บทความสุขภาพ
Knowledge
นพ. ณัฐวุฒิ ไพสินสมบูรณ์
โรคเข่าเสื่อมถือเป็นโรคที่พบได้บ่อยโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ และยังพบได้ในผู้ที่ใช้ข้อเข่ามาก ๆ ได้อีกด้วย ปัจจุบันการรักษาโรคเข่าเสื่อมมีหลายวิธีทั้งการรักษาแบบผ่าตัดและไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
การรักษาเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือด (platelet-rich plasma; PRP) เป็นทางเลือกการรักษาอาการเข่าเสื่อมที่ลดอาการปวดได้ดี ปลอดภัย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ช่วยลดการรับประทานยาแก้ปวด และมีฤทธิ์การรักษาอยู่นาน และสามารถฉีดซ้ำได้
ข้อเข่าเสื่อมเป็นโรคในผู้สูงอายุที่พบได้บ่อย สถิติในประเทศไทยพบว่าในผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 65 ปี เกินกว่าครึ่งหนึ่งเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม และปัจจุบันยังพบอาการเข่าเสื่อมในคนที่อายุน้อยกว่า 65 ปีซึ่งมักจะพบในผู้ที่มีการใช้งานข้อเข่าหนัก เช่น นักกีฬา หรือผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก โรคข้อเข่าเสื่อมเกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนผิวข้อเข่าทำให้เกิดการเสียดสีของกระดูกขาท่อนบนและท่อนล่าง จนเกิดการอักเสบ มีอาการปวด เข่าบวม ข้อยึด เดินลำบาก หรือบางรายเข่าผิดรูปโก่งงอได้
แนวทางการรักษาข้อเข่าเสื่อมจะแบ่งการรักษาเป็นแบบการรักษาที่ไม่ต้องผ่าตัด และต้องผ่าตัด โดยเบื้องต้นแพทย์อาจพิจารณาการรักษาแบบไม่ต้องผ่าตัดโดยการใช้ยา เช่น ให้รับประทานยาแก้อักเสบ หรือยาแก้ปวด อาจเป็นยาในกลุ่มแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (non-steroidal antiinflammatory drugs; NSAIDs) หรือการทำกายภาพบำบัด การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อขา การลดน้ำหนักตัว และหากอาการรุนแรงมากขึ้นแพทย์อาจพิจารณาการรักษาด้วยการผ่าตัดข้อเข่าบางส่วน หรือการผ่าตัดข้อเข่าแบบทั้งหมด
แต่ในปัจจุบันมีทางเลือกการรักษาอาการข้อเข่าเสื่อมด้วยวิธีการฉีดเกล็ดเลือดรักษาเข่าเสื่อม (platelet-rich plasma; PRP) ซึ่งช่วยลดอาการปวด และช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อบริเวณที่อักเสบได้
เนื่องจากในเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) มีองค์ประกอบของ growth factor ซึ่งเป็นสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ทำหน้าที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และยังช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่าง ๆ โดยใน PRP มี growth factor อยู่สูงกว่าปกติมาก จึงทำให้เกิดการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เร็วขึ้น โดยมีการศึกษาพบว่าการรักษาด้วยการฉีดเกล็ดเลือดสามารถช่วยลดอาการปวดจากอาการของโรคเข่าเสื่อมได้
อย่างไรก็ตาม การรักษาขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของอาการและความรุนแรงของผู้ป่วยแต่ละราย ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อการรักษาที่เหมาะสม
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นมีข้อดีได้แก่
โดยผลข้างเคียงเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้หลังการฉีด ได้แก่ ปวดบริเวณที่ฉีด หรือมีรอยฟกช้ำขนาดเล็กที่มักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นอาจไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยในบางกรณี เช่น
การรักษาข้อเข่าเสื่อมด้วยการฉีดเกล็ดเลือด เป็นการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ใช้เวลาไม่นาน และไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล โดยขั้นตอนการรักษาในเบื้องต้น มีดังนี้
นอกจากจะใช้ในการรักษาข้อเข่าเสื่อมแล้ว การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นยังใช้ในการรักษาอย่างอื่นได้ด้วย เช่น
ทางเลือกหนึ่งของการรักษาอาการของโรคเข่าเสื่อมโดยไม่ต้องผ่าตัดอีกวิธีหนึ่งที่น่าสนใจคือ การรักษาข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP) เพราะเป็นการรักษาที่สามารถช่วยระงับปวด เจ็บตัวน้อย ไม่มีแผลผ่าตัด ช่วยระงับปวด แต่ไม่สามารถทำให้ผิวข้อที่เสื่อมไปแล้วกลับมาปกติได้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ปลอดภัย ผลข้างเคียงน้อยเพราะเป็นการรักษาด้วยเลือดของผู้ป่วยเอง ทั้งนี้ควรเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ ซึ่งอาจทำร่วมกับการควบคุมน้ำหนักตัวเพื่อลดแรงกดที่มีต่อข้อต่อเข่า หรืออาจมีการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อต้นขาร่วมด้วย เพื่อลดอาการปวดและทำให้ข้อต่อหัวเข่าทำงานได้สะดวกขึ้น
สนใจเรื่องการรักษาข้อเข่าด้วยการฉีดเกล็ดเลือดเข้มข้น (PRP)
เกี่ยวกับผู้เขียนบทความ
แพ็กเกจที่เกี่ยวข้อง (0)
ดูทั้งหมด
บทความที่เกี่ยวข้อง (10)
ดูทั้งหมด
Copyright © 2024 All Rights Reserved | Praram 9 Hospital