บทความสุขภาพ

Knowledge

โปรตีนรั่วในปัสสาวะคืออะไร? ภาวะอันตรายเสี่ยงไตอักเสบมากกว่าที่คิด

หากพูดถึง โปรตีนรั่ว คุณอาจรู้สึกไม่ชินหูกับชื่อภาวะนี้มาก่อน ทำให้คุณไม่ทันสังเกตอาการป่วย และเผลอมองข้ามไป จนนำไปสู่อาการที่รุนแรงขึ้น และเป็นโรคไตได้ในที่สุด อ่านถึงตรงนี้คุณอาจเกิดข้อสงสัยได้ว่าโปรตีนรั่วอันตรายไหม? บทความนี้เราขอพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสัญญาณเสี่ยงที่บ่งบอกถึงภาวะโปรตีนรั่ว พร้อมรู้ถึงสาเหตุ การรักษา และวิธีป้องกันความเสี่ยง เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ


Key Takeaways


  • โปรตีนรั่วเป็นภาวะหนึ่งที่บ่งบอกถึงได้ว่าคุณกำลังมีความเสี่ยงเป็นโรคไตอักเสบ เนื่องจากภาวะนี้เกิดจากการทำงานของไตที่ผิดปกติ
  • มักพบโปรตีนอัลบูมินในปัสสาวะมากที่สุด เนื่องจากเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่ประกอบอยู่ในเลือดเป็นส่วนใหญ่ และได้ไหลเวียนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย รวมถึงไตด้วยเช่นกัน
  • โปรตีนอัลบูมินสัมพันธ์กับน้ำและเนื้อเยื่อโดยตรง เมื่อไตทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียโปรตีนชนิดนี้ไปเจือปนกับปัสสาวะในปริมาณที่มาก อาจทำให้ร่างกายบวม ปัสสาวะเป็นฟอง หายใจลำบาก

โปรตีนรั่วในปัสสาวะ คืออะไร?


โปรตีนรั่ว (Proteinuria) เป็นภาวะที่มีโปรตีนในกระแสเลือดรั่วออกมาในปัสสาวะมากเกินไป เป็นผลมาจากไตที่ทำงานผิดปกติ เพราะโดยทั่วไปแล้ว ไตจะกรองโปรตีนในเลือดไม่ให้ผ่านไปเจือปนกับปัสสาวะ ส่งผลให้ร่างกายสูญเสียโปรตีนชนิดนี้ไป และเกิดอาการป่วยในเวลาต่อมา ด้วยเหตุนี้ ภาวะโปรตีนในปัสสาวะจึงสามารถเป็นสัญญาณสำคัญที่บ่งบอกได้ว่าคุณอาจกำลังเสี่ยงเป็นโรคไต เช่น ไตรั่ว ไตวาย หรือไตอักเสบ เป็นต้น


โปรตีนรั่วมีสาเหตุมาจากอะไร?


ภาวะโปรตีนรั่วในไตมีสาเหตุหลักมาจากการเป็นโรคไตอักเสบ 2 ชนิด คือ โรคไตเนโฟรติกปฐมภูมิ (Primary Nephrotic Syndrome) และโรคไตเนโฟรติกทุติยภูมิ (Secondary Nephrotic Syndrome) ที่มีสาเหตุมาจากการเป็นโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคภูมิแพ้ตัวเอง เป็นต้น ทำให้มีโปรตีนอัลบูมินรั่วหลุดจากผนังหลอดเลือดของไตมากขึ้น และทำให้ร่างกายแสดงอาการขึ้นในเวลาต่อมา


นอกจากนี้ ภาวะเจ็บป่วย พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงปัจจัยภายนอกร่างกายก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โปรตีนรั่วเช่นกัน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตทั้งสิ้น โดยโปรตีนรั่วในปัสสาวะเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้หลากหลายเช่น


  • ไตเสื่อม
  • การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง
  • เป็นไข้
  • ได้รับพิษจากโลหะหนัก เช่น แคดเมียม ตะกั่ว ปรอท เป็นต้น
  • การบาดเจ็บจากการใช้ยาจำพวก NSAID
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป
  • ภาวะเจ็บป่วยอื่น ๆ ที่ทำให้เกิดภาวะโปรตีนรั่ว

อาการแบบไหนเป็นสัญญาณเสี่ยงโปรตีนรั่ว?


proteinuria-signal-1024x1024.jpg

ต้องอธิบายก่อนว่า อัลบูมินเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย ทำหน้าที่ดึงน้ำต่าง ๆ ที่รั่วออกไปนั้นกลับเข้ามาในกระแสเลือด ช่วยหล่อเลี้ยงเนื้อเยื่อให้สุขภาพดี และควบคุมการขนส่งฮอร์โมน ยา วิตามิน และแร่ธาตุต่าง ๆ ไปยังทุกส่วนของร่างกาย แต่เมื่อไตเกิดความผิดปกติขึ้น ทำให้ไตไม่สามารถกรองโปรตีนอัลบูมินกลับจากกระแสเลือดที่ไหลเวียนผ่านไปได้ จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมถึงพบโปรตีนในปัสสาวะในปริมาณที่สูงนั่นเอง


เมื่อโปรตีนอัลบูมินรั่วในปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียโปรตีนอัลบูมินไปในปริมาณมาก จนเกิดภาวะที่เรียกว่า “ภาวะอัลบูมินในเลือดต่ำ (Hypoalbuminemia)” ส่งผลให้ร่างกายเกิดอาการบวม (Edema) เป็นอาการสำคัญ เนื่องจากโปรตีนอัลบูมินที่ลดลงทำให้ แรงดันออนโคติก (Oncotic Pressure) หรือเเรงที่ดึงดูดน้ำไว้ภายในหลอดเลือดลดลงด้วย ส่งผลให้ของเหลวในเลือดนั้นเคลื่อนที่ออกจากหลอดเลือด และไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อจนเกิดการบวมขึ้นมา นอกนี้ ยังมีอาการอื่น ๆ ที่จะเป็นสัญญาณบ่งบอกได้ว่ากำลังเป็นโรคโปรตีนรั่ว ได้แก่


1. ปัสสาวะเป็นฟอง


ปัสสาวะเป็นฟองคืออาการสำคัญที่บ่งบอกได้ว่าไตกำลังมีปัญหา ซึ่งสิ่งที่ทำให้ปัสสาวะเกิดฟองขึ้นนั้นก็คือโปรตีนที่รั่วออกมามากเกินไป


2. ปัสสาวะบ่อยขึ้น


โปรตีนอัลบูมินในเลือดมีความสำคัญในการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย แต่เมื่อโปรตีนอัลบูมินในเลือดลดลง จึงทำให้แรงดันออนโคติกในเลือดลดลงตามมา ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการบวม ดังนั้นร่างกายจึงพยายามปรับสมดุลเพื่อขับน้ำส่วนเกินออกมาจนกลายเป็นอาการปัสสาวะบ่อยขึ้น


3. มีอาการบวมน้ำ


เมื่อร่างกายสูญเสียโปรตีนอัลบูมินในปริมาณที่มาก ทำให้ระดับโปรตีนในเลือดน้อยลง ส่งผลให้แรงดันออนโคติกในเลือดลดลง อีกทั้งยังทำให้น้ำในเลือดซึมออกไปตามเนื้อเยื่อส่วนต่าง ๆ ด้วย ทำให้มีอาการบวมน้ำตามมือ เท้า ใบหน้า ท้อง และข้อเท้าได้ ส่วนในตอนเช้าอาจมีอาการบวมที่รอบดวงตาประกอบด้วย นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีน้ำคั่งอยู่ภายในปอด


4. เป็นตะคริวตอนกลางคืน


อาการตะคริวเป็นอีกหนึ่งสัญญาณเตือนที่บ่งบอกได้ว่ากำลังมีภาวะโปรตีนรั่ว เพราะการทำงานของไตที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพในการควบคุมความสมดุลของเกลือเเร่ที่มีผลต่อการหดตัวของกล้ามเนื้อเปลี่ยนไป จึงมีโอกาสที่จะเป็นตะคริวตอนกลางคืนได้


นอกจากอาการสำคัญทั้ง 4 อาการนี้แล้ว ยังมีอาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงการมีภาวะโปรตีนรั่วปรากฏร่วมด้วย เช่น รู้สึกเหนื่อยล้าง่าย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน และอาการอื่น ๆ เพราะฉะนั้น เมื่อคุณมีอาการตามที่กล่าวข้างต้นนี้ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป


การวินิจฉัยและการรักษาโปรตีนรั่วในปัสสาวะ


เมื่อคุณสังเกตเห็นอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น และตัดสินใจเข้ารับการรักษาแล้วนั้น แพทย์จะทำการวินิจฉัยโรคให้แน่ใจว่าคุณมีภาวะโปรตีนรั่วจริงหรือไม่ โดยเริ่มต้นจากการเก็บตัวอย่างปัสสาวะของคุณเพื่อตรวจหาโปรตีนด้วยการใช้แท่งที่มีเเผ่นซึ่งมีความไวต่อโปรตีน (Urine Dipstick) จุ่มลงไป ซึ่งจะสามารถประเมินปริมาณโปรตีนในปัสสาวะคร่าว ๆ ได้จากการเปลี่ยนสีของเเผ่นดังกล่าว เเละอาจเก็บปัสสาวะเพื่อตรวจหาปริมาณโปรตีนในปัสสาวะต่อไป


หลังจากนั้นแพทย์จะตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดด้วยการตรวจเลือด เพื่อหาอัตราการกรองของไต ตรวจปริมาณโปรตีนที่รั่วทางปัสสาวะอย่างละเอียด และมองหาอาการแสดงของโรคอื่นที่เกี่ยวข้อง ที่อาจทำให้เกิดโรคไตเนโฟรติกทุติยภูมิ และหากจำเป็นแพทย์จะเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อในไตเพื่อตรวจความผิดปกติของไต หาสาเหตุของภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะ และวางแผนวิธีรักษาต่อไป


เมื่อคุณได้รับการวินิจฉัยภาวะโปรตีนรั่วในไตเรียบร้อยแล้ว แพทย์จะทำการรักษาให้คุณด้วยวิธีรักษาต่าง ๆ โดยพิจารณาถึงสาเหตุ ระดับความรุนแรงของอาการ และสภาพร่างกาย เพื่อให้การรักษาโปรตีนรั่วนั้นให้ประสิทธิภาพดีและตรงจุดที่สุด โดยมีวิธีการรักษาทั้งหมด 2 แบบ ได้แก่


1. รักษาตามอาการทั่วไป


ให้ยาลดความดันภายในไต เพื่อลดความเสียหายของไต และหลีกเลี่ยงอาหารรสเค็มจัดหรือมีโซเดียมสูง โดยแพทย์อาจพิจารณาการให้ยาขับปัสสาวะในผู้ป่วยบางราย และทานโปรตีนวันละ 1 กรัม / น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม


2. รักษาแบบจำเพาะอาการ


ในขณะเดียวกัน หากตรวจพบว่าสาเหตุของโปรตีนรั่วจำเพาะกับโรคใด แพทย์จะวางแผนรักษาตามโรคที่วินิจฉัย ตัวอย่างเช่น


  • Lupus nephropathy: ให้ยากดภูมิ เช่น Prednisolone พร้อมกับยา Mycophenolate mofetil (MMF) ในการรักษา โดยขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของโรค
  • เบาหวาน: ให้ยาลดความดัน ยาจำเพาะสำหรับโรคเบาหวาน การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทานอาหาร และการควบคุมระดับน้ำตาล

เมื่อคุณได้รับการรักษาที่เหมาะสมแล้ว สิ่งสำคัญที่คุณต้องใส่ใจ คือ การทานยาอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่เพิ่มยาหรือหยุดยาเอง ประกอบกับการดูแลอาหารการกินอย่างเคร่งครัด เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างราบรื่น และให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น นอกจากนี้ การควบคุมโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโปรตีนรั่วในปัสสาวะได้มากขึ้น


วิธีป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะโปรตีนรั่ว


proteinuria-treatment.jpg

การป้องกันตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะโปรตีนรั่วสามารถทำได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ซึ่งล้วนเป็นวิธีที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง โดยมีวิธีป้องกันจากภาวะนี้ คือ


  • งดทานอาหารรสเค็มจัด อาหารที่ปรุงด้วยเกลือ และมีโซเดียมสูง
  • ทานอาหารที่มีกากใยอาหารมากขึ้น
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 2 ชั่วโมง
  • ตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เช่น วัดความดัน ตรวจระดับน้ำตาล
  • งดสูบบุหรี่หรือยาสูบ เพราะจะเป็นช่ยส่งเสริมให้โปรตีนรั่วได้ง่ายขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่แพทย์ไม่ได้สั่ง โดยเฉพาะยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เว้นแต่แพทย์จะแนะนำ NSAID ที่พบได้บ่อยที่สุด ได้แก่ แอสไพริน ไอบูโพรเฟน และนาพรอกเซน

ท้ายที่สุดแล้ว โปรตีนรั่วเป็นภาวะอะไร?


โปรตีนรั่วเป็นภาวะชนิดหนึ่งที่เกิดจากไตทำงานผิดปกติ ทำให้ไม่สามารถกรองโปรตีนอัลบูมินที่สำคัญต่อการควบคุมน้ำและเนื้อเยื่อ ความสมดุลของน้ำในหลอดเลือดและเนื้อเยื่อที่มีผลมาจากแรงที่ดึงดูดน้ำในหลอดเลือด (Oncotic Pressure) ที่น้อยลงจากโปรตีนภายในเลือดที่สูญเสียไป ส่งผลให้คุณมีอาการป่วยในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ปัสสาวะมีฟอง, ปัสสาวะบ่อย, มีอาการบวมน้ำ, เป็นตะคริวตอนกลางคืน ฯลฯ สาเหตุที่ทำให้พบโปรตีนในปัสสาวะได้นั้นส่วนใหญ่เกิดจากการเป็นโรคไตเสื่อมเป็นหลัก โดยเฉพาะโรคไตเสื่อมที่เกิดมาจากการดูเเลโรคประจำตัวไม่ดี เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง


เมื่อพบว่ามีอาการที่บ่งบอกว่าคุณอาจมีโปรตีนรั่วในปัสสาวะ ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย และรับการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการรักษาตามอาการสำหรับคนที่ไม่ได้มีโรคแทรกซ้อนหรือมีอาการหนักมาก และรักษาแบบจำเพาะอาการสำหรับคนที่เป็นโรคไตจากสาเหตุจำเพาะต่าง ๆ และโรคเบาหวาน ประกอบกับการป้องกันตัวเองอย่างดีจะช่วยให้คุณมีอาการที่ดีขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว


แต่ถ้าหากคุณยังไม่แน่ใจว่าจะไปรักษาภาวะโปรตีนรั่วที่ไหนดีนั้น ขอแนะนำสถาบันโรคไตและเปลี่ยนไต โรงพยาบาลพระรามเก้า โดยมีทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์สูงให้การรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาและการดูแลสุขภาพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้คุณหายจากภาวะโปรตีนรั่วได้เร็วขึ้น หากคุณสนใจเข้ารับการรักษากับเรา สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากข้อมูลติดต่อด้านล่างนี้


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโปรตีนรั่ว


โปรตีนรั่วมีกี่ระดับ?


โปรตีนรั่วมีทั้งหมด 4 ระดับด้วยกัน คือ 1) โปรตีนรั่วระดับปกติ ปริมาณโปรตีนที่รั่วจะน้อยกว่า 150 มก. / 24 ชม. 2) โปรตีนรั่วระดับปานกลาง ปริมาณโปรตีนที่รั่วจะอยู่ที่ 150-500 มก. / 24 ชม. 3) โปรตีนรั่วระดับรุนแรง ปริมาณโปรตีนที่รั่วจะมากกว่า 500 มก. / 24 ชม. และ 4) โปรตีนรั่วระดับรุนแรงมากถึงขั้นเป็นโรคไตเนโฟรติก ซึ่งปริมาณโปรตีนจะรั่วมากกว่า 3,500 มก. / 24 ชม.


โปรตีนรั่วหายเองได้ไหม?


ขึ้นอยู่กับสาเหตุของภาวะโปรตีนรั่ว หากมีอาการไม่รุนแรงมีโอกาสหายได้ แต่ถ้าหากมีอาการรุนแรง ต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจังเพื่อลดอาการป่วยให้บรรเทาลง แต่ทั้งนี้ คุณต้องดูแลสุขภาพอย่างจริงจังด้วย


อาการแบบไหนที่บ่งบอกว่าโรคไตอยู่ในภาวะวิกฤติ?


อาการเหล่านี้คือสัญญาณที่บ่งบอกได้ว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ได้แก่ ประสิทธิภาพในการทำงานของไตลดลงมาก ร่างกายมีอาการบวมรุนแรง หายใจลำบาก ความดันโลหิตสูง รวมถึงกระทบต่อระบบหายใจและระบบไหลเวียนโลหิตอย่างหนัก เพราะฉะนั้น ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างเร็วที่สุด


References


Rick Ansorge. (2023). What Is Proteinuria? WebMD. https://www.webmd.com/a-to-z-guides/proteinuria-protein-in-urine


Cleveland Clinic Team. (2022). Proteinuria. Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/16428-proteinuria


Kidney Research UK Team. (n.d.). What is proteinuria?. Kidney Research UK. https://www.kidneyresearchuk.org/conditions-symptoms/proteinuria/


Edmund J Lamb, Finlay MacKenzie and Paul E Stevens. (2009). How should proteinuria be detected and measured?. National Library of Medicine. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/19389884/


บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital