บทความสุขภาพ

Knowledge

การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง การรักษาอาการปวดหลังโดยไม่ต้องผ่าตัด

นพ. รัฐฤกษ์ อรุณากูร

อาการปวดหลัง ปวดหลังร้าวลงขาที่เกิดจากการอักเสบภายในโพรงประสาทที่มีรากประสาทไขสันหลังอยู่ ซึ่งมักมีสาเหตุจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท กระดูกข้อต่ออักเสบ หรือโพรงประสาทกระดูกสันหลังตีบแคบ ทำให้มีอาการปวดหลัง ซึ่งมักเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตประจำวัน อาการปวดหลัง ปวดหลังร้าวลงขา หากปวดมากอาจรบกวนการนอนหลับ หรือ อาการชา ขาอ่อนแรงก็จะเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวร่างกาย และในรายที่มีอาการรุนแรงอาจทำให้กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่อยู่ ซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก


ปัจจุบันการรักษาการปวดหลังจากภาวะดังกล่าวข้างต้นมีหลายวิธี ทั้งการรักษาด้วยการรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด การผ่าตัด และทางเลือกหนึ่งของการรักษาอาการปวดหลังดังกล่าวคือ การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง เพื่อยับยั้งการอักเสบในโพรงประสาท เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งจะเหมาะกับผู้ป่วยที่ยังไม่อยากรักษาด้วยการผ่าตัด และผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงจากการผ่าตัดสูง เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวหลายโรค หรือผู้ที่เคยผ่าตัดแล้วแต่ยังมีอาการปวดอยู่ ซึ่งการรักษาด้วยวิธีฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังเป็นการรักษาที่ลดอาการปวดได้ดี ภาวะแทรกซ้อนน้อย ผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีนี้จะมีอาการปวดลดลงอย่างชัดเจน โดยหลังฉีดผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้น คืออาการปวดจะลดลงภายใน 1-2 สัปดาห์ และฤทธิ์ของยาอยู่ได้นานหลายเดือน จึงเป็นวิธีการรักษาที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังคืออะไร?


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง (epidural steroid injections; ESI) เป็นการรักษาอาการปวดหลังโดยการฉีดยาสเตียรอยด์ที่ผสมกับยาชา เข้าไปที่โพรงประสาทไขสันหลัง (โพรงประสาทไขสันหลังเป็นโพรงช่องว่างที่อยู่ในกระดูกสันหลังซึ่งเป็นที่อยู่ของเส้นประสาท) เพื่อลดการอักเสบของเส้นประสาทไขสันหลัง ที่เกิดจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท โรคโพรงประสาทกระดูกสันหลังตีบแคบในผู้สูงอายุ โรคที่มีการอักเสบของเส้นประสาทไขสันหลัง หรือผู้ป่วยที่ผ่าตัดกระดูกสันหลังแล้วแต่ยังมีอาการปวดหลัง และปวดร้าวลงขาอยู่ เพื่อลดอาการปวดหลัง ปวดเอว แล้วร้าวลงขา น่อง จนถึงปลายนิ้วเท้าได้


โดยยาสเตียรอยด์ที่มีส่วนผสมของยาชาที่ฉีดเข้าไปในโพรงประสาทหรือโพรงกระดูกสันหลังนี้จะไปออกฤทธิ์ต้านการอักเสบของเส้นประสาทที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งอาจเกิดจากการกดทับจากหมอนรองกระดูก การตีบแคบของโพรงประสาทกระดูกสันหลัง การบาดเจ็บจากการผ่าตัด หรือจากการอักเสบด้วยสาเหตุอื่น ๆ ยานี้จะช่วยลดการอักเสบและการบวมของเส้นประสาท โดยไปยับยั้งสารอักเสบต่าง ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นจากการที่มีการอักเสบของเส้นประสาท จึงทำให้การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถลดอาการปวดหลัง การปวดร้าวลงขาได้เป็นอย่างดี การรักษาด้วยวิธีนี้สามารถลดอาการปวดได้นานเป็นเดือนหรือหลายเดือน และเป็นการรักษาที่มีภาวะแทรกซ้อนน้อย ผลข้างเคียงต่ำ จึงเป็นการรักษาที่ค่อนข้างปลอดภัย


อย่างไรก็ตามการรักษาต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ เพราะเป็นหัตถการที่ยากกว่าการเจาะน้ำไขสันหลังหรือการฉีดยาเข้าโพรงประสาททั่วไป และต้องมีการพิจารณาความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละรายเพื่อให้ผลการรักษาดีที่สุด และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังรักษาอะไรได้บ้าง?


  • โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับเส้นประสาท (lumbar disc herniation)
  • โรคโพรงประสาทกระดูกสันหลังตีบแคบ (spinal stenosis)
  • โรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อม (degenerative disc)
  • โรคข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม (spondylosis)
  • อาการปวดร้าวลงขาจากภาวะข้อต่อฟาเซ็ตเสื่อม (facet joint syndrome)
  • ข้อบ่งชี้อื่น ๆ เช่น อาการปวดหลัง โดยเฉพาะอาการปวดหลังส่วนล่าง หรือส่วนเอว (localized low back pain) หรือการอักเสบของเส้นประสาทจากสาเหตุอื่น ๆ

การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังเหมาะกับใครบ้าง?


  • ผู้ที่มีอาการปวดหลังร้าวลงขาเรื้อรัง จากโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อนกดทับเส้นประสาทหรือโพรงประสาทกระดูกสันหลังตีบแคบ
  • ผู้ที่มีอาการปวดหลังจากการอักเสบของข้อต่อฟาเซท เป็นอาการปวดจากข้อต่อกระดูกสันหลังทางด้านหลัง ซึ่งสามารถเป็นสาเหตุของอาการปวดเรื้อรังได้ทั้งบริเวณ คอ หลัง และเอว
  • ผู้ที่มีอาการปวดหลังที่รักษาด้วยการรับประทานยาและกายภาพบำบัดแล้วยังไม่ดีขึ้น
  • ผู้ที่มีอาการปวดหลังมากจนกระทบการนอนหลับหรือไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดได้

อย่างไรก็ตามควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญ เพื่อการพิจารณาและการวางแผนการรักษาที่เหมาะสมและให้ผลการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังทำอย่างไร?


การฉีดสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง มีขั้นตอนดังนี้


  1. ทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และฉีดยาชาเฉพาะที่เพื่อลดความรู้สึกเจ็บบริเวณที่ฉีดยา
  2. แพทย์จะหาตำแหน่งที่ต้องการฉีดยาสเตียรอยด์ และสอดเข็มเข้าไปในช่องว่างของโพรงประสาทตำแหน่งนั้น โดยใช้เครื่องอัลตราซาวนด์ (ultrasound) หรือเครื่องเอกซเรย์ฟลูออโรสโคป (fluoroscopy) ช่วยในการระบุตำแหน่งเพื่อความแม่นยำ
  3. แพทย์จะทำการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังตำแหน่งที่มีการอักเสบของเส้นประสาท
  4. หลังฉีดยาเสร็จแพทย์จะกดห้ามเลือด ทำความสะอาดบริเวณที่ฉีดและปิดแผลแล้วให้ผู้ป่วยพักฟื้นสังเกตอาการ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง

การเตรียมตัวก่อนการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง


แพทย์จะตรวจร่างกาย ซักประวัติสุขภาพ ประเมินว่าสามารถรับการรักษาด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังได้หรือไม่ และนัดหมายวัน เวลาในการเข้ารับการรักษา พร้อมอธิบายการเตรียมตัว ดังต่อไปนี้


  1. งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
  2. หากมีโรคประจำตัว แพ้อาหารทะเล มีประวัติการแพ้สารทึบรังสี แพ้ยาชาเฉพาะที่ ต้องแจ้งแพทย์ให้ทราบ เพื่อป้องกันอาการแพ้ และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย
  3. หากมีประวัติการทานยาละลายลิ่มเลือดหรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (warfarin) หรือโคลพิโดเกรล (clopidogrel) ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อทำการปรับยาหรือหยุดยาก่อนการรักษา
  4. ควรแจ้งแพทย์หากมีการตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
  5. กรณีที่รับประทานยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรบางอย่าง ควรปรึกษาแพทย์ว่าจำเป็นที่จะต้องงดก่อนฉีดยาสเตียรอยด์หรือไม่
  6. ต้องมีญาติหรือผู้ดูแลมาโรงพยาบาลกับผู้ป่วยด้วย เพราะแม้ว่าหลังฉีดยา ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล แต่อาจจะรู้สึกชา ๆ หรือหนัก ๆ ที่ขา อาจทำให้เดินได้ไม่สะดวก จึงต้องมีคนช่วยดูแล ซึ่งอาการชานี้จะค่อย ๆ ดีขึ้นหลังการฉีดยา 2-3 ชั่วโมง

การปฏิบัติตัวหลังการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง


  1. หลังการฉีดยา แพทย์จะสังเกตอาการประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
  2. หลังการฉีดยาควรเดินด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจมีอาการขาชา อ่อนแรงในช่วงแรกได้
  3. หลังการฉีดยาสามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ยกเว้น การขับรถด้วยตัวเอง
  4. หากมีอาการปวดบริเวณที่ฉีดยา มีไข้ ปัสสาวะหรือขับถ่ายไม่ได้ตามปกติ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ให้กลับมาพบแพทย์

ผลข้างเคียงของการฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลังเป็นการรักษาที่มีความปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ แต่การรักษาอาจพบผลข้างเคียงได้ ดังนี้


  • อาจมีอาการปวด บวม ช้ำบริเวณที่ฉีด 2-3 วัน ซึ่งสามารถบรรเทาอาการโดยการประคบเย็น
  • อาจมีอาการแพ้ยาชา แพ้สารทึบรังสีได้หลังการฉีด
  • ผลข้างเคียงของยาสเตียรอยด์ อาจทำให้เป็นสิวมากขึ้น ประจำเดือนมาผิดปกติ ในคนที่เป็นโรคเบาหวานการฉีดสเตียรอยด์อาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นชั่วคราว หน้าบวม หรือตัวบวมได้
  • ในคนที่เป็นโรคต้อหินอาจทำให้ความดันตาเพิ่มขึ้น
  • อาจมีอาการปวดศีรษะชั่วคราวหลังการฉีดยาจากการรั่วของน้ำไขสันหลังได้
  • อาจมีเลือดออกในบริเวณที่ฉีดยา
  • การติดเชื้อในบริเวณที่ฉีดยา (พบได้น้อย)
  • การฉีดสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง หากทำบ่อยเกินไปอาจทำให้กระดูกสันหลังหรือกล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงอ่อนแรงลงได้

สรุป


การฉีดยาสเตียรอยด์เข้าโพรงกระดูกสันหลัง เป็นการรักษาอาการปวดหลังจากการอักเสบของเส้นประสาท ที่มีอาจมีสาเหตุจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนกดทับเส้นประสาท ภาวะโพรงประสาทกระดูกสันหลังตีบแคบ หรือการอักเสบจากสาเหตุอื่น ที่ทำให้ผู้ป่วยมีอาการปวดหลังเรื้อรัง หรือปวดหลังร้าวลงขาทำให้มีผลกระทบต่อกิจวัตรประจำวัน เป็นการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด ลดอาการปวดและการอักเสบได้ดี มีความเสี่ยงต่ำ มีระยะเวลาการออกฤทธิ์เป็นเดือนหรือหลายเดือน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถกลับมาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามหากมีอาการปวดหลังควรปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจวินิจฉัย และหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการโดยแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญเพื่อการรักษาที่ถูกต้องและได้ผลลัพท์การรักษาที่ดีที่สุด

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. รัฐฤกษ์ อรุณากูร

นพ. รัฐฤกษ์ อรุณากูร

ศูนย์กระดูกและข้อโรงพยาบาลพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital