บทความสุขภาพ

Knowledge

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ALS MH และ SMA อาการต่างกันอย่างไร รักษาหายไหม?

นพ. สิทธิ เพชรรัชตะชาติ

กล้ามเนื้ออ่อนแรงเป็นภาวะที่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตในประจำวันให้มีความยากลำบาก แถมยังสามารถส่งผลอันตรายรุนแรงจนถึงชีวิตได้ในบางครั้ง แต่ไม่ต้องกังวลไป หากเราทำความรู้จักและเข้าใจสาเหตุ อาการและวิธีรักษาให้ดี การต่อสู้กับอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป


Key Takeaways


  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่มีสาเหตุหลากหลายและซับซ้อน เกิดจากความผิดปกติของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากพันธุกรรม ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หรือการเสื่อมของเซลล์ประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อมาร่วมด้วย
  • อาการโรคจะพัฒนาเป็นระยะ โดยมักเริ่มจากอาการเล็กน้อย เช่น มือหรือเท้าไม่มีแรง ก่อนลุกลามไปสู่ปัญหาในการเคลื่อนไหว การกลืน การพูด และการหายใจในระยะที่รุนแรงขึ้น
  • สามารถใช้ยา กายภาพบำบัด และการดูแลเฉพาะทางเพื่อช่วยชะลอความรุนแรงของโรคและพัฒนาคุณภาพชีวิต
  • การตรวจพบโรคตั้งแต่เนิ่น ๆ และเข้ารับการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผู้ป่วยสามารถชะลออาการของโรคและได้รับการดูแลที่เหมาะสมกับระยะของโรคมากที่สุด

ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงคืออะไรมีกี่ชนิด?


กล้ามเนื้ออ่อนแรง คือ ภาวะที่กล้ามเนื้อทำงานน้อยกว่าปกติสูญเสียศักยภาพและเสื่อมสภาพลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้มีอาการหมดเรี่ยวแรง ขยับเขยื้อนร่างกายได้อย่างยากลำบาก และอาจทำให้กล้ามเนื้อดูลีบเล็กในกรณีที่มีอาการรุนแรง ซึ่งหากกล้ามเนื้อสำคัญอย่างระบบลมหายใจเกิดอาการอ่อนแรงก็อาจจะอันตรายถึงชีวิตได้


โดยภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็สามารถแบ่งประเภทได้หลายแบบ แยกออกเป็น 3 ประเภทที่ควรรู้หลัก ๆ ได้แก่ Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS), Myasthenia Gravis (MG) และ Spinal Muscular Atrophy (SMA)


ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงประเภท Amyotrophic Lateral Sclerosis (ALS)


ภาวะ ALS มักเกิดที่มือ, เท้า, แขน หรือขาข้างใดข้างหนึ่งก่อน จากนั้นอาการจะลุกลามไปยังอีกข้างและกล้ามเนื้อส่วนอื่น ๆ โดยผู้ป่วยอาจมีอาการพูดไม่ชัดเจน ลิ้นขยับเขยื้อนไม่ค่อยได้ กลืนอาหารไม่สะดวก ไอเป็นประจำ และเหนื่อยง่าย โดยอาการเหล่านี้มักเกิดบ่อยเมื่อนอนราบอยู่ เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ช่วยควบคุมการหายใจอ่อนแรงลง โดยอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักจะรุนแรงและมีการลุกลามมากขึ้นโดยเวลาที่ผ่านไป มักใช้เวลาเป็นปี


ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงประเภท Myasthenia Gravis (MG)


อาการ Myasthenia Gravis อาจเกิดได้ในหลายจุด เช่น เปลือกตาตกลงมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นภาพซ้อนหรือไม่สามารถโฟกัสภาพได้ตามปกติ หากเกิดที่คอก็อาจทำให้ออกเสียงผิดปกติ พูดไม่ชัด เสียงเปลี่ยนไป เสียงขึ้นจมูก กลืนอาหารได้ยากลำบากและมักสำลักบ่อย หากเกิดกับแขนและขาก็จะทำให้การเคลื่อนไหวไม่สะดวกและเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกในบางครั้ง ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดในช่วงเวลาหลังจากมีการใช้กล้ามเนื้อดังกล่าวมาก ๆ และดีขึ้นหลังจากการพัก อาจมีการเปลี่ยนแปลงของอาการระหว่างวัน


ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงประเภท Spinal Muscular Atrophy (SMA)


SMA จะเกิดจากเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพ แบ่งได้เป็นหลายกลุ่มโดยแยกจากช่วงอายุที่เกิด ในผู้ใหญ่ซึ่งเคยใช้ชีวิตได้ตามปกติมักเกิดในช่วงอายุ 20-40 ปี สามารถทำให้กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการหายใจ การกลืน และการเคลื่อนไหวอ่อนแรงลง ผู้ป่วยมักเริ่มสูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อทีละน้อย เริ่มจากกล้ามเนื้อมัดใหญ่แล้วจึงลามไปมัดเล็กกว่า ทำให้เกิดอาการต่าง ๆ เช่น ขาไม่มีแรง เคลื่อนไหวได้ลำบาก และอาจมีอาการชาหรืออ่อนล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ ในกรณีที่โรคมีความรุนแรงก็อาจทำให้การกลืนอาหารอาจเป็นไปอย่างยากลำบาก และระบบทางเดินหายใจอาจได้รับผลกระทบจนทำให้หายใจติดขัดหรือล้มเหลวในที่สุด


ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีสาเหตุเกิดจากอะไร?


is-mg-dangerous-1024x683.jpg

ตัวอย่างสาเหตุที่อาจทำให้เกิดกล้ามเนื้ออ่อนแรงสำหรับโรคดังกล่าวก็จะสามารถแบ่งประเภทคร่าว ๆ ตามบริเวณที่เกิดความผิดปกติได้ ดังนี้


  1. การเสื่อมของเซลล์ประสาทสั่งการ (Motor Neuron Degeneration) : ภาวะนี้พบใน ALS และ SMA โดย ALS มักจะมีภาวะที่ทำให้เซลล์ประสาทสั่งการในสมองและไขสันหลัง (Upper & Lower Motor Neurons) เสื่อมลง ส่งผลให้การควบคุมกล้ามเนื้อบกพร่อง แม้ว่า ALS บางกรณีอาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ประมาณ 90% ของผู้ป่วย ALS เกิดขึ้นเองโดยไม่ทราบสาเหตุ ในขณะที่ SMA เป็นโรคทางพันธุกรรมที่เกิดจากความผิดปกติของยีน SMN1 ซึ่งทำให้เซลล์ประสาทสั่งการใน ไขสันหลังส่วน Lower Motor Neurons เสื่อมลง
  2. ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน (Autoimmune Disorder) : ภาวะนี้พบใน MG ซึ่งเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันสร้างแอนติบอดีมาทำลายตัวรับ Acetylcholine ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ (Neuromuscular Junction) ทำให้กล้ามเนื้อรับสัญญาณประสาทได้ลดลงและเกิดอาการอ่อนแรง

อาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีอะไรบ้าง?


als-symtoms-1024x1024.jpg

จริงอยู่ว่าโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงจะมีหลายรูปแบบที่อาจเกิดจากสาเหตุหรือมีผลกับอวัยวะแตกต่างกันไป แต่ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงก็ยังมีอาการโดยรวม ๆ อยู่ ดังนี้


  • ซุ่มซ่ามมากขึ้นอย่างไม่มีสาเหตุ : หลายคนอาจสังเกตเห็นว่าเรี่ยวแรงลดลงโดยไม่รู้ตัวจนทำให้ร่างกายทำงานผิดพลาดบ่อยขึ้น เช่น กำของไม่แน่นเหมือนเคย เดินสะดุดบ่อยขึ้น กล้ามเนื้อกระตุก หรือเคลื่อนไหวได้ไม่คล่องแคล่วเหมือนเดิม
  • รู้สึกอ่อนแรงและล้าเร็ว : ผู้ป่วยอาจพบว่ากล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง ยกของหนักไม่ไหว เจ็บกล้ามเนื้อ หรือเมื่อลุกขึ้นยืนจากท่านั่งต้องใช้แรงมากกว่าปกติ บางรายอาจรู้สึกว่าเดินได้ไม่มั่นคง และต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการทำกิจวัตรประจำวัน
  • กล้ามเนื้อลีบและฝ่อลง : เมื่อกล้ามเนื้อไม่ได้รับการกระตุ้นจากระบบประสาทเป็นเวลานาน จะเกิดภาวะลีบเล็ก ขนาดของกล้ามเนื้อลดลงอย่างชัดเจน ทำให้แขนหรือขาดูเล็กลงผิดปกติ
  • อาการเกี่ยวกับดวงตา : ในบางครั้งอาการอาจแสดงออกที่ดวงตาก่อน เช่น หนังตาตกข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง ทำให้มองเห็นไม่ชัด หรือเกิดอาการเห็นภาพซ้อน เนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ควบคุมการเคลื่อนไหวของลูกตาอ่อนแรงลง
  • ปัญหาในการพูดและการกลืน : ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการพูดไม่ชัด เสียงขึ้นจมูก หรือออกเสียงได้เบากว่าปกติเนื่องจากกล้ามเนื้อที่ใช้ในการพูดทำงานผิดปกติ อาจมีปัญหาในการกลืนอาหารหรือดื่มน้ำ โดยเฉพาะของเหลว อาจทำให้สำลักได้ง่ายขึ้น
  • อาการเกี่ยวกับระบบหายใจ : หากโรคมีผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจ ทำให้ผู้ป่วยหายใจลำบาก โดยเฉพาะเมื่อนอนราบ อาจรู้สึกเหนื่อยง่ายหรือมีภาวะหายใจไม่อิ่ม บางรายอาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเมื่ออาการรุนแรงขึ้น

โดยอาการเหล่านี้สามารถเกิดได้ทั้งในรูปแบบฉับพลันหรือค่อย ๆ เกิดขึ้นทีละน้อย และอาจนำไปสู่อาการที่รุนแรงได้ ดังนั้นเมื่อสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ก็ควรจะรีบปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเร็วที่สุด


โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงมีวิธีการรักษาอย่างไร รักษาหายไหม?


als-medicine-1024x683.jpg

การรักษาอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงโดยรวมแล้วจะไม่มีวิธีใดวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้หายขาดได้ในทุกกรณี แต่จะมีวิธีที่ใช้ชะลอและช่วยยับยั้งอาการอยู่หลากหลายแบบ ขึ้นอยู่กับสาเหตุและจุดที่มีอาการของโรคด้วยว่าการรักษาแบบไหนจะเหมาะสมที่สุด โดยตัวอย่างการรักษาก็จะมี ดังนี้


  • ใช้ยารักษากล้ามเนื้ออ่อนแรง : เช่น ยาในกลุ่ม Cholinesterase Inhibitors ยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) หรือยายากดภูมิคุ้มกันต่าง ๆ
  • การเปลี่ยนถ่ายพลาสมา (Plasmapheresis) : เป็นการกำจัดแอนติบอดีที่รบกวนการทำงานของกล้ามเนื้อ ช่วยบรรเทาอาการชั่วคราว แต่มีผลข้างเคียง เช่น ความดันต่ำ เลือดออกผิดปกติ และหัวใจเต้นผิดจังหวะ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง
  • การบำบัดด้วยอิมมูโนโกลบูลิน (Intravenous Immunoglobulin: IVIg) : ช่วยเพิ่มแอนติบอดีที่สมดุลเพื่อปรับการทำงานของภูมิคุ้มกัน เห็นผลนาน 3–6 สัปดาห์ อาจมีผลข้างเคียง เช่น หนาวสั่น เวียนศีรษะ และปวดหัว เหมาะกับผู้ป่วยอาการรุนแรง
  • กายภาพบำบัด : การทำกายภาพบำบัดช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและชะลอการฝ่อลง รวมถึงช่วยลดอาการข้อติดแข็ง ทำให้ผู้ป่วยเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น และนักกิจกรรมบำบัดยังสามารถช่วยให้คำแนะนำการใช้ชีวิตประจำวันให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยได้ด้วย
  • การบำบัดการพูดและการกลืน : ผู้ป่วยที่มีปัญหากล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้องกับการพูดและการกลืน อาจต้องเข้ารับการบำบัดโดยนักบำบัดการพูด เพื่อช่วยให้สามารถออกเสียงและกลืนอาหารได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของการสำลัก
  • บำบัดทางโภชนาการ : การเลือกอาหารที่เหมาะสมมีความสำคัญต่อผู้ป่วยกล้ามเนื้ออ่อนแรง โดยเฉพาะผู้ที่กลืนลำบาก อาจต้องปรับเปลี่ยนเนื้อสัมผัสของอาหาร หรือใช้อาหารทางสายยางในกรณีที่รุนแรง
  • ผ่าตัด : ในบางครั้งผู้ป่วยโรค MG ที่มีความผิดปกติของต่อมไทมัส แพทย์อาจพิจารณาการผ่าตัดต่อมไทมัสเพื่อลดผลกระทบของโรค

กล้ามเนื้ออ่อนแรง ภัยเงียบที่ยับยั้งได้หากตรวจพบเร็ว


ภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักมีอาการเริ่มต้นที่ไม่น่ากลัวและความรุนแรงน้อย แต่อาจซ่อนไว้ซึ่งโรคที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยเฉพาะหากปล่อยไว้โดยไม่ได้พบแพทย์เพื่อรับการประเมินตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้ไม่มีมาตรการในการชะลอการดำเนินโรค หรือการรักษา


แพทย์สามารถยับยั้งและดูแลอาการของโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงได้ดีกว่าหากตรวจพบและหาสาเหตุได้เร็วโดยเฉพาะในช่วงที่อาการยังไม่พัฒนาไปในระดับที่รุนแรง ซึ่งที่โรงพยาบาลพระราม 9 ก็จะมีศูนย์สมองและระบบประสาทคอยให้บริการตรวจสอบระบบประสาทและพร้อมให้การช่วยเหลือในทุกด้านของการรักษา


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับกล้ามเนื้ออ่อนแรง


1. โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง มีกี่ระยะ?


อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงแต่ละประเภทจะแบ่งได้แตกต่างกันไป ดังนี้


  • ระยะของกล้ามเนื้ออ่อนแรงจาก ALS จะแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่
    • ระยะเริ่มต้น : ซึ่งเริ่มมีอาการอ่อนแรงเล็กน้อย เช่น ยกแขนลำบากหรือเดินสะดุด
    • ระยะกลาง : อาการรุนแรงขึ้นจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน เช่น พูดไม่ชัด กลืนลำบาก หายใจติดขัด
    • ระยะสุดท้าย : ผู้ป่วยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจและให้อาหารทางสายยาง
  • ระยะของกล้ามเนื้ออ่อนแรงจาก MG สามารถแบ่งออกเป็น 5 ระยะ ได้แก่
    • Stage I : มีอาการเฉพาะที่กล้ามเนื้อตา เช่น หนังตาตกหรือเห็นภาพซ้อน ซึ่งในเเต่ละระยะของโรคนี้มักมีอาการอ่อนเเรงของกล้ามเนื้อบริเวณตาร่วมด้วย
    • Stage II : อาการเริ่มกระจายไปกล้ามเนื้อส่วนอื่นแต่ยังไม่รุนแรง
    • Stage III : กล้ามเนื้อบริเวณอื่นเริ่มอ่อนแรงชัดเจน อาจเริ่มกระทบต่อการพูด การกลืน
    • Stage III : อาการกล้ามเนื้ออ่อนเเรงรุนแรงมากขึ้นชัดเจนขึ้น
    • Stage IV : อาการกล้ามเนื้ออ่อนเเรงรุนแรง อาจทำให้กินอาหารด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องใส่ท่อให้อาหาร (Feeding Tube)
    • Stage V : อาการรุนแรงที่สุดขั้นมีภาวะหายใจล้มเหลวและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรงจาก SMA จะไม่มีการแบ่งระยะแต่จะสามารถจำแนกประเภทตามช่วงอายุที่เริ่มมีอาการได้ ดังนี้
    • Type 0 : อาการเริ่มตั้งแต่ทารกแรกเกิด มีอาการรุนแรงมาก พบได้น้อย
    • Type 1 : อาการเริ่มในทารกวัยก่อน 6 เดือน (Werdnig-Hoffman disease)
    • Type 2 : อาการเริ่มแสดงในวัย 6 – 18 เดือน
    • Type 3 : อาการเกิดในวัยเด็กโตหรือวัยรุ่น (Kugelberg-Welander disease)
    • Type 4 : อาการเริ่มในวัยผู้ใหญ่
    • ผู้ป่วยแต่ละประเภทจะมีความรุนแรงของอาการแตกต่างกัน และควรได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง

2. กล้ามเนื้ออ่อนแรงควรกินวิตามินอะไร?


หากมีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ควรกินวิตามินทุกประเภทโดยเฉพาะวิตามินบี 1 กับ 6 ที่หาได้ในเนื้อสัตว์ นมและไข่ และวิตามินบี 12 จากขนมปังและโยเกิร์ตเพื่อบำรุงระบบประสาทและสมอง เพิ่มประสิทธิภาพการสั่งการของกล้ามเนื้อ นอกจากนี้ยังควรเติมวิตามินดีให้เพียงพอด้วย ซึ่งร่างกายจะสร้างวิตามินดีขึ้นเองเมื่อพบกับแสงแดด แต่หากไม่สะดวกออกแดดก็สามารถรับเพิ่มจากอาหารอย่างปลาทู และไข่แดงได้


References


Providence Health Team. (2024, June 21). Myasthenia gravis vs. ALS: Symptoms, causes and treatment. Providence Health. https://blog.providence.org/blog/myasthenia-gravis-vs-als-symptoms-causes-and-treatment


Neuromuscular Disorders. (2024, February 20). Cleveland Clinic. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/neuromuscular-disorders


Neuromuscular Disorders. (n.d.). Physio-Pedia. https://www.physio-pedia.com/Neuromuscular_Disorders


เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. สิทธิ เพชรรัชตะชาติ

นพ. สิทธิ เพชรรัชตะชาติ

ศูนย์สมองและระบบประสาท

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital