการแน่นหน้าอกเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีของอาการแน่นหน้าอกจะเกิดจากปัญหาหัวใจ อาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด โรคปอด โรคทางเดินอาหาร หรือความเครียด อย่างไรก็ตามการแยกแยะว่าอาการแน่นหน้าอกเกิดจากโรคหัวใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไป

อาการแน่นหน้าอกที่สัมพันธ์กับโรคหัวใจ

  1. โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease): เมื่อหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจมีการอุดตันหรือแคบลง อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
  2. หัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack): อาการแน่นหน้าอกที่เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลันมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงและอาจแผ่ร้าวไปยังแขนซ้าย คอ หรือกราม รวมถึงมีอาการอื่น ๆ เช่น หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก หรือรู้สึกคลื่นไส้
  3. กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial Ischemia): เกิดจากการที่หัวใจไม่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลาที่ออกแรงหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ

อาการแน่นหน้าอกจากสาเหตุอื่น ๆ

นอกจากโรคหัวใจแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก ได้แก่

  • โรคกรดไหลย้อน (GERD): เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกและแน่นหน้าอก
  • โรคปอด: เช่น ปอดอักเสบ (Pneumonia) ลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax) หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  • ความเครียดและวิตกกังวล: ภาวะเครียดหรือวิตกกังวลมากอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ส่งผลให้รู้สึกแน่นหน้าอกหรือหายใจไม่สะดวก
  • โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด: มักพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงร้าวทะลุหลัง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์
  • โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด: มักเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขา แล้วหลุดออกไหลไปตามหลอดเลือดมาอุดหลอดเลือดของปอด มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกและเหนื่อย

> กลับสู่สารบัญ

วิธีการดูแลสุขภาพหัวใจ

  1. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: เพราะน้ำหนักเกินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ การควบคุมอาหารและออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ควรเลือกอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอดต่าง ๆ
  3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่มีส่วนทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอาจทำให้เป็นความดันโลหิตสูงได้
  4. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อตรวจสอบความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือด รวมไปถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจ
  5. บริหารจัดการความเครียด: หาเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือฝึกทำสมาธิเพื่อลดความเครียดที่อาจกระทบต่อสุขภาพหัวใจ
  6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ควรทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ

> กลับสู่สารบัญ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  • แน่นหน้าอกเกิดจากอะไร?
    • อาจเกิดจากหลายสาเหตุ รวมถึงโรคหัวใจ โรคปอด หรือความเครียด
  • อาการแน่นหน้าอกเมื่อไหร่ควรไปหาหมอ?
    • หากอาการแน่นหน้าอกมีความรุนแรง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ปวดแขน หรือหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ทันที
  • การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจทำได้อย่างไร?
    • การตรวจอาจรวมถึงการตรวจเลือด การทำ EKG หรือการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์หัวใจ ซึ่งช่วยให้แพทย์เห็นการทำงานของหัวใจ
  • แน่นหน้าอกสามารถรักษาได้ไหม?
    • ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นโรคหัวใจ การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยา การทำหัตถการ หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
  • มีวิธีป้องกันอาการแน่นหน้าอกหรือไม่?
    • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดี ลดความเครียด และไม่สูบบุหรี่
  • อาการแน่นหน้าอกเกี่ยวข้องกับการหัวใจวายหรือไม่?
    • ใช่ การแน่นหน้าอกอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจวาย โดยเฉพาะเมื่อมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย
  • อาการแน่นหน้าอกในผู้หญิงกับผู้ชายแตกต่างกันหรือไม่?
    • บางครั้งอาการแน่นหน้าอกในผู้หญิงอาจแสดงออกไม่ชัดเจนเท่าผู้ชาย โดยอาจมีอาการร่วม เช่น อาการปวดหลังหรือคลื่นไส้

> กลับสู่สารบัญ

สรุป

อาการแน่นหน้าอกเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคหัวใจที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือรู้สึกอึดอัดที่แผ่ร้าวไปยังแขน คอ หรือกราม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจวายเฉียบพลัน หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อย่างไรก็ตามอาการนี้ยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น โรคปอด โรคทางเดินอาหาร หรือความเครียด การแยกแยะสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ที่มีความชำนาญ ดังนั้นหากมีอาการแน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที

แนะนำแพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง


แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง)

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง)

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง)

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง)

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชายหรือคุณผู้หญิง)

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจคัดกรองอาการใจสั่น พร้อมติดเครื่อง EVENT Recorder

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจคัดกรองอาการใจสั่น พร้อมติดเครื่อง Holter Monitoring

รายละเอียด


แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

รายละเอียด

> กลับสู่สารบัญ

บทความล่าสุด

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

อ่านเพิ่มเติม
ดูบทความทั้งหมด

ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V

ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

  • Praram 9 Hospital
  • @praram9hospital

แพทย์ผู้เขียนบทความ

 

ศูนย์แพทย์

สถาบันหัวใจและหลอดเลือด_1-1

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

เยี่ยมชม

ดูทั้งหมด

บทความอื่นๆ

ทำไมกินหมูแล้วหูดับ?

โรคไข้หูดับ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย สเตร็พโตค็อกคัส ซูอิส (Streptococcus suis) โดยเชื้อนี้จะอยู่ในทางเดินหายใจของหมู และอยู่ในเลือดของหมูที่กำลังป่วย สามารถติดต่อสู่คนได้ 2 ทาง

อ่านเพิ่มเติม
หัวใจล้มเหลว

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

อ่านเพิ่มเติม
ลิ้นหัวใจเทียม

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

อ่านเพิ่มเติม
อ่านบทความทั้งหมด
Facebook-f Youtube Instagram Line
  • 1270
  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • นัดหมาย
  • บทความสุขภาพ
  • แพ็กเกจ
  • ข่าว และกิจกรรม รพ.
  • นโยบายความเป็นส่วนตัว
  • นักลงทุนสัมพันธ์
  • การพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน
  • ร่วมงานกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดและเงื่อนไข

Copyright © 2025 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital

  • เกี่ยวกับเรา
  • ศูนย์การแพทย์
  • ค้นหาแพทย์
  • ห้องพัก
  • Health Guru
    • บทความสุขภาพ
    • Praram 9 Star Doctors
  • แพ็กเกจ
  • ติดต่อเรา