บทความสุขภาพ

Knowledge

ออฟฟิศซินโดรม รักษาได้ผลดีตั้งแต่ครั้งแรก ด้วยเทคนิค PMS

นพ. ปรมินทร์ ชัยวิบูลย์ผล

หากพูดถึงกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรมแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นกลุ่มอาการของคนยุคใหม่ ที่มักต้องทำงานแบบประจำอยู่กับที่ มีการเคลื่อนไหวน้อย หรือมักต้องเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อในลักษณะเดิม ๆ ซ้ำ ๆ เป็นประจำ


แต่เมื่อพูดถึงวิธีการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่ได้ผลดีนั้น จะมีใครรู้หรือไม่ว่า Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) หรือการรักษาด้วยเทคนิคการกระตุ้นประสาทส่วนปลายด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นวิธีการรักษาหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ในการบำบัดอาการออฟฟิศซินโดรมอย่างได้ผล


https://www.praram9.com/officesyndrome/

Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) คืออะไร


Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) คือ วิธีการกระตุ้นประสาทส่วนปลายด้วยแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นเทคนิคการบำบัดรักษาอาการปวด ชา และอาการทางประสาทต่าง ๆ ด้วยการส่งคลื่นไปกระตุ้นเนื้อเยื่อ และการไหลเวียนของเลือดในตำแหน่งนั้น ๆ โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของอวัยวะโดยรอบ


หลักการทำงานของ Peripheral Magnetic Stimulation (PMS)


peripheral-magnetic-stimulation-1.jpg

การรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า PMS มีหลักการทำงาน คือ เครื่องจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าความแรงสูง ทะลุผ่านเสื้อผ้าลงไปจนถึงกระดูกหรือกล้ามเนื้อชั้นลึก ๆ ที่ต้องการกระตุ้น


จากนั้น เครื่องจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดเกิดการหดและคลายตัวสลับกันตามความถี่ที่กำหนดไว้ คล้ายกับการสั่นที่กล้ามเนื้อ จึงช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดในบริเวณที่ถูกกระตุ้น ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา


นอกจากนี้ PMS ยังช่วยฟื้นฟูความบกพร่องในการทำงานของระบบประสาท ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของระบบประสาท (Neuroplasticity) ที่ผิดปกติให้กลับมาเป็นปกติได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยลดอาการเจ็บปวดเรื้อรังของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี


ความเป็นมาของนวัตกรรมการรักษาโรคด้วย PMS


การใช้เครื่องมือกระตุ้นด้วยแม่เหล็กเพื่อการรักษาได้มีมาอย่างยาวนาน แต่ในอดีตอุปกรณ์ที่สร้างคลื่นแม่เหล็ก ให้คลื่นแม่เหล็กได้ต่ำมาก และยังไม่ทะลุทะลวง ทำให้การรักษายังไม่ได้ผลดีนัก


ในปัจจุบัน มีเทคโนโลยีที่ผลิตคลื่นแม่เหล็กความแรงสูงได้แล้ว จึงเริ่มมีการนำมาใช้ในการรักษาผู้ป่วยโรคสมองและระบบประสาท ในรูปแบบของเครื่องที่สร้างสนามแม่เหล็กกำลังสูงไปกระตุ้นสมอง เรียกเทคนิคดังกล่าวว่า Transcranial Magnetic Stimulation หรือ TMS


คลิกอ่านรายละเอียดการรักษาด้วย TMS เพิ่มเติม


ในภายหลังได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องส่งคลื่นแม่เหล็กให้มีกำลังที่แรงมากขึ้น ใช้งานได้สะดวกขึ้น และทนความร้อนได้ดียิ่งขึ้น เพื่อนำมาใช้กับการกระตุ้นตามส่วนต่าง ๆ ทั่วร่างกายเพื่อการบำบัดรักษาให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เรียกเทคโนโลยีใหม่นี้ว่า Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) ที่เรากำลังพูดถึงกันอยู่นั่นเอง


กลุ่มโรคหรืออาการ ที่ PMS สามารถช่วยรักษาได้


peripheral-magnetic-stimulation-2.jpg

PMS ถูกใช้ในการบำบัดรักษากลุ่มโรคและอาการต่าง ๆ ดังนี้


  1. ใช้รักษาออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดต่าง ๆ: ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดเฉียบพลัน หรืออาการปวดเรื้อรังที่มาจากการใช้งานกล้ามเนื้อในลักษณะซ้ำ ๆ เป็นประจำอย่างออฟฟิศซินโดรม ก็สามารถรักษาได้โดยใช้ PMS โดยเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่เริ่มเข้าไปรักษาเลย
  2. กลุ่มอาการชา : ไม่ว่าจะเป็นมือชา ขาชา เท้าชา ซึ่งเป็นผลมาจากเส้นประสาทถูกกดทับ ความผิดปกติของปลายประสาท หรือภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวาน โดยพบว่า PMS สามารถรักษาให้อาการดีขึ้นประมาณ 50-100% เลยทีเดียว
  3. อาการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหรือการเล่นกีฬา : หากเกิดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูก เช่น อาการเคล็ดขัดยอกต่าง ๆ เราสามารถใช้ PMS เพื่อกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อและซ่อมแซมระบบประสาทส่วนที่มีการเสียหายให้กลับมาเป็นปกติได้เร็วยิ่งขึ้น
  4. กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง : โดยพบว่าคลื่นแม่เหล็กสามารถใช้ในการกระตุ้นลงลึกได้ถึงรากประสาทโดยตรง อีกทั้งยังช่วยเร่งการฟื้นตัวของเส้นประสาทที่บาดเจ็บการกดทับรากประสาทที่คอและเอวจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อมได้อีกด้วย
  5. กลุ่มอัมพฤกษ์ อัมพาต จากหลอดเลือดสมอง: เราสามารถใช้ PMS เพื่อบำบัดรักษาผู้ป่วยในกลุ่มนี้ได้ เพราะการยิงคลื่นแม่เหล็กกระตุ้น จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงและชะลอการฝ่อของกล้ามเนื้อ และยังช่วยลดอาการเกร็งของผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาตได้

นอกจากนี้ PMS ยังช่วยในการฟื้นฟูระบบประสาทส่วนที่เสียหายไปได้ด้วย โดยแพทย์จะใช้คลื่นกระตุ้นตามแนวเส้นประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณที่มีปัญหา แต่จะได้ผลเร็วหรือช้าแค่ไหนนั้น จะขึ้นอยู่กับรอยโรคในสมองของผู้ป่วยแต่ละคน


ทำไมถึงควรใช้เทคโนโลยี PMS ในการรักษาออฟฟิศซินโดรม


เมื่อมีการนำ PMS ไปใช้งานเพื่อการรักษาออฟฟิศซินโดรมแล้ว พบว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาดีเยี่ยม โดยสามารถสรุปข้อดีของเทคโนโลยีดังกล่าวได้ดังนี้


peripheral-magnetic-stimulation-3.jpg

ประโยชน์ในแง่การรักษา


  1. รักษาได้ทั้งอาการและสาเหตุของการปวดเฉียบพลัน ปวดกึ่งเฉียบพลัน และปวดเรื้อรัง
  2. รักษาได้ทั้งอาการปวดที่มาจากระบบประสาท และอาการปวดที่ไม่ได้มาจากระบบประสาท เช่น อาการปวดจากกล้ามเนื้อ เอ็น และกระดูก
  3. ช่วยกระตุ้นให้มีการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
  4. ช่วยกระตุ้นให้เกิดการซ่อมแซมส่วนของประสาทที่เสียหาย เช่น เส้นประสาทแขนขา มือตก เท้าตก แขนขาอ่อนแรง การกดทับรากประสาทที่คอและหลัง (ที่เกิดจากหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม) เป็นต้น
  5. ช่วยกระตุ้นให้เกิดการปรับเปลี่ยนทางโครงสร้างของเส้นประสาท (neuroplasticity) ที่มีพฤติกรรมผิดเพี้ยนไปจากปกติ ให้กลับมาเป็นปกติ เช่น อาการปวดเรื้อรังจากโรคทางกล้ามเนื้อและกระดูกต่าง ๆ อาการปัสสาวะบ่อย เป็นต้น
  6. รักษาหรือลดอาการชาได้
  7. มีส่วนในการเพิ่มกำลังของกล้ามเนื้อได้ แม้แต่กล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาตหรือมีอาการอ่อนแรง

ประโยชน์ในแง่ความสะดวกสบายและความปลอดภัย


  1. ได้ผลทันทีหลังจากการรักษาครั้งแรก
  2. หากเป็นการรักษาต่อเนื่อง จะได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก ๆ ตั้งแต่ครั้งแรก ๆ ทำให้ไม่ต้องมาบ่อย
  3. จำกัดวงในการรักษาได้ดี ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ
  4. ใช้ระยะเวลาในการรักษาค่อนข้างสั้น ประมาณครั้งละ 5-30 นาที หรือราว ๆ 2-5 นาทีต่อ 1 จุดการรักษา

เมื่อพิจารณาจากประโยชน์ต่าง ๆ แล้ว จะเห็นได้ว่า ในแง่ของความสะดวกสบายในการรักษาออฟฟิศซินโดรมนั้น การรักษาด้วยเทคนิค PMS นับว่าตอบโจทย์กลุ่มคนทำงานที่มีเวลาไม่มากได้ดีทีเดียว


ขั้นตอนการรักษาออฟฟิศซินโดรม โดยใช้เทคนิค PMS


แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้ออกแบบโปรแกรมการรักษาให้ ขึ้นอยู่อาการหรือบริเวณที่ผู้ป่วยรู้สึกปวด โดยปกติแล้ว การรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยใช้เครื่อง PMS นั้น จะใช้เวลาเพียงสั้น ๆ ไม่เกิน 30 นาที


แพทย์จะเป็นผู้ประเมินให้ว่า อาการของแต่ละคน ต้องทำการยิงคลื่นกระตุ้นที่กล้ามเนื้อมัดไหนอย่างไรบ้างตามความเหมาะสม แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะให้กระตุ้นไปยังกล้ามเนื้อมัดที่มีปัญหาโดยตรงก่อน แล้วค่อยกระตุ้นกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ บริเวณใกล้เคียงกัน


ขั้นตอนการรักษานั้นก็ไม่ยุ่งยาก ผู้ป่วยเพียงแค่นอนลง แพทย์หรือนักกายภาพจะใช้ส่วนหัวคอยล์ของเครื่องทาบลงบนกล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการรักษา แล้วค่อย ๆ เลื่อนไปมา (จุดหนึ่งใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที) ซึ่งผู้ป่วยจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเลย จะรู้สึกเพียงว่ามีอะไรมา กระทบเป็นจังหวะ “ตึก ๆ ๆ” ในตำแหน่งที่มีการยิงคลื่นเท่านั้นเอง


ข้อควรระวัง และผลข้างเคียงของการใช้ PMS


ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น: การรักษาออฟฟิศซินโดรม ด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นนั้น มีโอกาสทำให้กล้ามเนื้อระบมหรือเป็นตะคริวได้ หลังจากเข้ารับการรักษาประมาณ 2-3 วัน แต่หลังจากนั้นจะกลับมาเป็นปกติ


ความร้อนจากการเหนี่ยวนำด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า: เทคนิคการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถเหนี่ยวนำให้เกิดความร้อนสะสมที่วัสดุโลหะต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ จึงมีข้อแนะนำว่า ให้ถอดอุปกรณ์หรือโลหะต่าง ๆ ออกให้หมดก่อนเข้ารักษาออฟฟิศซินโดรม ไม่ว่าจะเป็น หัวเข็มขัด กระดุมบนกางเกง เป็นต้น


ใครที่ไม่สามารถเข้ารับการรักษาออฟฟิศซินโดรมด้วยเทคนิค PMS ได้


  • ผู้ป่วยที่มีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์หรือโลหะต่าง ๆ ติดตั้งอยู่ในตัว เช่น ผู้ป่วยที่มีการใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ ผู้ป่วยที่มีคลิปหนีบเส้นเลือดโป่งพองในสมอง เป็นต้น
  • ผู้ป่วยที่มีโลหะติดตัว ในบริเวณที่จะทำการรักษา
  • ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติลมชัก

นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่มีอาการปวดระบมมาก ๆ ในวันที่เข้ารับการรักษา แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยวิธีอื่นแทน เนื่องจากการใช้คลื่นแม่เหล็กกระตุ้น อาจยิ่งไปเพิ่มความระบมแก่ผู้ป่วยได้


หากสนใจรักษาออฟฟิศซินโดรม ต้องทำอย่างไร


peripheral-magnetic-stimulation-4.jpg

นอกเหนือจากเทคนิคการรักษาด้วย PMS แล้ว ผู้ป่วยควรได้รับการทำกายภาพบำบัดควบคู่กันไปด้วย เพราะจะได้ฝึกการใช้งานกล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้ผลลัพธ์การรักษาออฟฟิศซินโดรมโดยรวมที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด


นอกจากนี้ ควรมองหาสถานที่รักษาออฟฟิศซินโดรม ที่มีแนวทางทางเลือกการรักษาที่หลากหลาย เพื่อที่จะได้ทำการบำบัดรักษาควบคู่กันไป ให้สอดคล้องกับสภาพและอาการของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสมที่สุด


ผู้สนใจควรศึกษาแนวทางในการรักษาของสถานที่รักษา ว่ามีแพ็คเกจการรักษาหรือข้อเสนอต่าง ๆ ที่หลากหลายพอหรือไม่? เพราะการรักษาออฟฟิศซินโดรมที่เหมาะสมนั้น ควรเป็นการรักษาหลายวิธีควบคู่กัน


สรุป


Peripheral Magnetic Stimulation หรือ PMS เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ใช้การส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปกระตุ้นส่วนต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อบำบัดอาการปวดและชา และกระตุ้นฟื้นฟูเนื่อเยื่อและประสาทส่วนปลายที่เสียหายได้อย่างมีประสิทธิภาพ


เมื่อนำเทคนิคนี้มาใช้ในการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมแล้ว พบว่าได้ผลดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และเหมาะกับการใช้รักษาอย่างต่อเนื่องด้วย เพราะจะช่วยให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องมาทำการรักษาบ่อย ๆ แต่มีข้อแนะนำว่า ควรรักษาควบคู่กันไปกับการทำกายภาพบำบัด เพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีที่สุด

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. ปรมินทร์ ชัยวิบูลย์ผล

นพ. ปรมินทร์ ชัยวิบูลย์ผล

ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital