บทความสุขภาพ
Knowledge
พญ. มัณฑนา สันดุษฎี, พญ. ณัฐกานต์ มยุระสาคร
โรคหอบหืด (asthma) เป็นโรคที่มีการอักเสบเรื้อรังของหลอดลม ทำให้มีการตีบตันของหลอดลม โดยมักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ เวลาที่มีอาการเราจะเรียกว่าหอบหืดกำเริบ อาการที่พบบ่อยคือ หายใจมีเสียงหวีด ไอ แน่นหน้าอก หายใจไม่อิ่ม โดยอาการเหล่านี้มีหลากหลายความรุนแรง หลายครั้งการเกิดหอบหืดกำเริบรุนแรงถึงขั้นการหายใจล้มเหลวต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หรือเสียชีวิตได้ แต่ถ้าหอบหืดกำเริบไม่รุนแรงแต่ปล่อยให้มีการอักเสบในหลอดลมบ่อย มีอาการหลอดลมตีบตันบ่อยๆ ในที่สุดจะเกิดการตีบตันของหลอดลมแบบถาวร ซึ่งจะรักษาได้ยาก
การวินิจฉัยหอบหืดจะเริ่มจากประวัติและอาการเช่น อาการหายใจมีเสียงหวีด, หายใจไม่อิ่ม-แน่นหน้าอก, ไอเรื้อรัง โดยอาการจะเป็นๆหายๆ มักจะแย่ลงในเวลากลางคืนหรือเวลาออกแรง และอาการมักถูกกระตุ้นโดยตัวกระตุ้นบางอย่างเช่น การออกกำลังกาย, อากาศเย็น, สารก่อภูมิแพ้, หรือการติดเชื้อไวรัส
และต้องมีการยืนยันการวินิจฉัยเรื่องหลอดลมตีบตันเป็นๆหายๆ (variable airflow limitation) โดยอาจจะใช้
การประเมินโรคหอบหืดเราประเมิน 2 หัวข้อหลักๆคู่กัน เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมคือ
1. การควบคุมอาการ (symptom control)
ถ้าผู้ป่วยควบคุมอาการหอบหืดได้ดีคือ ต้องมีอาการของหอบหืดในช่วงกลางวัน และต้องการใช้ยาพ่นฉุกเฉินไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์ รวมถึงต้องไม่มีอาการตื่นกลางคืนจากหอบหืดเลย และไม่มีกิจกรรมใดๆที่ทำไม่ได้จากอาการหอบหืด
2. ความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงเวลาเกิดหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน (risk of adverse outcome)
ต้องประเมินจากหลายองค์ประกอบ เช่น
โดยถ้ามีความเสี่ยงที่จะเกิดความรุนแรงเวลาเกิดหอบหืดกำเริบ มีความจำเป็นที่จะต้องมียาควบคุมอาการต่อเนื่อง และอยู่ภานใต้การดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง
โดยคนไข้ที่ความคุมอาการได้ไม่ดี มักจะมีความเสี่ยงที่เกิดอาการกำเริบได้มากขึ้น แต่คนไข้ที่ควบคุมอาการได้ดี ก็ยังมีโอกาสเกิดอาการกำเริบแบบรุนแรงได้เช่นกัน
เป้าหมายของการรักษาโรคหอบหืดคือ ต้องควบคุมอาการได้ดี (มีการใช้ยาฉุกเฉินไม่เกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์) สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ และลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะหอบหืดกำเริบอย่างรุนแรง ซึ่งสามารถรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ อีกทั้งยังต้องไม่เกิดภาวะหลอดลมตีบตันถาวรในระยะยาว โดยจะปรับยาอย่างเหมาะสมไม่มากเกินไป เพื่อลดโอกาสการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา
โดยปัจจุบันการรักษาหอบหืด ยาหลักๆในการรักษาคือยาพ่นขยายหลอดลมและลดการอักเสบของหลอดลม โดยยาพ่นแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆดังนี้
นอกจากนี้ในปัจจุบันหอบหืดที่ควบคุมยากยังมียา biologics ใหม่ๆออกมาหลายตัวเพื่อควบคุมหอบหืดได้ดีขึ้น เช่น omalizumab (anti-IgE), mepolizumab และ benralizumab (anti-IL5), dupilumab (anti-IL4)
ผู้ป่วยหอบหืดไม่ได้เป็นความเสี่ยงของการติดเชื้อ covid-19 และจากการศึกษาปัจจุบันยังไม่พบว่าผู้ป่วยโรคหอบหืดที่ควบคุมได้ดีเป็นความเสี่ยงที่ covid-19 จะรุนแรงหรือเพิ่มอัตราการเสียชีวิตจาก covid-19
เมื่อมีอาการหอบหืดกำเริบเฉียบพลัน แนะนำให้ใช้ยาพ่นฉุกเฉิน (reliver) กลุ่ม inhaled short-acting B2-agonist (SABA) เช่น salbutamol MDI 4-10 puff ทุก 20 นาที ถ้าพ่น 3 รอบแล้วยังไม่หายให้รีบมาห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลเพื่อประเมินและรับการรักษาที่เหมาะสมเพิ่มเติม
โรคหอบหืดเป็นโรคที่รุนแรงถึงชีวิตได้ แต่ก็สามารถควบคุมได้เช่นกัน โดยการเข้าใจโรค รู้จักอาการและสิ่งกระตุ้นอาการ ใช้ยาพ่นถูกวิธีและสม่ำเสมอ หมั่นออกกำลังกาย รักษาโรคร่วมต่างๆ ลดความเครียด รู้จักอาการฉุกเฉิน และหมั่นพบแพทย์ตามนัด ดังนั้นใครที่เป็นโรคหอบหืดอยู่ หรือมีอาการที่สงสัยโรคหอบหืด แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital