บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคความดันสูงในคนอายุน้อย…โรคที่อาจซ่อนอยู่โดยไม่รู้ตัว!

นพ. เจษฎา ลักขณาวงศ์

หลายคนอาจคิดว่าโรคความดันสูงเป็นโรคที่พบในผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ปี แต่โรคความดันสูงก็สามารถพบได้ในคนอายุที่น้อยกว่า 60 ปีเช่นกัน ซึ่งจะทำให้ความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่น โรคหลอดเลือดสมอง (หรืออัมพฤกษ์ อัมพาต) ในคนอายุน้อย โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไต เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ค่าความดันอาจสูงขึ้นได้หลังการออกกำลังกาย อยู่ในภาวะตื่นเต้น กังวล หรือมีค่าสูงเมื่อมาโรงพยาบาล


การที่จะวินิจฉัยว่า “เป็นโรคความดันสูงในอายุน้อย” จำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างระมัดระวังและถูกต้อง เพื่อการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม


ค่าความดันในคนปกติ


ค่าความดันคือเเรงดันของเลือดที่สูบฉีดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย โดยค่าความดันจะวัดออกมาได้เป็นตัวเลข 2 ตัว เช่น 120/80, 140/90 โดยเราสามารถวัดความดันได้จากเครื่องวัดความดัน ซึ่งค่าที่วัดได้คือ


  1. ค่าความดันเลือดตัวบน (systolic blood pressure) หรือ ค่าความดันเลือดที่วัดได้ขณะหัวใจบีบตัวเต็มที่เพื่อสูบฉีดเลือดไปยังส่วนต่าง ๆ โดยมีค่าปกติอยู่ในช่วงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 120-129 มิลลิเมตรปรอท
  2. ค่าความดันเลือดตัวล่าง (diastolic blood pressure) หรือ ค่าความดันเลือดที่วัดได้ขณะหัวใจคลายตัว โดยมีค่าปกติอยู่ในช่วงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 80 มิลลิเมตรปรอท

การวัดความดันเลือดที่ดีต้องวัดขณะนั่งพัก 5 นาทีขึ้นไปเเละวัดในที่มีความสงบไม่มีอะไรรบกวนจิตใจเช่น ที่บ้าน เพราะมักพบการวัดค่าความดันได้มากกว่าปกติ เมื่อวัดขณะมาพบเเพทย์ที่โรงพยาบาลเรียกว่ากลุ่มอาการ “white coat hypertension


หากวัดค่าความดันเลือดตัวบน (systole) มากกว่าหรือเท่ากับ 130 มิลลิเมตรปรอทหรือค่าความดันเลือดตัวล่าง (diastole) มากกว่าหรือเท่ากับ 80 มิลลิเมตรปรอท จัดว่าเป็นผู้มีภาวะความดันสูง (hypertension)


โรคความดันสูงในคนอายุน้อยหมายถึงอะไร?


โรคความดันสูงในคนอายุน้อย (hypertension in the young) คือภาวะที่มีความดันเลือดสูงกว่า 140/90 มิลลิเมตรปรอทในคนที่มีอายุน้อยกว่า 50 ปี ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ ส่งผลเสียต่อร่างกาย และนำไปสู่โรคเรื้อรังต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไตวาย เป็นต้น


โดยอาจแบ่งประเภทของภาวะความดันสูงออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่


  • ภาวะความดันสูงแบบปฐมภูมิ (primary or essential hypertension) เป็นภาวะความดันสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นภาวะความดันสูงชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด
  • ภาวะความดันสูงแบบทุติยภูมิ (secondary hypertension) เป็นภาวะความดันสูงที่เป็นผลมาจากโรคอื่น ๆ

ความดันสูงในคนอายุน้อยเกิดจากอะไร?


ผู้ป่วยโรคความดันสูงในคนอายุน้อยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น


  • การรับประทานอาหารที่มีรสจัด หรือมีน้ำตาลและไขมันสูง
  • การดำเนินชีวิตที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง
  • ภาวะอ้วน หรือน้ำหนักเกิน
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • ความเครียด
  • การดื่มแอลกอฮอล์

และมีผู้ป่วยอีกจำนวนหนึ่ง มีสาเหตุจากการรับประทานยา และโรคอื่น ๆ เช่น


  • ยาแก้ปวดกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
  • ยากลุ่มสเตรียรอยด์ เช่น ยาแก้หวัด (psuedoephredine) หรือยาคุมกำเนิด

ความดันสูงในคนอายุน้อยที่เกิดจากจากโรคอื่น ๆ โดยมักพบในผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 ปี ดังนั้นหากผู้ที่อายุน้อยกว่า 30 มีค่าความดันเลือดสูงกว่าค่าปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีโรคที่ซ่อนอยู่ที่เป็นสาเหตุของความดันสูง ซึ่งโรคเหล่านั้น ได้แก่


  • โรคไต หรือโรคหลอดเลือดแดงไตตีบ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคหลอดเลือดแดงใหญ่ตีบแคบ (coarctation of aorta)
  • โรคหลอดเลือดแดงอักเสบ (Takayasu arteritis)
  • โรคไทรอยด์เป็นพิษ หรือไทรอยด์ต่ำ
  • โรคทางเดินหายใจอุดกั้นขณะหลับ (obstructive sleep apnea)
  • โรคกลุ่มฮอร์โมน เช่น โรคเนื้องอกในต่อมหมวกไต โรคเนื้องอกในต่อมใต้สมอง ที่ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนผิดปกติ ภาวะฮอร์โมนสเตียรอยด์เกิน (Cushing’s syndrome)

ปัจจัยเสี่ยงโรคความดันสูงในคนอายุน้อย


ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้พบความดันในคนอายุน้อย ได้แก่


  • การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มเเละมีโซเดียมในปริมาณสูง
  • ภาวะน้ำหนักตัวมากผิดปกติหรือโรคอ้วน
  • การดื่มเหล้า สูบบุหรี่หรือการใช้สารเสพติด
  • การทานผักผลไม้น้อยเเละทานอาหารที่มีไขมันสูงเป็นประจำ
  • การไม่ออกกำลังกาย
  • มีภาวะเครียดเรื้อรัง
  • มีประวัติคนในครอบครัวเป็นความดันสูง

อาการของโรคความดันสูง


ผู้ป่วยโรคความดันสูงส่วนใหญ่ไม่มีอาการ ผู้ป่วยจำนวนมากไม่ทราบว่าตัวเองเป็นโรคความดัน ทำให้เข้ารับการรักษาช้าจนมีภาวะแทรกซ้อนตามมา แต่ในรายที่มีค่าความดันสูงมาก ๆ คือสูงกว่า 180/120 มิลลิเมตรปรอท อาจพบอาการต่าง ๆ ได้ เช่น


  • ปวดหัวรุนเเรง
  • เจ็บเเน่นหน้าอก
  • วิงเวียนศีรษะ
  • หายใจลำบาก
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ตาพร่าหรือมีอาการมองเห็นที่ผิดปกติไปจากเดิม
  • มีภาวะวิตกกังวลหรือสับสน
  • หูอื้อ
  • เลือดกำเดาไหล
  • หัวใจเต้นผิดจังหวะ

การวินิจฉัยโรคความดันสูงในคนอายุน้อย


การวินิจฉัยโรคความดันในคนอายุน้อยทำได้เบื้องต้น ได้แก่


  • การวินิจฉัยโรคความดันสูงจะต้องเป็นการวินิจฉัยจากการวัดความดันอย่างถูกต้องเพื่อเป็นการยืนยันว่าเป็นโรคความดันสูง แพทย์จะใช้ตัวเลขของความดันที่วัดที่บ้านเป็นหลักในการวินิจฉัย โดยควรมีวิธีการวัดดังนี้
    • ควรวัดความดันเลือดในท่านั่ง โดยวัดหลังจากนั่งพักอย่างน้อย 5 นาที เเละถ้าวัดซ้ำ ควรวัดห่างกันอย่างน้อย 1 นาที แล้วจดบันทึกค่าความดันและเวลาที่วัดทุกครั้ง
    • ควรวัดความดันเลือดเพื่อติดตามระดับความดันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน โดยวัดในช่วงเช้าเเละเย็น ติดต่อกันอย่างน้อย 4-7 วัน หรือ 2 สัปดาห์ จากนั้นนำค่าความดันที่จดบันทึกไปให้เเพทย์วินิจฉัย เพื่อใช้ในการประกอบการรักษาเเละกำหนดเเนวทางการรักษา
  • การตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมเพื่อค้นหาโรคที่อาจเป็นสาเหตุของความดันสูง ได้แก่
    • การซักประวัติเเละการตรวจร่างกาย
    • การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือดเพื่อดูระดับการทำงานของไต เเร่ธาตุต่าง ๆ ในเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับฮอร์โมนไทรอยด์และคอร์ติซอล ระดับไขมันในเลือด ค่ากรดยูริค การตรวจปัสสาวะเพื่อดูระดับโปรตีนอัลบูมินในปัสสาวะ
    • การตรวจอื่น ๆ เช่น ตรวจคลื่นหัวใจ (electrocardiography; ECG หรือ EKG) ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (echocardiogram) การทดสอบสมรรถภาพการทำงานของหัวใจโดยการเดินสายพาน (exercise stress test; EST) ตรวจการนอนหลับ (sleep test) ตรวจสมองด้วยการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT scan) หรือการตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI scan)
  • การตรวจอื่น ๆ ตามคำแนะนำของแพทย์

โดยสามารถจำเเนกระดับความรุนเเรงของโรคความดันสูงได้ดังนี้


hypertension-in-young-people-1.png

การรักษาโรคความดันสูงในคนอายุน้อย


การรักษาจะเเยกตามระดับความรุนเเรงของโรค โดยเเพทย์อาจจะแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย เเละการรับประทานอาหาร ในรายที่ยังมีความดันสูงไม่มาก แต่หากค่าความดันสูงจนการปรับพฤติกรรมไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยยา ซึ่งการพิจารณาแผนการรักษาแพทย์จะพิจาณาถึง


  • รักษาโรคที่เป็นสาเหตุของความดันสูง โดยหากรักษาโรคดังกล่าวหรือควบคุมให้ไม่รุนเเรง จะสามารถรักษาระดับความดันจะสามารถลดลงได้
  • รักษาโดยการปรับพฤติกรรม
  • การรักษาด้วยยา โดยแพทย์จะวางแผนการรักษาโดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ได้แก่
    • ค่าความดันเลือดเฉลี่ยที่วัดได้
    • ระดับความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวหัวใจเเละหลอดเลือด
    • โรคร่วมของผู้ป่วย เช่น โรคไต โรคเบาหวาน
    • ผลกระทบของภาวะความดันสูงที่เกิดกับอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

ยารักษาโรคความดันสูง

เเบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่


  1. ยากลุ่ม angiotensin converting enzyme inhibitors (ACEIs) เช่น ยาอีนาลาพริล(enalapril)
  2. ยากลุ่ม angiotensin receptor blockers (ARBs) เช่น ยาลอซาร์แทน (losartan)
  3. ยากลุ่ม beta-blockers เช่น ยาเมโทโพรลอล (metoprolol) ยาโพรพราโนลอล(proprabolol)
  4. ยากลุ่ม calcium-channel blockers (CCBs) เช่น ยาแอมโลดิปีน (amlodipine)
  5. ยากลุ่มขับปัสสาวะ เช่น ยาไทอะไซด์ (thiazides) และยาขับปัสสาวะที่ใกล้เคียงกับ thiazides ได้แก่ ยาคลอธาลิโดน (chlorthalidone) และ ยาอินดาพาไมด์ (indapamide)

โดยเเพทย์จะพยายามควบคุมความดันให้อยู่ในระดับปกติมากที่สุด คือ ความดันที่วัดได้ขณะหัวใจบีบตัวให้อยู่ในช่วงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 130 มิลลิเมตรปรอท เเละความดันที่วัดได้ขณะหัวใจคลายตัวให้อยู่ในช่วงน้อยกว่าหรือเท่ากับ 80 มิลลิเมตรปรอท


การป้องกันโรคความดันสูงในคนอายุน้อย


เราสามารถป้องกันโรคความดันสูงได้ โดยการปฏิบัติดังนี้


  • การควบคุมหรือการลดน้ำหนักผู้ที่มีน้ำหนักเกิน
  • ปรับรูปเเบบของการรับประทานอาหาร โดยรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสมโดยเน้นทานผักผลไม้ที่มีปริมาณไฟเบอร์ เกลือเเร่สูงเเละหวานน้อย ทานเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมันเเละเนื้อปลา
  • จำกัดปริมาณเกลือเเละโซเดียมในอาหาร โดยไม่บริโภคโซเดียมเกินวันละ 2 กรัมต่อวัน หรือเทียมเท่าเกลือแกง 1 ช้อนช้า น้ำปลาหรือซีอิ้วขาว 3-4 ช้อนชา เเละผงชูรส 1 ช้อนชา
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยอาจปรึกษาเเพทย์เกี่ยวกับออกกำลังกายที่ถูกต้องและเหมาะสม
  • งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดการใช้สารเสพติดทุกชนิด
  • ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี

สรุป


โรคความดันสูงในคนอายุน้อยเป็นโรคที่พบได้มากขึ้น เนื่องมาจากวิถีชีวิตที่มีความเครียดเพิ่มขึ้น การทำงานที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายลดลง นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุมาจากโรคต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งผู้ป่วยจำนวนมากไม่ทราบว่าตัวเองมีความดันเลือดสูง จึงทำให้ไม่ได้มีการดูแลรักษาอย่างถูกต้อง อาจจะนำไปสู่การเจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้มีภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้


การหมั่นดูแลสุขภาพ วัดความดันเลือดหากมีโอกาส สังเกตอาการผิดปกติต่าง ๆ ของร่างกาย รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ก็จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคความดันสูงได้


ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญกับ Praram 9 V ปรึกษาแพทย์ได้ทุกที่ผ่านทางวิดีโอคอล (Telemedicine)

เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ

นพ. เจษฎา ลักขณาวงศ์

นพ. เจษฎา ลักขณาวงศ์

สถาบันหัวใจและหลอดเลือดพระรามเก้า

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital