บทความสุขภาพ
Knowledge
พญ. รับพร ทักษิณวราจาร
เราอาจจะเคยได้ยินเรื่องอันตรายของโรคหลอดเลือดสมอง หรือที่เรียกว่า Stroke บางท่านอาจรู้จักโรคหลอดเลือดสมองว่าเป็น โรคอัมพาต หรืออัมพฤกษ์ และมองว่าเป็นโรคหนึ่งที่น่ากลัว แต่หลาย ๆ คนก็อาจยังเพิกเฉยไม่ดูแลตัวเอง
รู้หรือไม่ โรคนี้ใกล้ตัวกว่าที่คิด !
โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) เป็นสาเหตุการเสียชีวิตและความพิการลำดับต้น ๆ ของประเทศไทย วันหนึ่งอาจเป็นเรา ที่นั่งทำงานอยู่ดี ๆ เกิดอาการแขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยวหน้าเบี้ยว หรือปวดศีรษะอย่างรุนแรง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ขึ้นมากะทันหัน ทั้งที่ก่อนหน้าอาการก็ยังดี ๆ อยู่ ในอดีตโรคนี้มักเกิดในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบัน กลับพบในคนอายุน้อยและคนในวัยทำงานเพิ่มขึ้น
โรคหลอดเลือดสมองจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทุกคนล้วนมีความเสี่ยง…
โรคหลอดเลือดสมอง หรือ Stroke คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยง เนื่องจากหลอดเลือดตีบ อุดตัน หรือ หลอดเลือดแตก ส่งผลให้เนื้อเยื่อสมองถูกทำลาย ทำให้การทำงานของสมองบางส่วนหรือทั้งหมดผิดปกติไป อาการมักจะเกิดขึ้นทันทีทันใด
โรคหลอดเลือดสมอง แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
สมองขาดเลือดชั่วคราว (Transient ischemic attack หรือ TIA) คือ การที่ปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมองส่วนใดส่วนหนึ่งน้อยลงทันที และสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทำให้ไม่เกิดภาวะเนื้อสมองตายจากการขาดเลือด อาการจะเป็นเหมือนโรคหลอดเลือดในสมองตีบ แต่จะหายได้ภายในเวลา 24 ชั่วโมง มักจะมีอาการเพียงระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 5 -10 นาที ส่วนใหญ่เมื่อผู้ป่วยมาตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) มักจะไม่พบความผิดปกติ
โดยทั่วไปประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ป่วยสมองขาดเลือดชั่วคราว มักจะกลายไปเป็นโรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) ภายใน 7 วัน ดังนั้นการที่ผู้ป่วยมีอาการสมองขาดเลือดชั่วคราว มักจะเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยทุกรายที่มีอาการจึงควรมาพบแพทย์ทันทีที่มีความผิดปกติเกิดขึ้น
อาการของโรคหลอดเลือดสมองมักเป็นทันทีทันใด ถ้าเราสามารถสังเกตอาการได้อย่างทันท่วงที จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต และรักษาการทำงานของสมองให้กลับมาเป็นปกติได้
สามารถสังเกตอาการตามหลัก FAST ได้แก่
F (Face) ผู้ป่วยจะมีอาการหน้าเบี้ยว หรือปากเบี้ยวด้านใดด้านหนึ่ง หรือผู้ป่วยบางท่านอาจมีอาการระหว่างรับประทานอาหาร เช่น อาหารไหลออกจากปาก หรือน้ำลายไหลออกจากมุมปากด้านใดด้านหนึ่ง ทดสอบง่าย ๆ ได้โดยให้ผู้ป่วยลองยิ้ม หรือยิงฟัน แล้วสังเกตว่าปากเบี้ยวหรือมุมปากตกหรือไม่?
A (Arms) อาการแขนขาอ่อนแรง ผู้ป่วยจะขยับแขนขาด้านใดด้านหนึ่งไม่ได้ โดยอาจจะเป็นเฉพาะขา หรือเป็นทั้งแขนขาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นด้านเดียวกัน ทดสอบง่าย ๆ โดยการให้ผู้ป่วยลองยกแขนขาทั้งสองข้าง ถ้าตกด้านใดด้านหนึ่ง แสดงว่ามีความผิดปกติ
S (Speech) ผู้ป่วยจะมีอาการพูดไม่ชัด พูดอ้อแอ้ เหมือนลิ้นคับปาก หรือบางคนมีอาการพูดไม่ออก หรือฟังคำสั่งไม่รู้เรื่อง ญาติบางคนอาจคิดว่าผู้ป่วยมีอาการสับสน ทดสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการให้ผู้ป่วยพูดตามในคำง่าย ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร หรือชี้ให้ดูปากกา นาฬิกา แล้วถามว่าของสิ่งนั้นเรียกว่าอะไร หรือให้ทำตามคำสั่งง่าย ๆ เช่น ชูสองนิ้ว เป็นต้น
T (Time) เพราะเวลาเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง การรีบนำผู้ป่วยที่สงสัยว่ามีภาวะโรคหลอดเลือดสมองจากการสังเกตหลัก FAST ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับสมอง เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไป เซลล์สมองจะเสียหายมากขึ้น ซึ่งหากได้รับการรักษาที่รวดเร็ว จะช่วยลดความเสียหายของเนื้อสมอง
ปัจจุบัน หากผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแบบขาดเลือด เข้ารับการรักษาทันเวลาภายใน “4 ชั่วโมงครึ่ง” ซึ่งเป็นเวลาที่เรียกกันว่า “Stroke Golden Hour” แพทย์จะสามารถให้ยาละลายลิ่มเลือดเพื่อเปิดหลอดเลือดและช่วยให้สมองบริเวณที่ขาดเลือดกลับมาทำงานอย่างปกติ
โรคหลอดเลือดสมองถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ ผู้ป่วยต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน ในกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถให้ประวัติเองได้ แพทย์จำเป็นที่จะต้องทราบเวลา ที่ญาติพบเห็นผู้ป่วยยังเป็นปกติครั้งสุดท้าย
หากสงสัยว่าผู้ป่วยมีอาการของโรคหลอดเลือดสมอง ให้ดำเนินการดังนี้
ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดสมองที่สามารถป้องกันได้ ซึ่งปัจจัยเสี่ยงส่วนใหญ่ ได้แก่
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ไม่สามารถป้องกันได้ ซึ่งเป็นส่วนน้อย ได้แก่
โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ โดยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรค (ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น) ในส่วนที่เราสามารถจัดการได้ ดังนี้
ในอดีต โรคหลอดเลือดสมอง (stroke) มักเกิดในผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบัน เราพบว่าแม้แต่คนอายุน้อย หรือคนในวัยทำงานก็มีโอกาสเป็นโรคดังกล่าวเพิ่มขึ้นได้ด้วยเช่นกัน เนื่องจากอาการของโรคหลอดเลือดสมอง มักเป็นทันทีทันใด ดังนั้น หากเราสามารถสังเกตอาการได้อย่างทันท่วงที จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความเสี่ยงอัมพฤกษ์ อัมพาต และยังช่วยเพิ่มโอกาสรักษาการทำงานของสมองให้กลับมาเป็นปกติได้อีกด้วย
อีกทั้ง โรคหลอดเลือดสมองสามารถป้องกันได้ โดยการควบคุมปัจจัยเสี่ยงของโรค ในส่วนที่เราสามารถจัดการได้ และควรหมั่นตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงที่มาของการเกิดโรค
ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital