บทความสุขภาพ

Knowledge

มะเร็งกระเพาะอาหาร โรคอันตรายที่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด

โรคมะเร็งกระเพาะอาหารเป็นโรคมะเร็งที่พบมากในคนไทย ซึ่งในรายงานของ GLOBOCAN 2022 ระบุว่ามะเร็งกระเพาะอาหารเป็นมะเร็งที่พบได้มากและมีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับที่ 5 ของโลกจากมะเร็งทั้งหมด มักพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และผู้ป่วยมักมีอายุมากกว่า 40 ปี


ความน่ากลัวของมะเร็งกระเพาะอาหารคือเป็นโรคที่มันมักเริ่มต้นแบบเงียบ ๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ไม่มีอาการใดๆ เพราะในระยะแรกมักไม่มีอาการใด ๆ และจะแสดงอาการเมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลามแล้ว อาการเริ่มต้นไม่เฉพาะเจาะจงเช่น อาการท้องอืด แน่นท้อง หรือปวดท้องหลังอาหาร อาจถูกมองข้ามและเข้าใจผิดว่าเป็นแค่ปัญหาทางเดินอาหารทั่วไป กว่าจะรู้ตัว โรคนี้ก็อาจกระจายไปยังอวัยวะอื่น ๆ และทำให้การรักษายากขึ้น การเข้าใจความอันตรายของมะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง และตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อให้เราสามารถรับมือและป้องกันได้อย่างทันท่วงที


มะเร็งกระเพาะอาหารคืออะไร?


มะเร็งกระเพาะอาหาร (Gastric Cancer) เป็นมะเร็งที่เกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ที่อยู่บริเวณเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเกิดจากเซลล์ในส่วนต่าง ๆ ของกระเพาะอาหาร รวมถึงเซลล์ที่ผลิตน้ำย่อยหรือเซลล์ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เซลล์


  • มะเร็งกระเพาะอาหารรักษาหายไหม?
  • มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายมีอาการอย่างไร ? มะเร็งเหล่านี้มักเจริญเติบโตอย่างช้า ๆ โดยระยะแรกของมะเร็งกระเพาะอาหารมักไม่มีอาการชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นเป็นไปได้ยาก มะเร็งกระเพาะอาหารมีหลายชนิด เช่น
    • Adenocarcinoma: เป็นชนิดที่พบบ่อยที่สุด เกิดขึ้นจากเซลล์ที่อยู่ในเยื่อบุผนังกระเพาะอาหาร
    • Lymphoma: มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ภูมิคุ้มกันในกระเพาะอาหาร
    • Gastrointestinal stromal tumors (GISTs): เนื้องอกที่เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพันของกระเพาะอาหาร
    • Carcinoid tumors: มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ฮอร์โมนในกระเพาะอาหาร

อาการของมะเร็งกระเพาะอาหาร


อาการของมะเร็งกระเพาะอาหารในระยะแรกอาจไม่ชัดเจน ทำให้มักถูกมองข้ามไป โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่


  • ปวดท้องหรือรู้สึกไม่สบายบริเวณท้อง: อาการนี้อาจเป็นเพียงอาการปวดเล็กน้อย หรือปวดหนักขึ้นเมื่อโรครุนแรงขึ้น
  • เบื่ออาหาร: ผู้ป่วยหลายคนรู้สึกไม่อยากกินอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่เคยชอบ
  • น้ำหนักลด: การที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนอาจเป็นสัญญาณของมะเร็ง
  • ท้องอืด: มีความรู้สึกอืดแน่นในท้องหลังจากรับประทานอาหารเพียงเล็กน้อย
  • คลื่นไส้และอาเจียน: บางครั้งอาจพบอาการอาเจียนเป็นเลือดหรือมีเลือดปนในอุจจาระ ซึ่งเป็นสัญญาณของการมีเลือดออกภายในระบบทางเดินอาหาร
  • อาการเรอหรือมีกรดไหลย้อน: ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการคล้ายโรคกรดไหลย้อน ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นปัญหาทั่วไปของทางเดินอาหาร

และเนื่องจากอาการของโรคไม่ชัดเจนทำให้มักถูกมองข้าม ดังนั้นการสังเกตอาการที่ผิดปกติเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม หากมีอาการผิดปกติดังกล่าวควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยโรค เพราะการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น จะมีโอกาสหายและให้ผลการรักษาที่ดีกว่า


มะเร็งกระเพาะอาหารเกิดจากอะไร มีสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง?


ถึงแม้สาเหตุของการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารจะยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มีปัจจัยเสี่ยงที่สามารถเพิ่มโอกาสเกิดโรคได้ เช่น


  • เพศ: มะเร็งกระเพาะอาหารพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง โดยผู้ชายมีโอกาสเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารสูงกว่าผู้หญิงถึงสองเท่า
  • อายุ: ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารมีอายุมากกว่า 75 ปี
  • การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori): การติดเชื้อนี้ทำให้เกิดการอักเสบในเยื่อบุกระเพาะอาหาร ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
  • การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร ยิ่งสูบบุหรี่นานและมากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งมากขึ้น
  • อาหาร: การรับประทานอาหารที่มีเกลือมาก เนื้อสัตว์หรืออาหารแปรรูป หรืออาหารรมควัน อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งกระเพาะอาหาร ในขณะที่การรับประทานผักและผลไม้สดไม่เพียงพอหรือน้อยเกินไปก็เป็นปัจจัยเสี่ยงเช่นกัน
  • น้ำหนักเกิน: คนที่มีน้ำหนักหรือดัชนีมวลกายเกินกว่าเกณฑ์มีความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งที่รอยต่อระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร (gastro-oesophageal junction หรือ GOJ)
  • สภาวะของกระเพาะอาหาร: ภาวะต่าง ๆ เช่น โรคโลหิตจางชนิดเพอร์นิเชียส (Pernicious anemia) หรือภาวะกระเพาะอักเสบเรื้อรัง (Atrophic gastritis) อาจทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารเปลี่ยนแปลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
  • การผ่าตัดกระเพาะอาหาร: การตัดกระเพาะบางส่วนเพื่อรักษาโรคอื่น ๆ เช่น แผลในกระเพาะ อาจทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น เนื่องจากลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • ประวัติครอบครัว: ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นในกรณีที่มีสมาชิกในครอบครัวหลายคนที่เป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร และเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด และเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารตั้งแต่อายุน้อย

การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร


การวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหารต้องอาศัยการตรวจหลายอย่างเพื่อให้ได้ผลที่แน่นอน โดยการตรวจที่มักใช้ในการวินิจฉัยมะเร็งกระเพาะอาหาร ได้แก่


  • การส่องกล้องตรวจทางเดินอาหารส่วนต้น (Upper endoscopy): เป็นการใช้กล้องส่องภายในกระเพาะอาหารเพื่อตรวจดูการเปลี่ยนแปลงของเนื้อเยื่อต่างๆในกระเพาะอาหาร
  • การเก็บชิ้นเนื้อ (Biopsy): เป็นการเก็บชิ้นเนื้อจากกระเพาะอาหารโดยผ่านการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น และชิ้นเนื้อที่เก็บจากกระเพาะอาหารนี้จะถูกส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นเซลล์มะเร็งหรือไม่
  • การตรวจเลือด: เพื่อตรวจหาโปรตีนหรือสารที่บ่งชี้การเกิดมะเร็ง
  • การถ่ายภาพทางการแพทย์: เช่น CT scan หรือ MRI เพื่อดูการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะอื่น
  • การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ผ่านกล้องส่อง (Endoscopic Ultrasound – EUS): เป็นการใช้กล้องที่ติดเครื่องอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจดูความลึกของเนื้องอกในผนังกระเพาะอาหาร

วิธีการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร


การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารจะขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย โดยวิธีการรักษาที่แพทย์ใช้ในการรักษามะเร็งกระเพาะอาหาร ได้แก่


  • การผ่าตัด (Surgery): เป็นการรักษาหลักสำหรับมะเร็งกระเพาะอาหารที่ยังอยู่ในระยะเริ่มต้น การผ่าตัดสามารถแบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น การผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกบางส่วน (Partial gastrectomy) หรือการผ่าตัดเอากระเพาะอาหารออกทั้งหมด (Total gastrectomy) ขึ้นอยู่กับขนาดและตำแหน่งของเนื้องอก
  • การใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy): เป็นการใช้ยาทำลายเซลล์มะเร็งทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด หรือในกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้ว
  • การฉายแสง (Radiotherapy): โดยใช้รังสีพลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการเจริญเติบโต
  • การรักษาด้วยยาภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy): เป็นวิธีที่อาศัยระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง โดยใช้ยาเฉพาะที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน

ระยะต่าง ๆ ของมะเร็งกระเพาะอาหารและการรักษา


  • ระยะแรก: มะเร็งในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการเด่นชัด ผู้ป่วยอาจมาพบแพทย์เนื่องจากอาการท้องอืด แน่นท้อง หรือปวดท้องหลังจากการรับประทานอาหาร ซึ่งอาการเหล่านี้อาจคล้ายกับโรคกระเพาะอาหาร ในระยะนี้ การรักษาสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัด หากมะเร็งยังอยู่ที่เยื่อบุกระเพาะอาหาร สามารถตรวจพบจากการส่องกล้องและรักษาโดยการใช้กล้องส่องทางเดินอาหาร
  • ระยะที่สอง: มะเร็งเริ่มโตขึ้น แต่ยังไม่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง การรักษาหลักในระยะนี้คือการผ่าตัดเอามะเร็งและต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เคียงออก อาจมีการใช้ยาเคมีบำบัดร่วมด้วย
  • ระยะที่สาม: มะเร็งเริ่มลุกลามไปติดอวัยวะข้างเคียง ทำให้ไม่สามารถเลาะกระเพาะอาหารออกได้หมด หรือมีการกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง การรักษาในระยะนี้จะทำการผ่าตัดออกทั้งหมด รวมถึงเลาะต่อมน้ำเหลืองออกด้วย การใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการรักษาด้วยความร้อนมาช่วยในการผ่าตัด จะเพิ่มโอกาสการหายขาดมากขึ้น
  • ระยะสุดท้าย: มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะที่ไกลออกไป เช่น ปอด ตับ หรือ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไป การรักษาในระยะนี้จะมุ่งเน้นที่การควบคุมและลดอาการของโรค โดยการให้ยาเคมีบำบัดเพื่อช่วยบรรเทาอาการและควบคุมการเจริญเติบโตของมะเร็ง

มะเร็งกระเพาะอาหารรักษาหายไหม?


การรักษามะเร็งกระเพาะอาหารสามารถให้ผลดีและหายได้หากตรวจพบในระยะแรกและได้รับการรักษาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม หากมะเร็งได้รับการวินิจฉัยในระยะที่ลุกลามแล้ว โอกาสในการหายก็จะจะลดลง และการรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การควบคุมอาการและยืดอายุของผู้ป่วย


มะเร็งกระเพาะอาหารระยะสุดท้ายมีอาการอย่างไร?


ในระยะสุดท้ายของมะเร็งกระเพาะอาหาร อาการมักจะรุนแรงและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย โดยอาการที่พบบ่อย เช่น


  • ปวดท้องอย่างรุนแรง: อาการปวดอาจเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในบางครั้งยาแก้ปวดอาจไม่สามารถช่วยลดอาการได้
  • น้ำหนักลดลงมากและอ่อนเพลีย: ผู้ป่วยในระยะสุดท้ายจะมีการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วและสูญเสียมวลกล้ามเนื้อ
  • อาการอาเจียนอย่างต่อเนื่อง: มักเกิดขึ้นเนื่องจากกระเพาะอาหารไม่สามารถรับอาหารได้ตามปกติ
  • การแพร่กระจายของมะเร็ง: อาจมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด หรือต่อมน้ำเหลือง ทำให้เกิดอาการเพิ่มเติม เช่น อาการเหนื่อย หายใจลำบาก หรือภาวะตัวเหลือง

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว


การดูแลผู้ป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารควรดูแลรักษาทางกายและรวมถึงการดูแลสุขภาพจิตใจด้วย โดยคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยและครอบครัว ได้แก่


  • การสื่อสารกับทีมแพทย์: ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับแผนการรักษาและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
  • การดูแลเรื่องโภชนาการ: ผู้ป่วยควรได้รับการดูแลจากนักโภชนาการเพื่อวางแผนการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
  • การดูแลสุขภาพจิต: ครอบครัวและผู้ป่วยควรเปิดใจในการพูดคุยถึงความรู้สึกและความกังวลเพื่อสร้างความเข้าใจและช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีป้องกันมะเร็งกระเพาะอาหาร


  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ: ควรเพิ่มปริมาณผักและผลไม้ในอาหาร เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดมะเร็งได้
  • ลดการบริโภคอาหารเค็มและอาหารแปรรูป: หลีกเลี่ยงอาหารที่มีเกลือสูง อาหารหมักดอง อาหารแปรรูป หรืออาหารรมควัน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งกระเพาะอาหาร
  • เลิกสูบบุหรี่และลดการดื่มแอลกอฮอล์: การสูบบุหรี่เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่เพิ่มโอกาสเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร การลดหรืองดการดื่มแอลกอฮอล์ก็ช่วยลดความเสี่ยงได้
  • ตรวจหาการติดเชื้อ H. pylori: ในบางกรณี แพทย์อาจแนะนำให้ตรวจหาเชื้อแบคทีเรีย H. pylori โดยเฉพาะในผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

สรุป


มะเร็งกระเพาะอาหารเกิดจากการเจริญเติบโตผิดปกติของเซลล์ในกระเพาะ ซึ่งสาเหตุมักมาจากการติดเชื้อ H. pylori การรับประทานอาหารเค็มหรือแปรรูป การสูบบุหรี่ และพันธุกรรม ส่วนการป้องกันสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารสุขภาพ ลดของเค็ม และเลิกบุหรี่ นอกจากนี้ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ การส่องกล้องกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง จะช่วยให้ตรวจพบมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายได้

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital