บทความสุขภาพ

Knowledge

ท้องลม (Blighted Ovum) คืออะไร?

พญ. พลอยนิล พุทธาพิทักษ์พงศ์

ภาวะท้องลม (Blighted Ovum) คือ การตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อน หรือตัวอ่อนสลายไปตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อตรวจอัลตราซาวด์จะพบว่ามีเพียงถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบตัวอ่อน อาการดังกล่าวจะไม่เป็นอันตราย หากได้รับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้อง


Ultrasound.jpg

ภาวะดังกล่าว สามารถเกิดได้กับผู้หญิงได้ในทุกช่วงอายุ และไม่สามารถป้องกันได้ เนื่องจากเป็นความผิดปกติทางธรรมชาติ และยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น


ดังนั้นคุณผู้หญิงที่วางแผนตั้งครรภ์ควรศึกษาและทำความเข้าใจถึงอาการ และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อการวางแผนตั้งครรภ์และติดตามสุขภาพครรภ์ได้อย่างเหมาะสม


ท้องลม เกิดจากอะไร?


สาเหตุของการเกิดภาวะท้องลมนั้นยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าส่วนใหญ่ประมาณ 45 – 50% เกิดจากตัวอ่อนมีความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้ไม่สามารถเจริญต่อเป็นทารกได้ตามปกติ และสลายตัวไป คงเหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์


chromosome.jpg

กระบวนการแท้งลูก อาจใช้เวลาระหว่าง 7 – 12 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เมื่อร่างกายของเรารับรู้ถึงการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ และไม่มีการพัฒนาอย่างเหมาะสม ก็จะเริ่มขับเลือดและเนื้อเยื่อออกจากมดลูก เรียกว่า การตกเลือด ซึ่งผู้ตั้งครรภ์ต้องพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุของการตกเลือดต่อไป


ทำไมท้องลมแล้วถึงได้ผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นบวก?


การตรวจการตั้งครรภ์ แบ่งได้เป็น 3 วิธี คือ การตรวจโดยใช้ปัสสาวะ การตรวจโดยใช้เลือด และการตรวจด้วยวิธีอัลตราซาวด์ สำหรับ 2 วิธีแรก จะใช้ในการตรวจหาฮอร์โมนที่ชื่อว่า HCG (human chorionic gonadotropin) เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่บ่งบอกถึงการตั้งครรภ์


ฮอร์โมนดังกล่าว ถูกสร้างจากรก หลังจากเกิดการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ และตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้วอย่างน้อย 6 วัน โดยในช่วงแรก HCG จะมีค่าต่ำมาก แต่จะมีค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ


Pregnancy-check.jpg

ในกรณีของผู้ที่มีภาวะท้องลม แม้ว่าตัวอ่อนอาจฝ่อไปแล้ว แต่รกที่เติบโตขึ้นมานั้น ยังคงสร้างฮอร์โมน HCG ต่อไปได้อยู่ เพียงแต่ระดับจะต่ำกว่าปกติ เมื่อทดสอบการตั้งครรภ์ จึงพบผลการทดสอบเป็นบวกได้


หลักเกณฑ์ในการวินิจฉัยผู้ที่มีภาวะท้องลม


แพทย์ผู้ตรวจ ใช้เกณฑ์หลักในการวินิจฉัย ได้แก่


  1. ตรวจอัลตราซาวด์พบถุงการตั้งครรภ์ขนาดใหญ่กว่า 2.5 ซม. จากการอัลตราซาวด์ทางหน้าท้อง หรือ ใหญ่กว่า 1.7 ซม. จากการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด แต่ยังไม่พบตัวอ่อน
  2. ตรวจอัลตราซาวด์พบถุงการตั้งครรภ์ขนาดใหญ่กว่า 2 ซม. จากการอัลตราซาวด์ทางหน้าท้อง หรือ ใหญ่กว่า 1.3 ซม. จากการอัลตราซาวด์ทางช่องคลอดแต่ยังไม่พบถุงอาหารของทารกในครรภ์ (Yolk sac)
  3. ถุงการตั้งครรภ์มีลักษณะบิดเบี้ยว มีรูปร่างผิดปกติอย่างชัดเจน (deformed gestational sac)

Ultrasound.jpg

เราสามารถป้องกันการเกิดภาวะท้องลมได้หรือไม่?


หากเป็นการตั้งครรภ์ด้วยวิธีธรรมชาติ จะไม่สามารถป้องกันภาวะท้องลมได้ เพราะขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยงทางพันธุกรรมของทั้งสองฝ่าย


natural-pregnant-1.jpg

จากการศึกษาพบว่า มีโอกาสที่คู่สมรสคนใดคนหนึ่งจะเป็นผู้ถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมให้กับตัวอ่อนได้ แต่กรณีของผู้หญิง โอกาสเกิดภาวะนี้จะสัมพันธ์กับอายุ ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งเสี่ยงมาก เนื่องจากโอกาสที่ไข่จะยังมีความสมบูรณ์ทางพันธุกรรมอยู่จะลดน้อยลงตามอายุ


นอกจากนี้ หากคุณผู้หญิงเคยมีประวัติท้องลมมาก่อน ความเสี่ยงในการเป็นภาวะนี้ในการตั้งครรภ์อีกครั้งจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น


มีประวัติภาวะตั้งครรภ์ลมมาก่อน ควรทำอย่างไร?


หากใครมีประวัติเคยเป็นภาวะนี้มาก่อน แล้วมีการตั้งครรภ์อีก ควรรีบมาพบสูติแพทย์ เพื่อตรวจติดตามการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด และวางแผนการป้องกันอย่างเหมาะสม


บางคนอาจดูปกติดี เพราะมีชิ้นส่วนของโครโมโซมอยู่ครบ แต่เมื่อมีบุตร กลับพบภาวะที่ผิดปกติ เพราะโครโมโซมของตัวอ่อน มีการขาด เกิน หรือจับคู่ผิดพลาด ทำให้ตัวอ่อนไม่สามารถเติบโตต่อได้ และฝ่อไปในที่สุด


ดังนั้น หากเกิดภาวะนี้ซ้ำขึ้นอีก คู่สมรสทั้งสองคน ควรจะเข้ามาพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ เนื่องจากอาจเกิดขึ้นจากการที่คู่สมรสคนใดคนหนึ่ง (หรือทั้งสองคน) ที่มีความผิดปกติของโครโมโซมได้ จะได้หาแนวทางป้องกันที่เหมาะสมได้ก่อนตัดสินใจมีบุตรคราวถัดไป


ท้องลม ไม่ใช่ ท้องหลอก


หลายคนอาจเข้าใจผิดว่า 2 คำนี้มีความหมายเหมือนกัน แต่ที่จริงแล้ว ท้องหลอก เป็นคนละอาการกัน เนื่องจากท้องหลอกเป็นความผิดปกติทางใจ โดยสามารถอธิบายเพิ่มเติมในส่วนของคำว่าท้องหลอกได้ ดังนี้


ในทางการแพทย์ อาการท้องหลอก (pseudocyesis) เป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คุณผู้หญิงคิดว่า ตัวเองกำลังตั้งครรภ์อยู่ โดยมักจะรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเหมือนคนท้อง ไม่ว่าจะเป็นอาการคลื่นไส้ อาเจียน คัดตึงเต้านม ประจำเดือนขาด รู้สึกว่าท้องโตขึ้น บางคนคิดว่าลูกกำลังดิ้น


แต่เมื่อแพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายดูแล้ว กลับไม่พบสิ่งที่แสดงว่าตั้งครรภ์ เช่น ตรวจอัลตราซาวด์แล้วไม่พบการตั้งครรภ์ เป็นต้น ไม่เหมือนกับกรณีของภาวะท้องลม ที่แพทย์จะตรวจพบการตั้งครรภ์จริง และมีอาการที่บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์


pseudocyesis.jpg

ดังนั้น อาการท้องหลอก จึงมักเป็นเรื่องทางใจเป็นหลัก ซึ่งอาจเกิดจากความคาดหวังที่จะมีลูก หรือความเครียด อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่ใจ แพทย์จะมีการตรวจวินิจฉัยโดยละเอียดเพิ่มเติมด้วย เพราะผู้ป่วยอาจมีโรคหรือความผิดปกติทางกายที่แสดงออกมาคล้ายว่าจะตั้งครรภ์ได้ เช่น น้ำนมไหลจากการมีกลุ่มฮอร์โมนบางกลุ่มมากเกินไป เป็นต้น


แนวทางการรักษาสำหรับผู้ที่มีอาการท้องหลอก จะมุ่งเน้นการเยียวยาทางใจมากกว่าการใช้ยา เช่น การให้คำแนะนำ การให้กำลังใจ การช่วยให้ผ่อนคลายและลดความวิตกกังวล


การรักษาภาวะท้องลม


ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมาพบแพทย์ด้วยปัญหาเลือดออกในระยะแรกของการตั้งครรภ์ หรือที่เรียกว่าแท้งคุกคาม แต่ในบางครั้งก็แยกได้ยากในช่วงที่ตั้งครรภ์ปกติในช่วงไตรมาสแรก ซึ่งการตรวจอัลตราซาวด์อาจพบแค่เพียงถุงการตั้งครรภ์ แต่อาจไม่พบตัวอ่อนก็ได้


abort.jpg

ในบางครั้ง การวินิจฉัยที่ชัดเจนจึงต้องอาศัยการตรวจติดตามในระยะเวลา 1 – 2 สัปดาห์ หลังจากตรวจอัลตราซาวด์ครั้งแรก ว่าเห็นตัวอ่อนพัฒนาขึ้นจากเดิมหรือไม่


การรักษา จำเป็นต้องขูดมดลูกหรือไม่?


Curettage.jpg

เมื่อตรวจวินิจฉัยพบว่าเป็นภาวะท้องลม การรักษาแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ


  1. กรณีที่ถุงการตั้งครรภ์ สามารถหลุดลอกออกมาได้เองทั้งหมด และไม่มีอาการแทรกซ้อนที่อันตราย ก็ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาโดยการขูดมดลูก
  2. แต่หากในกรณีที่ผู้ป่วยบางรายที่ร่างกายไม่สามารถขับถุงการตั้งครรภ์ออกมาได้เองจนหมดและตรวจพบว่ามีเยื่อบุใด ๆ เหลือตกค้างอยู่ ก็จะทำการรักษาโดยการขูดมดลูกเพื่อเอาเยื่อบุหรือชิ้นเนื้อภายในโพรงมดลูกออกมา เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเข้าไปภายในโพรงมดลูก

สรุป


ภาวะท้องลม เป็นการตั้งครรภ์ที่ผิดปกติ โดยมีการเจริญของรกและถุงการตั้งครรภ์ แต่ตัวอ่อนฝ่อไปก่อน เมื่อตรวจด้วยการอัลตราซาวด์จะพบว่ามีแต่ถุงการตั้งครรภ์เปล่า แต่ไม่พบตัวอ่อน


ผู้หญิงทุกวัย มีโอกาสที่จะพบภาวะนี้ได้ ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ทางพันธุกรรมของตัวคุณผู้หญิงเอง โดยความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นตามอายุและประวัติการตั้งครรภ์ในอดีต นอกจากนี้อาจมาจากโครโมโซมที่ผิดปกติของคุณผู้ชายได้ด้วย


การฝากครรภ์และรับการตรวจครรภ์อย่างสม่ำเสมอ จะทำให้เรารู้ว่ากำลังมีภาวะเสี่ยงต่ออาการผิดปกติของครรภ์หรือไม่ ช่วยให้วางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที


แน่นอนว่าไม่มีใครอยากพบเจอกับความสูญเสียเช่นนี้ แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว ขอให้ทุกคนทำจิตใจให้เข้มแข็งไว้ และคอยดูแลเอาใจใส่ให้กำลังใจกันให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้

Antenatal-care.jpg

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. พลอยนิล พุทธาพิทักษ์พงศ์

พญ. พลอยนิล พุทธาพิทักษ์พงศ์

ศูนย์สูตินรีเวช

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital