บทความสุขภาพ

Knowledge

โรคหัวใจอาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ที่นี่!

โรคหัวใจเป็นภัยร้ายที่คุกคามผู้คนทั่วโลก และเป็นสาเหตุการตายอันดับแรก ๆ ของประชากรโลกอีกด้วย โรคหัวใจเป็นที่อันตราย เนื่องจากสามารถนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจวายเฉียบพลัน หรือหลอดเลือดสมองตีบตันได้


อาการของโรคหัวใจอาจแสดงออกได้หลายรูปแบบ บางครั้งอาจเริ่มจากอาการที่ไม่รุนแรง ทำให้ผู้ป่วยอาจมองข้ามและไม่ได้พบแพทย์ และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปอาจทำให้อาการแย่ลงและมีความเสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิต การตระหนักและทราบว่าโรคหัวใจอาการเริ่มต้นเป็นอย่างไร ก็จะสามารถช่วยให้ได้รับการรักษาและการดูแลป้องกันได้ทันเวลา ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้

อาการเจ็บหน้าอก (Chest pain)


อาการเจ็บหน้าอกหรือแน่นหน้าอกเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ที่เป็นโรคหัวใจโดยเฉพาะ ผู้ที่มีภาวะหัวใจขาดเลือด อาจรู้สึกเหมือนจุก แน่น หรือมีอะรไมาทับที่กลางหน้าอก และอาจมีการปวดร้าวไปที่กราม แขน หรือหลัง อาการเจ็บหน้าอกจากโรคหัวใจมักเกิดขึ้นเมื่อมีการออกแรง เช่น ตอนออกกำลังกาย หรือออกแรงยกของ อาการเจ็บหน้าอกยังอาจมีลักษณะดังนี้


  • รู้สึกเหมือนมีของหนักกดทับที่หน้าอก
  • มีความเจ็บปวดรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
  • รู้สึกเจ็บร้าวไปที่คอหรือไหล่ด้านซ้าย

หายใจลำบาก (Shortness of breath)


หายใจลำบากหรือหายใจสั้นเป็นอีกหนึ่งอาการที่สำคัญ ซึ่งมักเกิดจากหัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ ทั้งในขณะออกแรงหรือในขณะที่พักผ่อนหรือไม่ได้มีกิจกรรมใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีอาการหายใจลำบากในช่วงกลางคืนขณะกำลังนอน ต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย อาการหายใจลำบากอาจมีลักษณะอื่น ๆ เช่น


  • หายใจถี่และสั้นลง
  • รู้สึกว่าหายใจไม่เต็มที่
  • ต้องลุกขึ้นนั่งหรือนอนหนุนหมอนสูงเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น หลังการนอนราบ

เหนื่อยง่ายผิดปกติ (Fatigue)


รู้สึกเหนื่อยง่ายแม้ว่าจะไม่ได้ออกแรงมาก เช่น เดินขึ้นบันไดเล็กน้อย อาการนี้อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจอาการเริ่มต้น ซึ่งอาการเหนื่อยง่ายอาจมีลักษณะดังนี้


  • รู้สึกเหนื่อยง่ายผิดปกติ หลังจากกิจกรรมที่ปกติทำได้
  • ไม่สามารถทำกิจกรรมประจำวันได้อย่างที่เคย
  • ต้องหยุดพักบ่อยขึ้นเมื่อทำงานหรือออกกำลังกาย

หัวใจเต้นผิดจังหวะ (Irregular heartbeat)


รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ อาการนี้อาจมาพร้อมกับอาการวิงเวียน หน้ามืดหรือหมดสติได้ ซึ่งต้องรีบพบแพทย์เพราะอาจทำให้เสียชีวิตได้ หัวใจเต้นผิดจังหวะอาจเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบไฟฟ้าภายในหัวใจ ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญของโรคหัวใจ เช่น ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Arrhythmia) หรือภาวะหัวใจล้มเหลว อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะอาจมีลักษณะดังนี้


  • รู้สึกใจสั่น
  • รู้สึกว่าหัวใจเต้นสะดุดหรือมีการกระตุก
  • รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วอย่างฉับพลัน (Tachycardia)
  • รู้สึกว่าหัวใจเต้นช้าลงผิดปกติ (Bradycardia)

เหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ (Excessive sweating)


เหงื่อออกมากโดยไม่ทราบสาเหตุ เช่น เหงื่อออกในขณะที่ไม่ได้ออกกำลังกายหรือไม่ได้อยู่ในสภาพอากาศร้อน อาจเป็นสัญญาณของโรคหัวใจอาการเริ่มต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอาการเจ็บหน้าอกร่วมด้วย อาการเหงื่อออกมากเกินไปอาจมีลักษณะดังนี้ คือ


  • มีเหงื่อออกมาก ร่วมกับเจ็บแน่นหน้าอก หรือหายใจลำบาก
  • รู้สึกใจสั่นร่วมกับการเหงื่อออกมาก
  • เหงื่อออกมากในขณะพักหรือทำกิจกรรมเบา ๆ

ปวดที่แขนหรือไหล่ (Pain in arms or shoulders)


รู้สึกปวดหรือไม่สบายที่แขน ไหล่ หรือคอ โดยเฉพาะด้านซ้ายของร่างกาย ซึ่งอาการนี้อาจเกิดขึ้นแบบเฉียบพลันโดยไม่มีสาเหตุ และมักปวดร้าวไปที่ขากรรไกรหรือด้านหลัง ซึ่งเป็นสัญญาณอาการของโรคหัวใจ อาการปวดแขนหรือไหล่อาจมีลักษณะดังนี้


  • รู้สึกเจ็บหรือร้าวที่แขนซ้ายหรือไหล่
  • ปวดร้าวไปที่กรามหรือหลังส่วนบน
  • มีอาการปวดที่รุนแรง ซึ่งอาจหาสาเหตุไม่ได้

อาการบวม (Swelling)


มีอาการบวมที่เท้า ขา หรือหน้าท้อง ซึ่งอาจเกิดจากหัวใจไม่ทำงานแย่ลง การไหลเวียนเลือดในร่างกายผิดปกติไป ทำให้เลือดสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกายจนมีอาการบวม โดยอาการบวมนี้มักพบในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลว โดยอาการบวมอาจมีลักษณะดังนี้


  • ข้อเท้าหรือเท้าบวมโดยไม่มีสาเหตุ
  • ขาหรือหน้าท้องบวมผิดปกติ

อาการอื่น ๆ (Other symptoms)


บางคนอาจมีอาการอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างไปในแต่ละคน เช่น อาการคลื่นไส้ เวียนศีรษะ หรือหมดสติ ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของภาวะหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน อาจทำให้เสียชีวิตได้ อาการอื่นที่เป็นอาการโรคหัวใจ เช่น


  • คลื่นไส้หรืออาเจียนที่ไม่มีสาเหตุชัดเจน
  • รู้สึกเวียนศีรษะหรือหมุนเวียน
  • หมดสติหรือมีความรู้สึกหมดแรงแบบทันทีทันใด ซึ่งต้องรีบพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาลทันที

สรุป


ความเข้าใจและทราบถึงโรคหัวใจอาการเริ่มต้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถรับมือและไปพบแพทย์ได้ทันท่วงที หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษา เพราะการรักษาแต่เนิ่น ๆ สามารถช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้


การป้องกันและรักษาโรคหัวใจ เริ่มได้จากการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ การดูแลสุขภาพเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันการเกิดโรคหัวใจได้


ปรึกษาอาการเบื้องต้นได้เลย เพื่อสุขภาพของคุณ

บทความที่เกี่ยวข้อง (10)

ดูทั้งหมด

คุณเป็นโรคภูมิแพ้…จริงหรือ…?

คนทั่วไปเมื่อมีอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลเรื้อรัง หรือเป็นๆ หายๆ มักจะบอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้ หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนเป็นหวัด หวัด เกิดจากการติดเชื้อไวรัส คนทั่วไปมักเป็นได้ปีละ 4 – 5 ครั้งก็มากเกินปกติแล้ว อาการหวัดมักเป็นอยู่ 3 – 4 วัน

โรคไข้อีดำอีแดง โรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อมูลจาก สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย โรคไข้อีดำอีแดงหรือ scarlet fever เป็นโรคที่เกิดจากพิษของเชื้อแบคทีเรียชื่อ #สเตร็ปโตคอคคัสชนิดเอ ทำให้มีผื่นแดง ตามตัวร่วมกับคอหอยหรือทอนซิลอักเสบ พบบ่อยในช่วงอายุระหว่าง 5-15 ปี

วัคซีนปอดอักเสบนิวโมคอกคัสชนิดใหม่ 20 สายพันธุ์ (PCV 20)

โรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอกคัสเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียสเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี (Streptococcus pneumoniae) ส่วนใหญ่เชื้อจะพบอยู่ในโพรงจมูกและลำคอ สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งทางละอองฝอยทางการไอหรือจาม เป็นหนึ่งในเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบที่พบบ่อย ทั้งในเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ

โรคแอนแทรกซ์ (Anthrax) โรคติดต่อจากสัตว์สู่คน

โรคแอนแทรกซ์ หรือชาวบ้านเรียกว่าโรคกาลี เป็นโรคที่รู้จักกันมาแต่โบราณกาล แอนแทรกซ์นับว่าเป็นโรคระบาดสำคัญโรคหนึ่งในพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2499 เป็นโรคติดต่ออันตรายร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ในสัตว์กินหญ้าแทบทุกชนิด ทั้งสัตว์ป่า เช่น ช้าง เก้ง กวาง และสัตว์เลี้ยง เช่น โค กระบือ แพะ แกะ แล้วติดต่อไปยังคนและสัตว์อื่น

บอลลูนหัวใจ: แก้ปัญหาหลอดเลือดหัวใจตีบ โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

การทำบอลลูนหัวใจหรือ PCI เป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพในการรักษาภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก ลดอาการเจ็บหน้าอก และลดความเสี่ยงของหัวใจวาย เป็นการเปิดหลอดเลือดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังคงต้องดูแลสุขภาพ หมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และลดปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อรักษาสุขภาพของหัวใจในระยะยาว

ลิ้นหัวใจเทียมคืออะไร? ทำไมต้องเปลี่ยน? และอะไรบ้างที่คุณควรรู้?

การผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาสำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาลิ้นหัวใจผิดปกติ และการผ่าตัดเปลี่ยนลินหัวใจจะช่วยฟื้นฟูการทำงานของหัวใจให้กลับมาใกล้เคียงปกติ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาจะต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียด เพื่อเลือกชนิดของลิ้นหัวใจที่เหมาะสม

หัวใจล้มเหลว อาการเป็นอย่างไร ป้องกันได้อย่างไรบ้าง

หัวใจล้มเหลวคือภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนและสารอาหารไม่เพียงพอ อาการสำคัญที่ควรสังเกต ได้แก่ เหนื่อยง่าย หายใจลำบาก ขาบวม และน้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) หมดความสงสัย วินิจฉัยได้อย่างแม่นยำ

การตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจมะเร็ง (Biopsy) คือวิธีที่นิยมในการวินิจฉัยมะเร็ง เนื่องจากความแม่นยำและละเอียดในการบ่งชี้ประเภทของมะเร็ง ทำได้อย่างไร? บทความนี้มีคำตอบ!

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ รักษาใจเต้นผิดจังหวะ ให้กลับสู่ภาวะปกติ

การใส่เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemaker Implantation) จะใช้รักษาผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ เครื่องจะช่วยให้หัวใจกลับมาทำงานได้ใกล้เคียงกับระดับปกติอีกครั้ง

รู้จัก ASD คืออะไร? ผนังหัวใจรั่วอาการเป็นแบบไหน รักษายังไงดี

ชวนรู้จัก ASD หรือ ภาวะผนังกั้นหัวใจรั่วคืออะไร ผนังหัวใจรั่ว อันตรายไหม? มาเช็กต้นตอสาเหตุ อาการของ ASD แนวทางการรักษา พร้อมวิธีดูแลให้หัวใจห้องบนแข็งแรง!

Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital