บทความสุขภาพ

Knowledge

Heart Health

พญ. พรพิชญา บุญดี

กาแฟค่านิยมในปัจจุบัน?


ทุกคนคงทราบกันดีว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมดื่มกันอย่างแพร่หลายในทุกประเทศทั่วโลก โดยเฉพาะวัยทำงาน ในหมู่หนุ่มสาวชาวออฟฟิศ และปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้นในวัยรุ่นและนักศึกษา


Coffee-Cup-1024x576-1.jpg

จากการสำรวจในปี 2015 คนไทยบริโภคกาแฟอยู่ที่ 0.9 กก.ต่อคนต่อปี ในปี 2020 กลับมียอดการบริโภคที่มากขึ้นเป็น 1.2 กก. ต่อคนต่อปี และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ * หมายเหตุ กาแฟ 1 กก. สามารถทำกาแฟออกมาได้เฉลีย 50-60 แก้ว ถ้าใช้กาแฟต่อแก้วที่ 17-20 กรัม*


จากการที่กาแฟเป็นที่นิยมอย่างมาก จึงมีการศึกษามากมายถึงคุณสมบัติของกาแฟว่ามีประโยชน์และโทษต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

ก่อนอื่นมารู้จักกาแฟกันคร่าว ๆ ก่อนนะคะ


Coffee-Cup-1-1024x576-1.jpg

• กาแฟเป็นพืชในตระกลูวงศ์เข็ม (Rubiaceae) มีผลลักษณะคล้ายผลเบอรี่ (Berry) จากเมล็ดกาแฟสีเขียว ๆ เวลาผลสุกจะมีสีแดงบางสายพันธุ์ผลสุกจะมีสีเหลือง และสีแดงอมม่วง กว่าจะเป็นกาแฟที่พวกเราดื่มกันนั้นต้องผ่านกระบวนการแปรรูปหลายขั้นตอนเริ่มจากการปลูกให้ได้คุณภาพ การเก็บเมล็ดที่ดี การขัดและล้างเมือก (ในกรณที่ทำ process แบบ wash) จนถึงการตากให้แห้ง หลังจากนั้นจึงนำไปสีเปลือกแข็ง (กะลากาแฟ) ออก หลังจากสีกะลาออกแล้วจึงนำไปคัดเมล็ดเสีย และคัดขนาดให้ได้ขนาดที่ใกล้เคียงกันทุกเมล็ดจึงนำไปคั่ว


ซึ่งในกระบวนการการคั่วนี้เองจะเกิดสารที่ชื่อว่า “caffeol หรือ cafestrol” ซึ่งเคยมีการศึกษามาก่อนหน้านี้ว่า แสดงว่าเจ้าสารตัวนี้จะทำให้ปริมาณไขมันคลอเลสเตอรอลตัวเลว หรือ LDL-cholesterol ในเลือดเพิ่มขึ้น หากเราชงกาแฟแบบวิธีดั้งเดิม โดยไม่ผ่านตัวกรอง เช่น French press, Turkish coffee/Greek coffee, Scandinavian boil ซึ่งกาแฟที่ชงจากเครื่อง espresso หรือวิธี Drip ที่ร้านกาแฟส่วนมากนิยมใช้ในปัจจุบันสามารถสกัดสารตัวนี้ออกไปได้ค่ะ


• นอกจาก คาเฟอีน ที่เรารู้จักกันดีแล้ว ในกาแฟยังมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เช่น แมกนีเซียม วิตามินบี 2, 3 และ12, โซเดียม, แมงกานีส, โพแทสเซี่ยม, แอลคานีทีน, กรด Quinic, กรด Chlorogenic, น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว Monosaccharide, สารอัลคาลอยด์ Trigonelline


จะเห็นได้ว่าสารประกอบที่อยู่ในเมล็ดกาแฟนั้นมีเยอะมาก ซึ่งแต่ละตัวก็มีประโยชน์กับร่างกายต่างกันออกไป จากการศึกษาเพิ่มยังพบด้วยว่ากรดที่มีในกาแฟนั้นมีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบได้ด้วย


• กาแฟแต่ละชนิดมีปริมาณคาเฟอีนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดกาแฟ, วิธีการคั่วและชง ถ้าเป็นชนิดโรบัสต้าที่ส่วนมากนำไปทำกาแฟกระป๋องสำเร็จรูปจะมีปริมาณคาเฟอีนที่เยอะกว่ากาแฟชนิดอะราบิก้า ประมาณ 2.5-3 เท่า (สมัยที่ต้องอยู่เวรหนัก ๆ หมอก็พึ่งกาแฟกระป๋องเซเว่นนี่ล่ะ ตาตื่นเลย)


ซึ่งถ้าเป็นกาแฟกระป๋องเราสามารดูปริมาณคาเฟอีนจากรายละเอียดข้างกระป๋องได้เลยค่ะ ส่วนกาแฟชนิดอะราบิก้า ปริมาณโดยประมาณตามตารางค่ะ


Coffee-คาเฟอีน-1-1024x576-1.jpg
  • คาเฟอีน ทำให้เรารู้สึกตื่นตัวเมื่อดื่ม เนื่องจากตัวโครงสร้างของคาเฟอีน มีลักษณะที่คล้ายกับสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า “Adenosine” ในสมอง ซึ่งมีคุณสมบัติในการกระตุ้นระบบประสาทและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
  • ส่วนใหญ่คาเฟอีนจะถูกกำจัดที่ตับ

ผลต่อกาแฟและสุขภาพ


โดยสรุปจากการรีวิวการศึกษาต่าง ๆ ในปัจจุบันนะคะ ซึ่งในการศึกษาจะหมายถึงกาแฟดำเท่านั้น ที่ไม่ได้รวมกาแฟที่มีส่วนประกอบของนมและน้ำตาล


Coffee-calm-1024x576-1.jpg

1. การเสียชีวิต


  • การดื่มกาแฟปริมาณ 2-4 แก้วต่อวัน (ผลดีที่สุดคือ 3.5 แก้ว/วัน) ลดอัตราการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุเมื่อเทียบกับคนที่ไม่ดื่มกาแฟ

2.ระบบหัวใจและหลอดเลือด


  • การดื่มกาแฟยิ่งเยอะยิ่งลดการเสียชีวิตจากโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โดยปริมาณ 4-5 แก้วต่อวัน คือความสัมพันธ์ที่พบว่าลดได้มากที่สุด โดยไม่ขึ้นกับว่ากาแฟนั้นเป็นชนิด decaf* หรือไม่ (* decaf คือการที่สกัดสารคาเฟอีนออกจากกาแฟ คำนิยาม decaf ของแต่ละประเทศไม่เท่ากัน แต่ส่วนใหญ่มักจะสกัดออกมากกว่า 97% เหลือคาเฟอีนประมาณ 2 mg เมื่อเทียบกับขนาดปกติคือ 95mg)
  • การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อการควบคุมความดันโลหิต
  • ไม่มีหลักฐานที่แสดงได้ชัดว่าเพิ่มการเกิดภาวะหรือหัวใจเต้นผิดจังหวะ/หัวใจเต้นระริก
  • การดื่มกาแฟไม่มีผลต่อระดับไขมันคลอเลสเตอรอลในเลือด (เน้นว่า แน่นอนหมายถึงกาแฟดำ ที่ไม่มีส่วนผสมของนมหรือครีมเทียมค่ะ) แต่ต้องปริมาณที่ไม่เกิน 6 แก้วต่อวันและชงผ่านตัวกรองนะคะ

3.สุขภาพจิต


  • มีการวิจัยที่กำลังรอผลการศึกษาพบว่า การดื่มกาแฟอาจจะลดการเกิดภาวะความจำเสื่อมและโรคหลงลืม หรือเรียกภาวะโรคนี้ว่าโรคอัลไซม์เมอร์
  • ไม่มีหลักฐานแน่ในเรื่องความสัมพันธ์ของการเกิดภาวะซึมเศร้า

4.เบาหวาน


  • การดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นชนิด decaf หรือปกติ สามารถลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินได้

5.มะเร็ง


  • การดื่มกาแฟไม่มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรคมะเร็ง

6.โรคตับ


  • การการดื่มกาแฟ 2 แก้วต่อวันช่วยชะลอการเกิดภาวะตับแข็งในผู้ป่วยโรคตับ จากการที่กาแฟมีที่ช่วยในการยับยั้งการเกิดผังผืดในตับ

Black-Coffee-1024x576-1.jpg

จะเห็นได้ว่าการดื่มกาแฟดำ (เน้นย้ำนะคะว่ากาแฟดำ) ในปริมาณที่พอเหมาะ คือปริมาณ 3-5 แก้วหรือคาเฟอีนประมาณ 300-400 mg ต่อวัน ยังไม่พบว่ามีโทษและอาจจะยังมีประโยชน์ในบางเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามการศึกษาหลายอย่างยังมีปัจจัยหลอก และอาจจะมีข้อมูลด้านอื่นในภายหลังเมื่อมีการศึกษาเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นเราไม่ควรบริโภคกาแฟมากเกินไป ซึ่งจะส่งผลดีทั้งต่อร่างกายและเงินในกระเป๋าด้วยค่ะ


โดยส่วนตัวถึงแม้ว่ากาแฟจะมีประโยชน์มากมายแต่สำหรับใครที่ไม่เคยดื่มก็ไม่จำเป็นต้องพยายามจะหามาดื่มนะคะ เพราะถ้าเรารับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ พักผ่อนและออกกำลังกายเพียงพอ เท่านี้ร่างกายเราก็จะแข็งแรงห่างไกลจากโรคได้ค่ะ และหมอไม่แนะนำคนที่ตั้งครรภ์ดื่มกาแฟนะคะเพราะคาเฟอีนมีผลต่อการไหลเวียนของทารกในครรภ์ทำให้หัวใจของทารกนั้นเต้นเร็วขึ้นและมีผลต่อการพัฒนาของตัวอ่อนทารกในครรภ์ได้ค่ะ


Presentation3-709x1024-1.jpg



เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

พญ. พรพิชญา บุญดี

พญ. พรพิชญา บุญดี

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital