บทความสุขภาพ

Knowledge

ตรวจคัดกรองมะเร็ง…กันไว้ดีกว่าแก้

“กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าแย่เดี๋ยวจะแก้ไม่ทัน” สุภาษิตโบราณนี้เข้ากับทุกยุคสมัย โดยเฉพาะแนว นิยมด้านสุขภาพในปัจจุบันที่เน้นเชิงป้องกันมากขึ้น ทั้งการออกกําลังกาย อาหารการกิน อาหารเสริม และการตรวจสุขภาพประจําปี หนึ่งในหัวข้อสําคัญ สําหรับการตรวจสุขภาพ ได้แก่ การตรวจคัดกรอง โรคมะเร็ง


(การตรวจคัดกรองหมายถึงการตรวจหา โรคแม้มีได้มีอาการ) โรคใดบ้างที่ควรได้รับการตรวจ คัดกรอง และเหตุผลคืออะไร ซึ่งองค์การอนามัย โลกให้คําอธิบายและหลักเกณฑ์ไว้ชัดเจนดังนี้ 1.เป็นโรคที่พบบ่อย 2.เป็นโรคที่มีระยะเวลาที่ไม่แสดง อาการยาวนาน 3.เป็นโรคที่สามารถรักษาได้ 4. วิธีการตรวจมีความแม่นยําและเชื่อถือได้ 5. วิธีการ ตรวจเป็นที่ยอมรับ


โรคที่มีคุณสมบัติครบถ้วนชัดเจนคือ มะเร็ง เต้านม เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในเพศหญิง และเป็นโรคเงียบ กล่าวคือ มีระยะเวลาที่ไม่แสดง อาการยาวนานจากรอยโรคเล็กๆ ใช้เวลาเจริญ เติบโตจนกระทั่งเป็นก้อนที่คลําได้เฉลี่ยถึงสองปี ซึ่ง การตรวจคัดกรองด้วยแมมโมแกรมและอัลตรา ชาวต์เต้านมจะช่วยให้เริ่มวินิจฉัยและรักษาได้เร็ว ขึ้นมาก ส่งผลถึงความยุ่งยากในการรักษาและอัตรา การหาย ในขณะเดียวกันการรักษามะเร็งเต้านม ในปัจจุบันได้ผลดีมาก มากกว่า 70% ของผู้ป่วย สามารถหายขาดจากโรคได้ การตรวจคัดกรองโรค มะเร็งเต้านม วิธีที่เป็นมาตรฐานได้แก่การทําแมม โมแกรม ซึ่งก็คือการเอ็กซเรย์เต้านมนั่นเอง แต่เป็น เครื่องมือที่ผลิตขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อการตรวจเต้า นม มีสองขั้นตอน ได้แก่ การบีบเนื้อเต้านมและ การเอ็กซเรย์ เป้าหมายของการบีบเนื้อเต้านมคือ การทําให้ความหนาของเนื้อที่จะเอ็กซเรย์บางลง


เพื่อลดการทับซ้อนกันของเนื้อเยื่อเต้านมส่งผลให้ ตรวจพบก้อนได้ง่ายมากขึ้นและใช้รังสีน้อยลง ซึ่ง ในปัจจุบันกล่าวได้ว่าปริมาณรังสีที่ได้รับน้อยมากๆ จนไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด ความผิดปกติที่อาจ เกิดจากมะเร็งและสามารถเห็นในแมมโมแกรม ได้แก่ ก้อนในเต้านม, หินปูนเกาะผิดปกติในเนื้อเต้านม และโครงสร้างที่ผิดรูปไปของเต้านม อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจส่งผลให้ความแม่นยําในการตรวจ เต้านมด้วยการทําแมมโมแกรมลดลง เช่น ในผู้ที่มี ความหนาแน่นของเนื้อเต้านมสูง เต้านมจะมีความ ทึบรังสีมากขึ้น และอาจซ้อนทับกันจนบังก้อนที่มี อยู่ได้ ในกรณีที่เนื้อเต้านมมีความหนาแน่นสูงนี้ อาจส่งผลให้ความแม่นยําในการตรวจคัดกรองด้วย แมมโมแกรมอย่างเดียวลดลงมากถึง 50% ซึ่งการ ตรวจเสริมด้วยอัลตราซาวด์จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ เป็นอย่างดี


การตรวจอัลตราซาวด์เต้านม เป็นการตรวจ ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงแบบเดียวกับการอัลตรา ซาวด์ช่องท้องที่เราคุ้นเคยนั่นเอง การทํางานของ การเครื่องมือนี้คล้ายกับโซนาร์ที่ใช้หาปลาทะเล แต่ภาพที่ได้มีความละเอียดมากกว่า โดยหัวตรวจ อัลตราซาวด์จะปล่อยคลื่นเสียงความถี่สูงออกมา และรับคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับเอามาประมวลผล สร้างเป็นภาพ โดยมีหลักการว่าเนื้อเยื่อแต่ละชนิด จะสะท้อนเสียงกลับได้ไม่เท่ากัน จากนั้นเอาข้อมูลที่ ได้ทั้งความลึกและปริมาณเสียงที่สะท้อนกลับมา สร้างเป็นภาพ อัลตราซาวด์สามารถตรวจหาก้อน ในเต้านมได้แม้เนื้อเยื่อจะมีความหนาแน่นมากจน ไม่สามารถตรวจด้วยแมมโมแกรมได้ อย่างไรก็ตาม การตรวจคัดกรองยังจําเป็นต้องใช้การตรวจแมม โมแกรม เพราะลักษณะหินปูนที่เกาะในเนื้อเต้านม และโครงสร้างที่ถูกดึงบิดไปยังเป็นรอยโรคที่พบโดย แมมโมแกรมและแทบจะไม่เห็นในอัลตราซาวด์เลย


การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในยุโรปตะวัน ตกหรือสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่จะเป็นบริการที่จัดโดย รัฐให้ตรวจได้ฟรี และเป็นการตรวจแมมโมแกรมเพียง อย่างเดียว จนเมื่อพบความผิดปกติจึงจะเรียกกลับ มาตรวจซ้ําด้วยอัลตราซาวด์ แต่ในประเทศไทยเรา มักพบผู้หญิงที่เต้านมมีความหนาแน่นสูง (เต้านมเล็ก กว่า แต่ปริมาณต่อมน้ํานมเท่ากัน) ซึ่งมีผลให้ความไว ของแมมโมแกรมในการตรวจหาก้อนลดลง ดังนั้นใน ประเทศไทยเราจึงตรวจทั้งแมมโมแกรมและอัลตรา ชาวดเต้านมไปพร้อมๆ กัน จากรายงานการวิจัยพบ ว่าการตรวจแมมโมแกรมเพียงอย่างเดียวมีความไว ในการวินิจฉัยความผิดปกติได้ประมาณ 85-90% แต่ ในเต้านมที่มีความหนาแน่นสูงความไวในการตรวจ


จะลดลงเหลือเพียง 35-50% แต่ถ้าได้รับการตรวจ อัลตราซาวด์ร่วมด้วยความไวในการตรวจพบความ ผิดปกติจะเพิ่มกลับไปเป็น 90-95% เกณฑ์ที่มีเหตุผล ทางวิชาการเป็นที่ยอมรับทั่วโลกสําหรับการตรวจคัด กรองมะเร็งเต้านมคือ ควรได้รับการตรวจคัดกรอง ทุกปี โดยเริ่มตรวจตั้งแต่อายุ 40 ปี และตรวจ ไปเรื่อยๆ ตราบใดที่ยังสามารถใช้ชีวิตประจําวัน ปกติได้เครื่องมืออื่นๆ ที่มีความพยายามนํามาใช้ ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมแต่ยังพบว่าไม่เหมาะ สมนัก ได้แก่ การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI Breast) การตรวจวิธีนี้มีความไวในการตรวจ พบความผิดปกติสูงมากกว่าแมมโมแกรมมาก แต่ ในขณะเดียวกันกลับพบว่าความไวที่มากเกินไป นี้ส่งผลให้ผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดโดยไม่จําเป็น เพิ่มมากขึ้น อาจพูดได้ว่าการตรวจวิธีนี้มีความไว มากเกินไปจนทําให้มองเห็นรอยโรคที่ไม่ใช่มะเร็ง เป็นรอยโรคที่มีความน่าสงสัย


ดังนั้นการนําวิธี การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามาใช้ในผู้ป่วย ทั่วไปยังเป็นสิ่งที่เกินความจําเป็น แต่สามารถนํา มาใช้ได้ด้วยความระมัดระวังหรือใช้ในผู้ที่มีความ เสียงสูงมาก เช่น ทราบแน่นอนว่ามีพันธุกรรมผิด ปกติ การตรวจสารบ่งชี้มะเร็ง สารบ่งชี้มะเร็งคือ สารที่สร้างโดยเซลล์มะเร็งและไม่สร้างโดยเชลล์ ปกติหรือสร้างในปริมาณต่ํามากๆ ถ้ากล่าวเพียง แค่นี้โดยคําจํากัดความแล้วสารบ่งชี้มะเร็งน่าจะ ใช้ในการตรวจหามะเร็งได้และมีความสะดวกใน การใช้อย่างมาก เพราะใช้แค่การตรวจเลือด แต่ ในความเป็นจริงสารต่างๆ เหล่านั้นแม้ไม่สร้าง โดยเชลล์ปกติ แต่กลับมีการตรวจเลือดพบสารบ่ง ชี้มะเร็งต่างๆ ได้สูงมากขึ้นในภาวะที่มีการอักเสบ ในอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย สารบ่งชี้มะเร็งเกือบ ทั้งหมดมีความไวต่ําและมีความจําเพาะต่ํา กล่าว คือ แม้ขณะเป็นมะเร็งก็อาจตรวจไม่พบสารบ่ง ชี้มะเร็ง โชคร้ายไปกว่านั้นบางขณะแม้ไม่เป็น มะเร็งก็ยังอาจตรวจพบสารบ่งชี้มะเร็งสูงขึ้นได้ อีกด้วย ซึ่งทําให้เกิดความยุ่งยากอย่างมากกว่าจะ สามารถวินิจฉัยได้แน่นอนว่าไม่ได้เป็นมะเร็งและ ยังเสียสุขภาพจิตอย่างร้ายแรงอีกด้วย

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital