บทความสุขภาพ

Knowledge

การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) คืออะไร ทำไมจึงจำเป็นต้องตรวจ?

โรคหัวใจเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับต้น ๆ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) หรือ EKG คือหนึ่งในวิธีที่จะช่วยวินิจฉัยโรคหัวใจและภาวะต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของหัวใจว่ามีความผิดปกติหรือไม่ได้อย่างตรงจุด ซึ่งจำเป็นต้องตรวจหรือไม่ หรือมีข้อมูลควรรู้ก่อนตัดสินใจทำการตรวจ EKG อะไรบ้างนั้น สามารถติดตามไปพร้อม ๆ กันได้ในบทความนี้


Key Takeaways


  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG คือกระบวนการตรวจวัดกระแสไฟฟ้าหัวใจที่แสดงผลในรูปแบบของกราฟ บ่งบอกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ อัตราการเต้นหัวใจ และลักษณะกายวิภาคของหัวใจ
  • ผู้ที่ควรรับการตรวจ EKG คือผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ผู้ที่อายุ 40-50 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยโรคเบาหวาน มีความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง รวมถึงผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย
  • การตรวจ EKG คือวิธีทางการแพทย์ในการตรวจความผิดปกติการทำงานของหัวใจเบื้องต้นที่ไม่เจ็บ ไม่จำเป็นต้องงดอาหาร งดน้ำก่อนตรวจ ใช้เวลาไม่นาน สามารถตรวจได้ในทุกเพศทุกวัย และทำซ้ำได้ทุก ๆ ปี

ทำความรู้จักการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram) หรือ EKG คืออะไร?


การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiogram / Elektrokardiogramm) หรือ EKG คือ กระบวนการตรวจวัดคลื่นหัวใจ ที่ข้อมูลจะแสดงออกมาในรูปแบบกราฟบ่งบอกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจ และสัญญาณความผิดปกติของการทำงานหัวใจได้ เช่น มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจเต้นเร็ว หัวใจขาดเลือด หรือหัวใจโต โดยถือเป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องเตรียมตัวซับซ้อน ใช้เวลาไม่นานก็ทราบผลในการประเมินสุขภาพหัวใจเบื้องต้น


ผู้ที่เหมาะสำหรับการตรวจ EKG มีใครบ้าง?


who-should-get-EKG-1024x1024.webp

EKG คือการตรวจหาปัญหาที่เกี่ยวข้องกับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ และสามารถบ่งบอกภาวะผิดปกติของหัวใจอื่น ๆ ได้ โดยผู้ที่เหมาะสำหรับการตรวจ EKG มีดังนี้


  • ผู้ที่มีสมาชิกในครอบครัวมีประวัติป่วยเป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่มีอายุ 40-50 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่เผชิญกับอาการใจสั่น เจ็บแน่นหน้าอก หายใจลำบาก ปวดร้าวหน้าอกทั้งกรณีที่อยู่เฉย ๆ และกรณีที่ออกแรงทำกิจกรรมต่าง ๆ
  • ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ภาวะความดันโลหิตสูง ตลอดจนมีน้ำตาลในเลือดสูง หรือเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ
  • ผู้ที่มีพฤติกรรมไม่ค่อยออกกำลังกาย และมักทานอาหารที่มีปริมาณไขมันสูง
  • ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพหัวใจเพื่อป้องกันความเสี่ยงโรคร้ายต่าง ๆ ล่วงหน้าในอนาคต

ขั้นตอนการตรวจ EKG เป็นอย่างไร ใช้เวลานานไหม?


วิธีการตรวจ EKG คือวิธีที่ง่าย และไม่ต้องเจ็บตัวแต่อย่างใด โดยผู้เข้ารับการตรวจเพียงนอนหงายลงบนเตียงตรวจ จากนั้นเจ้าหน้าที่หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการป้ายเจลลงบริเวณหน้าอก ข้อมือ และข้อเท้า และทำการติดแผ่น Electrode ลงบนบริเวณที่ทาเจล เพื่อให้เครื่องทำการวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจออกมาในรูปแบบกราฟ จากนั้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการประเมินผล โดยกระบวนการตรวจ EKG นี้จะใช้ระยะเวลาประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น


วิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ EKG


แม้ว่าการตรวจ EKG คือขั้นตอนการตรวจที่ไม่ยุ่งยาก ซับซ้อน แต่เพื่อความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนของการตรวจคลื่นหัวใจ แนะนำให้ศึกษาวิธีการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ EKG ดังนี้


  • แจ้งประวัติสุขภาพ ประวัติการใช้ยา หรือผลิตภัณฑ์อาหารเสริม วิตามินต่าง ๆ ให้เจ้าหน้าที่ผู้ตรวจ EKG หรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทราบก่อนเข้ารับการตรวจ
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ที่มีส่วนทำให้หัวใจเต้นเร็วก่อนเข้ารับการตรวจ
  • งดออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมที่ส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ เพราะอาจทำให้การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจไม่แม่นยำได้
  • แนะนำสวมใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ หรือสามารถถอด หรือเปิดบริเวณหน้าอกและตามจุดต่าง ๆ ที่ใช้ตรวจ EKG ได้สะดวก
  • หลีกเลี่ยงการทาแป้ง โลชั่น หรือออยล์ลงบริเวณหน้าอก หรือจุดที่ใช้แปะแผ่น Electrode เนื่องจากอาจรบกวนสัญญาณการตรวจ EKG และไม่สามารถอ่านค่าได้แม่นยำ
  • ไม่จำเป็นต้องงดน้ำ หรืองดอาหารก่อนเข้ารับการตรวจ

การวินิจฉัยโรคจากผลการตรวจ EKG เป็นอย่างไร


EKG-diagnosis.webp

การตรวจ EKG คือวิธีการตรวจคลื่นหัวใจที่สามารถแสดงความผิดปกติ หรือสัญญาณโรคบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจได้ ขณะเดียวกันยังสามารถบ่งบอกถึงขนาดของหัวใจและความแข็งแรงของหัวใจได้เช่นกัน


ถ้าหากกราฟแสดงผล EKG ออกมามีความผิดปกติ แพทย์จะวินิจฉัยได้ทันทีว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ และอาจมีการตรวจสุขภาพหัวใจด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีกครั้ง หรือใช้วิธีอื่น ๆ ในการตรวจหัวใจควบคู่ไปด้วย จากนั้นจึงแนะนำแนวทางในการรักษาหรือดูแลตัวเองของผู้เข้ารับการตรวจที่เหมาะสมต่อไป


การตรวจ EKG สามารถบอกอะไรได้บ้าง?


EKG คือวิธีการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเพื่อศึกษาลักษณะไฟฟ้าภายในหัวใจว่ามีลักษณะผิดปกติหรือไม่ โดยสามารถบอกถึงอัตราการเต้นของหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจ รวมถึงโครงสร้างภายในของหัวใจได้ ซึ่งหากถามว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ บอกอะไรได้บ้าง หรือสามารถนำไปประกอบการวินิจฉัยโรคต่าง ๆ เกี่ยวกับหัวใจอย่างไรได้บ้างนั้น มีดังนี้


  • ตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ เช่น หัวใจเต้นเร็วเกินไป เต้นช้าเกินไป เต้นผิดจังหวะ
  • ตรวจวัดขนาดของหัวใจว่าผู้เข้ารับการตรวจกำลังเผชิญกับภาวะหัวใจโตอยู่หรือไม่
  • สามารถประเมินความผิดปกติของโครงสร้างหัวใจได้ เช่น ผนังหัวใจมีลักษณะหนาเกินไป
  • ลักษณะการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจที่ผิดปกติ เช่น กำลังเผชิญกับภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
  • ช่วยแสดงผลการทำงานของเครื่องกระตุ้นหัวใจ ในผู้ป่วยที่มีการติดตั้งเครื่องกระตุ้นหัวใจ หรือผู้ที่มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
  • ช่วยคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหัวใจ เช่น โรคเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ โรคเกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจ
  • มีส่วนช่วยวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับภาวะที่ร่างกายมีเกลือแร่ผิดปกติ เช่น โพแทสเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ แคลเซียมในเลือดสูงหรือต่ำ

ข้อดีของการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG มีอะไรบ้าง?


ข้อดีของการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ-EKG-มีอะไรบ้าง-1024x1024.webp

การตรวจ EKG คือวิธีทางการแพทย์ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในการหาความผิดปกติ หรือสัญญาณโรคร้ายที่เกี่ยวกับการทำงานของหัวใจ หากสงสัยว่าการตรวจ EKG หรือตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เพื่ออะไรนั้นมีข้อดีที่น่าสนใจดังต่อไปนี้


  • ช่วยวินิจฉัยโรคเกี่ยวกับหัวใจในระยะเริ่มต้นได้
  • ช่วยประเมินความเสี่ยงโรคหัวใจ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงด้านสุขภาพ
  • ช่วยลดระดับความรุนแรงของโรคหัวใจ หรือลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคได้
  • สามารถใช้เป็นวิธีในการติดตามอาการเกี่ยวกับหัวใจที่ผิดปกติ
  • ไม่เจ็บปวด ไม่ต้องผ่าตัด หรือใช้เข็ม ใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ทางการแพทย์ใด ๆ ที่ทำให้เจ็บปวด
  • ใช้ระยะเวลาในการเข้ารับการตรวจไม่นาน เพียง 5-10 นาทีก็เสร็จเรียบร้อย
  • ไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเพื่อเข้ารับการตรวจคลื่นหัวใจเป็นพิเศษ เช่น งดน้ำ งดอาหาร
  • เหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย

การตรวจ EKG คือกุญแจสำคัญช่วยให้รู้ทันโรคหัวใจ


การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ EKG คือวิธีการที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการวินิจฉัยโรคหัวใจและภาวะที่เกี่ยวข้อง สามารถช่วยประเมินและลดความเสี่ยงจากโรคร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจได้อย่างตรงจุด โดยสามารถทำการตรวจ EKG ได้ในทุกเพศทุกวัยเป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อประเมินสุขภาพหัวใจและวางแผนการดูแลสุขภาพชีวิต เตรียมรับมือกับโรคร้าย หรืออาการเจ็บป่วยในอนาคตได้


สำหรับใครที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับการตรวจ EKG หรือกังวลสุขภาพหัวใจ สามารถเข้ารับการตรวจ EKG และรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่สถาบันหัวใจและหลอดเลือด หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลพระรามเก้า ผ่านช่องทางติดต่อด้านล่างนี้ได้เลย



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ EKG


ตรวจ EKG มีผลข้างเคียงหรือไม่?


โดยทั่วไปแล้วการตรวจ EKG ไม่มีผลข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกาย เพียงแต่ผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยในบริเวณที่แผ่น Electrode สัมผัสกับผิวหนังได้


ควรตรวจ EKG บ่อยแค่ไหน?


การตรวจวัดคลื่นหัวใจ หรือการตรวจ EKG คือวิธีการตรวจที่สามารถทำได้ทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นบริเวณหน้าอก หรือบริเวณหัวใจ รวมถึงหากผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรเข้ารับการตรวจ EKG อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง


การตรวจ EKG เจ็บไหม?


ไม่เจ็บ เนื่องจากเป็นเพียงการใช้แผ่น Electrode แปะลงบนผิว จากนั้นใช้สื่อนำคลื่นไฟฟ้าทำการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และแปลผลออกมาในรูปแบบของกราฟเท่านั้น


References


Medical News Today. (n.d.). ECG vs. EKG: What is the difference? Retrieved from https://www.medicalnewstoday.com/articles/ecg-vs-ekg


NHS. (n.d.). Electrocardiogram (ECG). Retrieved from https://www.nhs.uk/conditions/electrocardiogram/


WebMD. (n.d.). Electrocardiogram (EKG). Retrieved from https://www.webmd.com/heart-disease/electrocardiogram-ekgs

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital