บทความสุขภาพ

Knowledge

แน่นหน้าอก สัญญาณเตือนภัยจากหัวใจที่ไม่ควรละเลย

อาการแน่นหน้าอกเป็นหนึ่งในอาการที่เตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการแน่นหน้าอกที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ การรู้จักสัญญาณเตือนที่เกี่ยวข้องกับอาการนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถรับมือได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ทันท่วงที ในบทความนี้จะกล่าวถึงสาเหตุ อาการ วิธีการดูแลสุขภาพหัวใจ รวมถึงคำถามที่ถูกถามบ่อยเกี่ยวกับอาการแน่นหน้าอกที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจ


อาการแน่นหน้าอกคืออะไร?

แน่นหน้าอก (Chest tightness) คืออาการที่รู้สึกเหมือนมีแรงกดหรือการบีบที่บริเวณหน้าอก อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่เป็นปัญหาสุขภาพที่ไม่ร้ายแรง เช่น แก๊สในกระเพาะอาหาร หรืออาการเครียด แต่ในบางกรณี อาการแน่นหน้าอกอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหัวใจหรือภาวะหัวใจขาดเลือด (Angina) ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของเลือดไปยังกล้ามเนื้อหัวใจลดลงหรือหายไป อาการเจ็บหน้าอกมักมีลักษณะดังต่อไปนี้


  • ความรู้สึกแน่นหรือกดทับ : ผู้ป่วยอาจรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกดทับที่หน้าอก อาจมีอาการเสริมอื่น ๆเช่น เจ็บหรือแน่น
  • ความรู้สึกอึดอัด: อาจมีความรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกหรือหายใจไม่สะดวก โดยเฉพาะเมื่อทำกิจกรรม ออกแรง หรืออยู่ในสถานการณ์ที่มีความเครียด
  • มีอาการเจ็บร้าวไปยังบริเวณอื่น: อาการแน่นหน้าอกอาจเจ็บร้าว และแผ่ไปยังแขน คอ หลัง หรือกราม ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ และควรรีบไปพบแพทย์

Feb_content-3-1-1536x1023.webp
Feb_content-3-2.webpFeb_content-3-3.webpFeb_content-3-4.webp

สาเหตุของอาการแน่นหน้าอก


  1. โรคหลอดเลือดหัวใจ: เกิดจากการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปยังหัวใจ โดยอาจเกิดจากการสะสมของคราบไขมัน (Plaque) ที่เรียกว่าโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary Artery Disease) ซึ่งเป็นโรคที่อันตราย อาจทำให้เสียชีวิตได้
  2. โรคกล้ามเนื้อหัวใจ: อาจเกิดจากการทำงานที่ไม่เหมาะสมของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งส่งผลให้มีอาการเจ็บหรือแน่นหน้าอก โดยโรคกล้ามเนื้อหัวใจนี้อาจเกิดจากภาวะความดันโลหิตสูงหรือการติดเชื้อที่กล้ามเนื้อหัวใจ
  3. โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ในหน้าอกฉีกขาด: มักพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงร้าวทะลุหลัง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์
  4. โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด: มักเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขา แล้วหลุดออกไหลไปตามหลอดเลือดมาอุดหลอดเลือดของปอด มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกและเหนื่อย
  5. ความเครียดและความวิตกกังวล: อาการเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความรู้สึกแน่นหน้าอกได้ โดยเฉพาะในผู้ที่มีอาการแพนิค (Panic Attack)
  6. ปัญหาของทางเดินหายใจ: เช่น หอบหืดหรือโรคปอด อาการเช่นนี้อาจทำให้หายใจลำบากและรู้สึกแน่นหน้าอกได้
  7. ปัญหาที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร: เช่น กรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease) หรือแผลในกระเพาะอาหาร อาจทำให้รู้สึกเจ็บแสบหน้าอกร่วมด้วยได้
  8. อาการบาดเจ็บที่หน้าอก: เช่น จากอุบัติเหตุที่ทำให้มีกระดูกซี่โครงหัก หรือบาดเจ็บที่กล้ามเนื้อบริเวณหน้าอกก็อาจทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกได้

อาการแน่นหน้าอกแบบไหนควรไปหาหมอ?

แน่นหน้าอกเป็นอาการที่ไม่ควรมองข้าม เนื่องจากอาจบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรง โดยเฉพาะโรคหัวใจ การทราบว่าเมื่อใดที่ควรไปพบแพทย์จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปแล้วหากมีอาการแน่นหน้าอกและมีอาการอื่น ๆ ดังต่อไปนี้ ควรรีบไปพบแพทย์หรือไปโรงพยาบาลทันที


  • อาการเจ็บหน้าอกที่รุนแรง

หากรู้สึกเจ็บแน่นหรือมีแรงกดที่หน้าอกอย่างรุนแรง ควรไปพบแพทย์ทันที เพราะอาการนี้อาจเกิดจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน ซึ่งอาจมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย และอาจมีอาการเหนื่อยหรือรู้สึกอ่อนเพลีย

  • การเจ็บที่บริเวณแขน คอ หรือกราม

หากมีอาการเจ็บที่บริเวณแขนซ้าย คอ หรือกราม อาจแสดงถึงปัญหาโรคหัวใจ โดยเฉพาะเมื่อมีอาการแน่นหน้าอกร่วมด้วย อาการเจ็บในบริเวณเหล่านี้ถือเป็นสัญญาณอันตรายและควรรีบไปโรงพยาบาลทันที

  • เหงื่อออกมากและหายใจลำบาก

หากมีอาการเหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ร่วมกับรู้สึกหายใจไม่สะดวกหรือหายใจลำบาก ควรรีบไปโรงพยาบาล เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจ

  • คลื่นไส้หรืออาเจียน

ความรู้สึกคลื่นไส้หรืออาเจียนที่เกิดขึ้นพร้อมกับอาการแน่นหน้าอก อาจเป็นสัญญาณของการขาดเลือดไปยังหัวใจหรือภาวะหัวใจวาย ซึ่งควรไปพบแพทย์ทันที

  • อาการเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

อาการแน่นหน้าอกที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง โดยเฉพาะหากเกิดขึ้นหลังจากการออกกำลังกายหรือในภาวะที่มีความเครียด ควรไปพบแพทย์ในทันที การรู้สึกแน่นหน้าอกอย่างกะทันหันอาจเป็นอาการของภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน

  • มีประวัติของโรคหัวใจ

หากมีประวัติเป็นโรคหัวใจ หรือมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับโรคหัวใจ ไม่ควรละเลยอาการแน่นหน้าอกและไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพอย่างละเอียด

  • อาการไม่ดีขึ้นภายในไม่กี่นาที

หากอาการแน่นหน้าอกไม่ดีขึ้นภายใน 5–10 นาที อาจเป็นสัญญาณเตือนที่อันตราย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  • มีอาการเสริมอื่น ๆ

หากมีอาการเสริมอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น เวียนหัว รู้สึกเบลอ มึนงง หรืออ่อนเพลีย ควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาการเหล่านี้อาจตามมาด้วยอาการ วูบ หมดสติ หรือเสียชีวิตได้ ซึ่งต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน


แน่นหน้าอก เป็นโรคหัวใจหรือไม่?

อาการแน่นหน้าอกเป็นหนึ่งในสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคหัวใจ แต่ไม่ใช่ทุกกรณีของอาการแน่นหน้าอกจะเกิดจากปัญหาหัวใจ อาการนี้สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด โรคปอด โรคทางเดินอาหาร หรือความเครียด อย่างไรก็ตามการแยกแยะว่าอาการแน่นหน้าอกเกิดจากโรคหัวใจหรือไม่ ขึ้นอยู่กับลักษณะของอาการและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อการตรวจวินิจฉัยที่ถูกต้องต่อไป


อาการแน่นหน้าอกที่สัมพันธ์กับโรคหัวใจ


  1. โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease): เมื่อหลอดเลือดที่นำเลือดไปเลี้ยงหัวใจมีการอุดตันหรือแคบลง อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอ ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอกหรือเจ็บหน้าอก
  2. หัวใจวายเฉียบพลัน (Heart Attack): อาการแน่นหน้าอกที่เกิดจากหัวใจวายเฉียบพลันมักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงและอาจแผ่ร้าวไปยังแขนซ้าย คอ หรือกราม รวมถึงมีอาการอื่น ๆ เช่น หายใจลำบาก เหงื่อออกมาก หรือรู้สึกคลื่นไส้
  3. ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด (Myocardial Ischemia): เกิดจากการที่หัวใจไม่ได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก โดยเฉพาะเวลาที่ออกแรงหรือทำกิจกรรมหนัก ๆ

อาการแน่นหน้าอกจากสาเหตุอื่น ๆ

นอกจากโรคหัวใจแล้ว ยังมีสาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดอาการแน่นหน้าอก ได้แก่


  • โรคกรดไหลย้อน (GERD): เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกและแน่นหน้าอก
  • โรคปอด: เช่น ปอดอักเสบ (Pneumonia) ลมรั่วในเยื่อหุ้มปอด (Pneumothorax) หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  • ความเครียดและวิตกกังวล: ภาวะเครียดหรือวิตกกังวลมากอาจทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็ง ส่งผลให้รู้สึกแน่นหน้าอกหรือหายใจไม่สะดวก
  • โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ฉีกขาด: มักพบในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง มีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรงร้าวทะลุหลัง ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จำเป็นต้องรีบมาพบแพทย์
  • โรคลิ่มเลือดอุดตันเส้นเลือดปอด: มักเกิดจากลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำที่ขา แล้วหลุดออกไหลไปตามหลอดเลือดมาอุดหลอดเลือดของปอด มีอาการเจ็บแน่นหน้าอกและเหนื่อย

วิธีการดูแลสุขภาพหัวใจ


  1. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ: เพราะน้ำหนักเกินอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ การควบคุมอาหารและออกกำลังกายจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
  2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: ควรเลือกอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช รวมถึงหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอดต่าง ๆ
  3. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่มีส่วนทำให้หลอดเลือดตีบตัน ขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากอาจทำให้เป็นความดันโลหิตสูงได้
  4. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ: เพื่อตรวจสอบความดันโลหิต ระดับคอเลสเตอรอล และระดับน้ำตาลในเลือด รวมไปถึงการตรวจคัดกรองสุขภาพหัวใจ
  5. บริหารจัดการความเครียด: หาเวลาพักผ่อน ออกกำลังกาย หรือฝึกทำสมาธิเพื่อลดความเครียดที่อาจกระทบต่อสุขภาพหัวใจ
  6. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ: ควรทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เช่น การเดิน การปั่นจักรยาน หรือการว่ายน้ำ

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)

  • แน่นหน้าอกเกิดจากอะไร?

อาจเกิดจากหลายสาเหตุ รวมถึงโรคหัวใจ โรคปอด หรือความเครียด

  • อาการแน่นหน้าอกเมื่อไหร่ควรไปหาหมอ?

หากอาการแน่นหน้าอกมีความรุนแรง หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก ปวดแขน หรือหายใจลำบาก ควรไปพบแพทย์ทันที

  • การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจทำได้อย่างไร?

การตรวจอาจรวมถึงการตรวจเลือด การทำ EKG หรือการตรวจด้วยอัลตราซาวนด์หัวใจ ซึ่งช่วยให้แพทย์เห็นการทำงานของหัวใจ

  • แน่นหน้าอกสามารถรักษาได้ไหม?

ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นโรคหัวใจ การรักษาอาจรวมถึงการใช้ยา การทำหัตถการ หรือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • มีวิธีป้องกันอาการแน่นหน้าอกหรือไม่?

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดี ลดความเครียด และไม่สูบบุหรี่

  • อาการแน่นหน้าอกเกี่ยวข้องกับการหัวใจวายหรือไม่?

ใช่ การแน่นหน้าอกอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะหัวใจวาย โดยเฉพาะเมื่อมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย

  • อาการแน่นหน้าอกในผู้หญิงกับผู้ชายแตกต่างกันหรือไม่?

บางครั้งอาการแน่นหน้าอกในผู้หญิงอาจแสดงออกไม่ชัดเจนเท่าผู้ชาย โดยอาจมีอาการร่วม เช่น อาการปวดหลังหรือคลื่นไส้


สรุป

อาการแน่นหน้าอกเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคหัวใจที่อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก หรือรู้สึกอึดอัดที่แผ่ร้าวไปยังแขน คอ หรือกราม ซึ่งอาจบ่งบอกถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ หัวใจวายเฉียบพลัน หรือภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อย่างไรก็ตามอาการนี้ยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น โรคปอด โรคทางเดินอาหาร หรือความเครียด การแยกแยะสาเหตุของอาการแน่นหน้าอกจึงจำเป็นต้องอาศัยการตรวจวินิจฉัยจากแพทย์ที่มีความชำนาญ ดังนั้นหากมีอาการแน่นหน้าอก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที

แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (9)

ดูทั้งหมด

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

฿ 29,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 60 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

฿ 33,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

฿ 25,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 50 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

฿ 29,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

฿ 16,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 40 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

฿ 19,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 30 ปีขึ้นไป (คุณผู้ชาย)

฿ 10,900

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

แพ็กเกจตรวจสุขภาพสำหรับอายุ 25 ปีขึ้นไป (คุณผู้หญิง)

฿ 7,490

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

แพ็กเกจตรวจคัดกรองความดันโลหิตสูง

฿ 4,500

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital