บทความสุขภาพ

Knowledge

มะเร็งปอด ตรวจเร็วรักษาทัน…ไอเรื้อรัง มีเลือดปน ควรพบแพทย์ด่วน

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

โรคมะเร็งปอดที่เป็นโรคมะเร็งยอดฮิตที่พบได้บ่อยทั้งในผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งอาจจะเกิดจากพฤติกรรมต่าง ๆ ที่คอยทำร้ายสุขภาพทั้งแบบรู้ตัวและแบบไม่รู้ตัว เช่น การสูบบุหรี่ หรือการได้รับมลพิษในสิ่งแวดล้อม แต่อย่างไรก็ตาม “มะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้ หากตรวจพบเร็ว และรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น”


โรคมะเร็งปอดเกิดจากอะไร ?


มะเร็งปอด เกิดจากเซลล์เนื้อเยื่อบุผิวของปอดเจริญเติบโตผิดปกติอย่างรวดเร็ว จนไม่สามารถควบคุมได้ และเกิดเป็นก้อนเนื้อร้ายในที่สุด โดยเนื้อร้ายนี้สามารถลุกลามและกระจายไปอวัยวะอื่น ๆ ได้ ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก กว่าผู้ป่วยจะรู้ตัวก็มักจะอยู่ในระยะโรคที่รุนแรงแล้ว


โดยปัจจุบันยังไม่สามารถบอกถึงสาเหตุของมะเร็งปอดได้ชัดเจนนัก แต่มีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด ได้แก่


  • การสูบบุหรี่ ทั้งผู้ที่สูบบุหรี่เอง และผู้ใกล้ชิดที่ได้รับควันบุหรี่ หรือที่เรียกว่า “ควันบุหรี่มือสอง” การสูบบุหรี่เป็นปัจจัยหลัก 80-90% เพราะในบุหรี่เต็มไปด้วยสารก่อมะเร็ง เมื่อสูดควันเข้าไปสารเหล่านี้จะเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อในปอดโดยตรงทำให้เกิดความเสียหายต่อเซลล์ และเกิดเป็นมะเร็งในที่สุด โดยคนที่สูบบุหรี่ 1 ซองต่อวันเป็นเวลา 20 ปี จะมีความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น 8 – 20 เท่า
  • สารพิษและมลภาวะในสิ่งแวดล้อม เช่น
    • สารแอสเบสตอส (asbestos) หรือแร่ใยหิน ที่ถูกนํามาใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง (กระเบื้องมุงหลังคา กระเบื้องแผ่นเรียบ ฝ้าเพดาน) อุตสาหกรรมการผลิตท่อน้ำซีเมนต์ กระเบื้องยางไวนิลปูพื้น ผ้าเบรก ฉนวนกันความร้อน และ อุตสาหกรรมสิ่งทอ แร่ใยหินเป็นสารที่ทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ โดยผู้ที่ทำงานในโรงงานที่มีการใช้แร่ใยหินจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนปกติถึง 7 เท่า
    • ก๊าซเรดอน (radon) เป็นก๊าซสารกัมมันตภาพรังสีที่เกิดจากการสลายตัวของเรเดียมหรือยูเรเนียม พบได้ในอาคารหรือสิ่งก่อสร้างซึ่งมักมีดิน หิน หรือทรายที่มีแร่เรเดียมเจือปนมา
    • สารเคมีอื่น ๆ เช่น สารหนู ถ่านหิน ที่ผู้ป่วยมักได้รับจากการประกอบอาชีพที่เกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรม หรือสารพิษจากมลภาวะที่มาจากท่อไอเสียของยานพาหนะ
    • ฝุ่น PM 2.5 หรือฝุ่นละอองจิ๋วขนาดเล็กที่มีขนาดโมเลกุลเล็กเพียง 2.5 ไมครอน ที่ไม่สามารถมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า โดยฝุ่น PM 2.5 จะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปอดมากขึ้นถึง 1 – 1.4 เท่า โดยเมื่อฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในปอดจะทำให้เกิดการอักเสบ และมีการกลายพันธุ์ของสารพันธุกรรม ซึ่งอาจทำให้เกิดมะเร็งปอดขึ้นได้
  • อายุ อายุที่มากขึ้น อวัยวะรวมถึงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายจะยิ่งทำงานเสื่อมสภาพลง โดยผู้ที่เสี่ยงจะเป็นมะเร็งปอดมากที่สุดจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 55 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สูบบุหรี่
  • พันธุกรรม ถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งปอด จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้น

lung-cancer-1.jpg

อาการของโรคมะเร็งปอด


มะเร็งปอดส่วนใหญ่มักจะไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก แต่จะมีสัญญาณที่บ่งบอกถึงการเกิดโรคเมื่อมีการเจริญเติบโตของมะเร็งมากขึ้น และอาการจะแตกต่างกันไปแล้วแต่ตำแหน่งของก้อนที่เกิดขึ้น โดยอาการที่พบได้ ได้แก่


  • ไอเรื้อรัง 50-75%
  • ไอมีเสมหะปนเลือด ไอมีเลือดสด 25-50%
  • เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก 25%
  • เจ็บหน้าอก 20%
  • เบื่ออาหาร น้ำหนักลดโดยหาสาเหตุไม่ได้
  • หายใจมีเสียงดังผิดปกติ
  • เสียงแหบ

อาการเหล่านี้พบได้ในโรคอื่น ๆ แต่หากมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยอย่างถูกต้อง


lung-cancer-2.webp

มะเร็งปอดกับวัณโรค


อาการไอแล้วมีเลือดปนเป็นอาการหนึ่งของโรคมะเร็งปอด และก็สามารถพบได้ในโรควัณโรค ซึ่งผู้ป่วยวัณโรคก็มักจะมีการอาการไอเรื้อรัง ไอเป็นเลือดเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ป่วยทั้งสองโรคนี้ก็มักจะมีอาการเหนื่อยง่ายร่วมด้วย ทำให้การแยกโรคมะเร็งปอดและโรควัณโรคออกจากกันได้ยากจากอาการดังกล่าว


ดังนั้นหากคุณมีอาการไอเรื้อรัง มีเลือดปน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยโรคและวางแผนการรักษาอย่างถูกต้อง


lung-cancer-3.jpg

มะเร็งปอด มีกี่ชนิด ?


มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักๆ ขึ้นกับชนิดของเซลล์ ซึ่งสามารถวินิจฉัยได้โดยการเอาชิ้นเนื้อไปตรวจทางพยาธิวิทยา โดยมะเร็งปอดแต่ละชนิดจะมีวิธีการรักษา และพยากรณ์โรคที่แตกต่างกันออกไป


  1. มะเร็งปอดชนิดไม่ใช่เซลล์เล็ก (non-small cell lung cancer) เป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบได้บ่อยกว่า สามารถแบ่งเป็นชนิดเซลล์ได้อีกหลายชนิด เช่น adenocarcinoma, squamous cell carcinoma ซึ่งชนิดของเซลล์จะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกันเล็กน้อย
  2. มะเร็งปอดชนิดเซลล์เล็ก (small cell lung cancer) เป็นมะเร็งปอดชนิดที่พบได้น้อยกว่า แต่เป็นชนิดที่ตอบสนองได้ดีต่อยาเคมีบำบัดและการฉายแสง

การวินิจฉัยมะเร็งปอด


การวินิจฉัยมะเร็งปอดต้องยืนยันการวินิจฉัยโดยการตรวจชิ้นเนื้อ ซึ่งการตรวจชิ้นเนื้อจะเกิดขึ้นได้ เราต้องตรวจพบก้อนเนื้อที่ผิดปกติในปอดให้เจอก่อน โดยถ้าเราตรวจเจอก้อนเนื้อที่ผิดปกติตั้งแต่ในระยะแรกเริ่ม การรักษามะเร็งปอดในระยะแรกด้วยการผ่าตัดสามารถหายขาดได้เลย


การตรวจ x-ray ปอด อาจไม่ใช่วิธีการคัดกรองโรคมะเร็งปอดที่ดีนัก เพราะกว่า x-ray ปอดจะตรวจพบความผิดปกติ ก็มักจะเป็นก้อนที่ค่อนข้างใหญ่ หรือลุกลามไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถทำการรักษาโดยการผ่าตัดให้หายขาดได้


การตรวจคัดกรองที่แนะนำ คือ การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบใช้ปริมาณรังสีต่ำ (low-dose CT lung scan) ซึ่งเป็นการตรวจที่ใช้ปริมาณรังสีน้อย และใช้เทคนิคการเก็บภาพแบบ 3 มิติ ที่มีความละเอียดมากกว่าเอกซเรย์ธรรมดามาก ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติต่างๆ ภายในปอดได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น


โดยปัจจุบันประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำให้ใช้วิธีดังกล่าว เป็นมาตรฐานในการคัดกรองโรคมะเร็งปอด ซึ่งจะได้ประโยชน์สูงสุดในกลุ่มคนไข้ที่มีความเสี่ยง นั่นคือ อายุมากกว่า 55 ปี มีประวัติสูบบุหรีมากกว่า 30 pack years (pack years = จำนวนบุหรี่ที่สูบใน 1 วัน x จำนวนปีที่สูบบุหรี่) และเลิกสูบบุหรีมาไม่เกิน 15 ปี ถึงแม้ไม่มีอาการผิดปกติใดๆ


***มะเร็งปอดสามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ดังนั้นการตรวจคัดกรองจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก***

หากมีอาการหรือแพทย์สงสัยว่าเป็นโรคมะเร็งปอด แพทย์อาจพิจารณาการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่


  • ตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (computed tomography scan; CT scan)
  • การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ (positron emission tomography scan; PET scan)
  • การตรวจโดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging; MRI)
  • การส่องกล้องหลอดลมปอด (bronchoscopy)
  • การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจหาชนิดของมะเร็ง (biopsy)

lung-cancer-4.webp

การรักษามะเร็งปอด

เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอดแล้ว การรักษาจะขึ้นอยู่กับ ชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง และความแข็งแรงของผู้ป่วย ซึ่งทางเลือกการรักษาในปัจจุบันมีความทันสมัยขึ้นมาก มีทั้งการผ่าตัด การใช้ยาเคมีบำบัด (chemotherapy) การรักษาด้วยการฉายแสง (radiotherapy) และการใช้ยาแบบจำเพาะเจาะจง (targeted therapy) โดยแพทย์จะร่วมตัดสินใจกับคนไข้และครอบครัว เพื่อเลือกการรักษาให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน


สรุป


อย่างที่ทราบกันดีว่า สาเหตุที่สำคัญของมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่ รวมถึงสารพิษและมลภาวะที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ดังนั้นการป้องกันมะเร็งปอดที่ดีที่สุดคือการงดสูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงการรับควันบุหรี่มือสอง และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการตรวจคัดกรองสุขภาพปอดอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกปี และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบ low-dose CT lung scan ในคนที่มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งปอด จะช่วยให้สามารถตรวจพบและรักษามะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ทำให้ลดอัตราการเสียชีวิตและทำไห้ผู้ป่วยมีโอกาสหายจากโรคมะเร็งปอดได้


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

พญ. มัณฑนา สันดุษฎี

ศูนย์โรคปอดและระบบทางเดินหายใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital