บทความสุขภาพ

Knowledge

“PTSD หลังภัยพิบัติ” อันตรายที่ไม่ควรมองข้าม

พญ. ดุจฤดี อภิวงศ์

“ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ” หรือ PTSD (Post-Traumatic Stress Disorder) คือภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้น เมื่อเราต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่รุนแรง กระทบกระเทือนร่างกายหรือจิตใจอย่างหนัก เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ อุบัติเหตุร้ายแรง ถูกคุกคามทางเพศ ซึ่งภาวะนี้อาจเกิดขึ้นแค่ชั่วขณะ หรือสามารถดำเนินต่อไปจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ยืดเยื้อและรุนแรง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที PTSD อาจส่งผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การทำงาน หรือความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง อาการจะแสดงออกมาในรูปแบบของภาพเหตุการณ์ย้อนกลับ (Flashbacks) หรือฝันร้าย, หลีกเลี่ยงอะไรที่ทำให้กลับไปนึกถึงเหตุการณ์นั้น ๆ อีก, การตื่นตัว หงุดหงิด ผวา สะดุ้งตกใจง่าย ระแวดระวังมากเกินไป ไม่มีสมาธิ หากปล่อยให้ภาวะ PTSD ดำเนินไปโดยไม่มีการดูแล อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตเรื้อรัง ที่กระทบต่อทั้งร่างกายและจิตใจ เช่นโรคซึมเศร้า การใช้สารเสพติด และอาจทำให้คุณภาพชีวิตลดลงได้อย่างมาก


โรค PTSD คืออะไร?


พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ จิตแพทย์ โรงพยาบาลพระรามเก้า อธิบายว่า โรค PTSD เป็นภาวะทางจิตใจที่เกิดขึ้นหลังจากบุคคลต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงที่กระทบกระเทือนร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง เช่น ภัยธรรมชาติ อุบัติเหตุร้ายแรง หรือแม้แต่เห็นภาพหรือสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์รุนแรง โดยอาการ PTSD เป็นผลต่อเนื่องมาจากภาวะเครียดรุนแรงฉับพลัน Acute Stress Disorder ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงเดือนแรกหลังเผชิญเหตุการณ์ แต่ PTSD เป็นภาวะที่อาจอยู่กับเรานานเป็นเดือนหรือเป็นปี หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาการอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต ความสัมพันธ์ และอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนเช่นโรคซึมเศร้าตามมาได้


ระบบประสาทและการทำงานของสมองในภาวะ PTSD


อาการต่าง ๆ เกิดจากการทำงานของระบบประสาทและสมอง มีการเปลี่ยนแปลงของสารสื่อประสาทฮอร์โมนความเครียด โดยระบบประสาทอัตโนมัติของคนมีอยู่สองระบบ ได้แก่ ระบบซิมพาเทติก (Sympathetic) ซึ่งเป็นฝั่งกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายตื่นตัว พร้อมรับมือกับภัยอันตราย และระบบพาราซิมพาเทติก (Parasympathetic) ซึ่งเป็นฝั่งผ่อนคลาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียด ระบบทั้งสองต้องทำงานสมดุลกัน หากระบบซิมพาเทติกทำงานมากเกินไป จะทำให้เกิดผลให้หัวใจเต้นเร็ว หายใจเร็วตื้น ตื่นตัว กล้ามเนื้อเกร็ง วิตกกังวล และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตและร่างกาย


กลุ่มเสี่ยง PTSD และอาการสำคัญที่ต้องระวัง


สำหรับผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็น PTSD ได้แก่ ผู้ที่ประสบภัยพิบัติหรือเหตุการณ์สะเทือนขวัญโดยตรง บุคคลที่สูญเสียคนใกล้ชิดในเหตุการณ์รุนแรง อาการของ PTSD มีหลายรูปแบบ เช่น ภาพเหตุการณ์ย้อนกลับ (Flashbacks) ฝันร้ายและนอนไม่หลับ ความวิตกกังวลและตื่นตระหนกง่าย หวาดกลัว เลี่ยงสถานการณ์ที่กระตุ้นความทรงจำเหตุการณ์นั้น เหม่อลอย ซึ่งอาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากพบว่าตัวเองหรือคนใกล้ชิดมีอาการเหล่านี้ ควรรีบขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ


การดูแลสุขภาพจิตในภาวะ PTSD


แม้ PTSD จะเป็นภาวะที่ซับซ้อน แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกต้องสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ การสังเกตและยอมรับอารมณ์ของตัวเอง การฝึกหายใจ (Breathing Exercise) การจดบันทึกความรู้สึก (Journaling) และการฝึกอยู่กับปัจจุบัน (Mindfulness & Meditation) เป็นวิธีที่ช่วยลดความเครียดได้ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เนื่องจากอาจกระตุ้นให้เกิดอาการวิตกกังวลและนอนไม่หลับ


นอกจากนี้กิจกรรมเสริมที่ช่วยลดความเครียดและฟื้นฟูจิตใจ ได้แก่ ศิลปะบำบัด (Art Therapy) เช่น การวาดภาพหรือปั้นดินที่ช่วยให้สมองจดจ่อและลดความเครียด ดนตรีบำบัด (Music Therapy) เช่น การฟังเพลงที่ให้ความรู้สึกสงบหรือเล่นดนตรีเพื่อช่วยให้สมองผ่อนคลาย ออกกำลังกายแบบผ่อนคลาย (Relaxing Exercise) เช่น โยคะ ไทชิ ว่ายน้ำหรือการเดินเล่นในธรรมชาติ ออกกำลังกาย รวมถึงงานอดิเรกที่ชอบและผ่อนคลาย หรือการเข้าสังคมและทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เช่น การพบปะเพื่อนฝูงหรือเข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัครเพื่อสร้างความรู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง


IMG_4127-1536x1024.jpg

ขอความช่วยเหลือเมื่อไม่สามารถรับมือได้


พญ.ดุจฤดี อภิวงศ์ กล่าวปิดท้ายว่า PTSD เป็นภาวะที่ต้องได้รับการดูแล อย่าปล่อยให้ตัวเองหรือคนใกล้ชิดต้องเผชิญกับมันตามลำพัง หากรู้สึกว่ายังรับมือไม่ไหว หรือมีอาการรุนแรงจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพราะการได้รับการรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ แบ่งเวลาพักระหว่างวัน และพูดคุยกับคนที่ไว้ใจได้ จะช่วยให้จิตใจกลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง


การดูแลสุขภาพจิตที่ดีที่สุด คือ การมีสติและการรับรู้อารมณ์ของตัวเอง การสำรวจตัวเองว่าเครียดเกินไปหรือไม่ และจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม การฝึกมีสติ (Mindfulness) ช่วยให้เรารับรู้ปัจจุบันและวางแผนอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเผชิญกับสถานการณ์ตึงเครียด ควรตั้งสติให้มั่น การฝึกสติไว้ก่อนเปรียบเหมือนกับการเรียนรู้การว่ายน้ำก่อนตกน้ำ หากไม่มีการฝึกเตรียมพร้อม เมื่อเกิด อาจทำให้เกิดความตื่นตระหนกและส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตได้ การรู้เท่าทันตนเองและการหยุดเสพข่าวที่สร้างความเครียดมากเกินไป เป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันภาวะ PTSD และรักษาสุขภาพจิตให้แข็งแรง


วิธีดูแลใจด้วยตนเองหลังเหตุการณ์ภัยพิบัติ

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital